กรุงศรีฯ เผยกำไรสุทธิปี 2567 แตะ 30,403 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน

กรุงศรีฯ เผยกำไรสุทธิปี 2567 แตะ 30,403 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ประกาศผลประกอบการปี 2567 มีกำไรสุทธิ 30,403 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อนหน้า แม้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจะเติบโต แต่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 บันทึกกำไรสุทธิ 30,403 ล้านบาท ลดลง 8% จากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 33,132 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจะเติบโตขึ้นก็ตาม

ในปี 2567 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 107,893 ล้านบาท ลดลงจาก 156,537 ล้านบาทในปี 2566 ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ที่ 24,917 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 20,830 ล้านบาทในปีก่อน อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 45,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 35,616 ล้านบาทในปี 2566

สำหรับสินทรัพย์รวมของธนาคาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 2,620,074 ล้านบาท ลดลงจาก 2,768,294 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 โดยสินทรัพย์หลักยังคงเป็นเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ 1,819,634 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ 1,942,699 ล้านบาท เงินสดและรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิอยู่ที่ 498,889 ล้านบาท ลดลงจาก 536,143 ล้านบาทในปี 2566 ขณะที่เงินลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 137,690 ล้านบาท จาก 130,538 ล้านบาทในปีก่อน

ทางด้านหนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 2,224,265 ล้านบาท ลดลงจาก 2,396,841 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 โดยมีเงินรับฝากเป็นหนี้สินหลักที่ 1,822,229 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 1,839,601 ล้านบาทในปี 2566 รายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินอยู่ที่ 186,588 ล้านบาท ลดลงจาก 323,995 ล้านบาทในปีก่อน และตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืมอยู่ที่ 100,319 ล้านบาท ลดลงจาก 104,217 ล้านบาทในปี 2566

ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 395,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 371,453 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566

ในปี 2567 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนพันธกิจสำคัญด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บริบทการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่แตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน และถูกจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ศักยภาพการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ของสถาบันการเงินถูกลดทอนลง

ภารกิจหลักของกรุงศรีฯ ยังคงเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ SME และกลุ่มลูกค้ารายย่อย ผ่านทั้งมาตรการฉุกเฉินระยะสั้น และการส่งมอบนวัตกรรมสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Krungsri SME Transition Loan) เพื่อให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัวในด้านธุรกิจและสถานะทางการเงิน ตลอดจนสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ท่ามกลางอุปสงค์ต่อสินเชื่อที่ยังคงเปราะบาง กรุงศรีฯ ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ เร่งดำเนินการในด้านที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านความยั่งยืน อาทิ เงินฝากเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Deposit) และสินเชื่อเพื่อสังคม (Social Loan) ตลอดจนสนับสนุนการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของยุทธศาสตร์การลดก๊าซเรือนกระจกของลูกค้า

จากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ท้าทาย ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อรวมในปี 2567 ลดลงร้อยละ 6.0 อยู่ที่ 1,895,869 ล้านบาท โดยลดลงจำนวน 121,335 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 29,700 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.8 หรือจำนวน 3,229 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สะท้อนนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดระมัดระวัง

แม้ว่ากำไรสุทธิในปี 2567 จะลดลง แต่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยธนาคารมีการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินที่ดี อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามต่อไปในอนาคต

#กรุงศรีอยุธยา #ผลประกอบการ #กำไรสุทธิ #รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ #รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ #ผลขาดทุนด้านเครดิต #สินทรัพย์ #หนี้สิน #ส่วนของเจ้าของ #ความยั่งยืน #ESG #ธรรมาภิบาล #MD&A

Related Posts