ฟิลิปส์ เผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีทางการแพทย์ปี 2025

ฟิลิปส์ เผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีทางการแพทย์ปี 2025

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ฟิลิปส์ บริษัทเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพชั้นนำระดับโลก เผย 10 เทรนด์ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปี 2025 ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรับมือกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบสาธารณสุข และช่วยให้ผู้คนเข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น

นายชาญณรงค์ ประเสริฐศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2025 เทคโนโลยีทางการแพทย์จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่เข้ามามีบทบาทในการทำงานแทบทุกด้าน ทั้งการวินิจฉัยโรค การรักษา และการดูแลผู้ป่วย รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มเทเลเฮลท์ (Telehealth) เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น แม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็ตาม”

ฟิลิปส์

10 เทรนด์เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปี 2025

  1. Generative AI จะเข้ามาช่วยลดภาระงานด้านเอกสารให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแพทย์ เช่น การจัดระเบียบบันทึกทางคลีนิก การสื่อสารข้อมูลผู้ป่วยระหว่างทีมแพทย์ การจัดการรายงานประวัติผู้ป่วย และการประมวลผลข้อมูลทางการแพทย์ที่ซับซ้อน โดย 85% ของผู้บริหารชั้นนำในวงการเฮลท์แคร์ทั่วโลกมีแผนที่จะลงทุนใน Generative AI ภายในสามปีข้างหน้า
  2. AI ช่วยในการวินิจฉัยโรค โดยเฉพาะโรคที่มีความซับซ้อน เช่น การสแกนหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (cardiac CT) และการตรวจจับสัญญาณของการเป็นพิษต่อหัวใจ (cardiotoxicity) ในผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งจะช่วยให้แพทย์รุ่นใหม่สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
  3. ศัลยกรรมยุคใหม่ มุ่งเน้นการผ่าตัดเล็ก (minimally invasive) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น ลดความเจ็บปวด และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน โดยแพทย์จะใช้เทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยในการวางแผนการผ่าตัด เช่น การสวนหลอดเลือดแบบไม่ต้องผ่าตัด (mechanical thrombectomy) ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
  4. ระบบข้อมูลสารสนเทศสำหรับผู้ป่วยวิกฤต ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยจากอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่หลากหลายได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และช่วยให้แพทย์สามารถประเมินและคาดการณ์อาการของผู้ป่วยได้ล่วงหน้า
  5. การดูแลรักษาที่บ้าน ด้วยเทคโนโลยีการติดตามสัญญาณชีพผู้ป่วยระยะไกล (Remote patient monitoring) ส่งข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยให้กับแพทย์แบบเรียลไทม์ ช่วยลดอัตราการกลับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วย
  6. เทเลเฮลท์ (Telehealth) ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น การปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอล การส่งยาถึงบ้าน และการติดตามอาการผู้ป่วยทางไกล ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล
  7. ข้อมูลสารสนเทศและดิจิทัลเฮลท์ ช่วยให้พ่อแม่ยุคใหม่สามารถดูแลลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยอุปกรณ์และแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น อุปกรณ์ติดตามการนอนหลับของทารก แอปพลิเคชันบันทึกการให้นมบุตร และอุปกรณ์วัดอุณหภูมิร่างกาย
  8. นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคสาธารณสุข เช่น การใช้ AI วิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน การลดขยะและของเสีย และการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ประหยัดพลังงาน
  9. ความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยการเลือกใช้ซัพพลายเออร์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำ
  10. การสร้างระบบสาธารณสุขด้วยเทคโนโลยีที่รองรับการเปลี่ยนแปลงด้านอากาศ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถทนต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ การใช้พลังงานทดแทน และการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ฟิลิปส์ มุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างระบบสาธารณสุขที่ยั่งยืน

#ฟิลิปส์ #เทคโนโลยีทางการแพทย์ #GenerativeAI #Telehealth #ความยั่งยืน #การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Related Posts