สกพอ. จับมือ HSBC ดึงทุนโลกทะลัก EEC ตั้งเป้า 5 ปี 5 แสนล้านบาท

สกพอ. จับมือ HSBC ดึงทุนโลกทะลัก EEC ตั้งเป้า 5 ปี 5 แสนล้านบาท

สกพอ. ผนึกกำลัง เอชเอสบีซี ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ เชื่อมโยงการลงทุนระดับโลกสู่ EEC หวังดึงเม็ดเงินลงทุน 5 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมมูลค่าสูงในภูมิภาค

กรุงเทพฯ, ประเทศไทยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้วยการจับมือกับธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย สถาบันการเงินระดับโลก ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกเข้าสู่พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยตั้งเป้าหมายใหญ่ดึงเม็ดเงินลงทุนให้ได้ถึง 5 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี

ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้มี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. และนายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เป็นผู้ลงนาม โดยทั้งสององค์กรต่างเล็งเห็นถึงศักยภาพของ EEC ในการเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ดึงจุดแข็ง HSBC เชื่อมโยงนักลงทุนทั่วโลก

จุดเด่นของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการผสานความแข็งแกร่งของ สกพอ. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลและพัฒนาพื้นที่ EEC เข้ากับเครือข่ายที่กว้างขวางและความเชี่ยวชาญด้านการเงินระดับโลกของธนาคารเอชเอสบีซี ซึ่งมีเครือข่ายใน 58 ประเทศและเขตดินแดนทั่วโลก ทำให้สามารถเข้าถึงนักลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น จีน ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อินเดีย ไต้หวัน และญี่ปุ่น

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวย้ำถึงความสำคัญของ EEC ในฐานะกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการลงทุนมูลค่าสูง และเชื่อมโยงไปยังพื้นที่และชุมชน การลงทุนจากต่างประเทศมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา EEC มาโดยตลอด การผนึกกำลังกับ HSBC ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีความเชี่ยวชาญและเครือข่ายแข็งแกร่ง จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก และเชื่อมโยง EEC กับองค์กรชั้นนำระดับนานาชาติ

โรดโชว์ EEC เจาะตลาดศักยภาพสูง

ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ ทั้งสององค์กรจะร่วมกันแสวงหานักลงทุนที่มีศักยภาพ อำนวยความสะดวกในการลงทุนผ่านโครงการต่าง ๆ และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจระดับนานาชาติของ HSBC เพื่อปลดล็อกโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ โดยในปี 2568 ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย จะให้การสนับสนุนกิจกรรมโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการลงทุนสู่พื้นที่ EEC ในระเบียงเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น จีน สิงคโปร์ ยุโรป ไต้หวัน และญี่ปุ่น

“สกพอ. มุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการลงทุนและดำเนินธุรกิจ ผ่านการสนับสนุนตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเจรจาสิทธิประโยชน์จนถึงการเริ่มต้นประกอบกิจการ” ดร.จุฬา กล่าวเสริม

HSBC หนุนโซลูชันทางการเงินครบวงจร

นอกจากการเข้าถึงฐานลูกค้าระดับโลกของ HSBC แล้ว ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึงการสนับสนุนด้านโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจรให้แก่นักลงทุน ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมในประเทศให้สอดรับกับแนวโน้มของตลาดโลก

สกพอ.

นายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการสนับสนุนเป้าหมายการลงทุนของประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ และอีโคซิสเต็มในด้านการผลิตที่ครอบคลุม

EEC แรงขับเคลื่อนหลัก FDI ของไทย

ในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมี FDI ที่ได้รับอนุมัติเป็นมูลค่ารวมราว 7.27 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี และ EEC ก็เป็นศูนย์กลางของการเติบโตนี้ โดย 78% ของมูลค่า FDI เป็นการลงทุนในพื้นที่ EEC (ราว 5.68 แสนล้านบาท) สะท้อนถึงบทบาทของ EEC ในฐานะแรงขับเคลื่อนหลักของกลยุทธ์การลงทุนของประเทศไทย

อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดใน EEC ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (2.56 แสนล้านบาท) อุตสาหกรรมดิจิทัล (9.5 หมื่นล้านบาท) และยานยนต์แห่งอนาคต (8.7 หมื่นล้านบาท)

จีน-อินเดีย-ตะวันออกกลาง ตลาดเป้าหมายสำคัญ

HSBC มองเห็นแนวโน้มความสนใจของธุรกิจจีนในการขยายกิจการสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมนับตั้งแต่ปี 2561 จนถึงไตรมาสสามปี 2567 ราว 2.75 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ประเทศไทยยังดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ได้สำเร็จ เนื่องจากมีแหล่งพลังงานที่มั่นคงและมีเศรษฐกิจดิจิทัลขนาดใหญ่

นอกจากจีนแล้ว อินเดีย และตะวันออกกลาง ยังเป็นระเบียงการลงทุนที่สำคัญสำหรับประเทศไทย ด้วยความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งและโอกาสจากการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกัน

“เอชเอสบีซี จะอาศัยความเชี่ยวชาญของธนาคารฯ ในการเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างประเทศ เข้ามาสนับสนุน สกพอ. ในการเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนจากทั่วโลก” นายกัมบา กล่าว

5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย

ความร่วมมือระหว่าง สกพอ. และ HSBC มีเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญ 5 คลัสเตอร์ ได้แก่

  1. อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่: มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
  2. อุตสาหกรรมดิจิทัล: ส่งเสริมการลงทุนในด้าน ডাต้าเซ็นเตอร์, คลาวด์คอมพิวติ้ง, และเทคโนโลยี 5G
  3. อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ: พัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
  4. อุตสาหกรรมสีเขียว BCG: สนับสนุนการลงทุนในพลังงานสะอาด, เศรษฐกิจหมุนเวียน, และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  5. อุตสาหกรรมบริการ: ยกระดับภาคบริการให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เช่น การท่องเที่ยว, การเงิน, และโลจิสติกส์

อนาคตสดใส EEC ศูนย์กลางลงทุนแห่งภูมิภาค

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลเข้าสู่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการจ้างงานทักษะสูง เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันในระดับนานาชาติ และเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว

หลังพิธีลงนาม ยังมีการสัมมนาเกี่ยวกับศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้แทนจากบริษัทระดับโลก สถานทูต และหอการค้าระหว่างประเทศเข้าร่วมกว่า 50 ราย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความสนใจในศักยภาพของ EEC และประเทศไทย

#EEC #HSBC #สกพอ #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #อุตสาหกรรมไฮเทค #FDI #ThailandInvestment #BCG #DigitalEconomy

Related Posts