SCB FM วิเคราะห์ผลกระทบ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 2.00% ชี้เงินบาทอ่อนค่าระยะสั้น แต่ตลาดเริ่มชินมาตรการภาษี คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จับตาสงครามการค้า หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีเพิ่ม อาจเห็นบาทอ่อนค่าเกิน 34 บาท แนะผู้ประกอบการทำ FX Hedging
ตลาดเงินจับตาการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2.00% ในการประชุมล่าสุด ซึ่งเป็นการปรับลดลงเหนือความคาดหมายของตลาด โดยกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) ได้ออกมาวิเคราะห์ผลกระทบและแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะต่อไป
กนง. ลดดอกเบี้ย เหตุเศรษฐกิจโตต่ำกว่าคาด
นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส สายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า กนง. มีมติ 6 ต่อ 1 ให้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.00% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่อ่อนแอกว่าคาด รวมถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทรงตัวในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน
การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาภาระลูกหนี้ และทำให้ภาวะการเงินในบางภาคส่วนที่ตึงตัวผ่อนคลายลง
ผลกระทบต่อค่าเงินบาท และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
ภายหลังผลการประชุม กนง. ค่าเงินบาทปรับอ่อนค่าลงเหนือระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการปรับฐาน (Correction) กลับมาที่ระดับใกล้เคียงเดิม ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Government bond yields) ปรับลดลง โดยอัตราผลตอบแทนระยะ 2 ปี ลดลง 5 bps มาอยู่ที่ราว 1.96% ส่วนอัตราผลตอบแทนระยะ 10 ปี ลดลง 8 bps มาอยู่ที่ราว 2.17%
แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้น: เคลื่อนไหวในกรอบ
SCB FM ประเมินว่า ในระยะ 1 เดือนข้างหน้า เงินบาทมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบ 33.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาคือ มาตรการภาษี (Tariffs) ระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตาม ท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เริ่มผ่อนปรนลง และความไม่แน่นอนในการประกาศใช้มาตรการจริง ทำให้ตลาด Price-in tariffs risk น้อยลง สะท้อนจาก Market reaction ที่เบาลง ทำให้เงินบาทผันผวนน้อยลง
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีช่วงที่เงินบาทแข็งค่าจากแรงหนุนของเงินยูโรและเงินเยนที่กลับมาแข็งค่า แต่ก็อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วจาก Sentiment ตลาดหุ้นที่แย่ลง ทำให้มีเงินทุนไหลออก และตลาดเริ่มคาดการณ์ถึงโอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
จับตาสงครามการค้า: ตัวแปรสำคัญ
อย่างไรก็ตาม SCB FM มองว่า หากเงินบาทจะอ่อนค่าเหนือ 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อาจต้องมีการขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ เช่น การประกาศขึ้น Reciprocal tariffs หรือขึ้นภาษีนำเข้าต่อสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ และยา ที่อัตรา 25% ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ตลาดมีการ Reprice tariffs risk ใหม่ และส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
กนง. ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่ม (ในขณะนี้)
นายวชิรวัฒน์ ระบุเพิ่มเติมว่า กนง. ยังไม่ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะอันใกล้นี้ เนื่องจากคณะกรรมการฯ ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ประเมินในครั้งนี้ และสามารถรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าได้ อีกทั้งเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อที่อ่อนแอมาจากปัจจัยฝั่งอุปทานและปัจจัยเชิงโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไข และการลดดอกเบี้ยอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่า กนง. อาจลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ โดยอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นไตรมาสที่ 4 หาก GDP ไทยปีนี้เติบโตที่ราว 2.5%
คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ
จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดเงิน นายวชิรวัฒน์ แนะนำให้ผู้นำเข้าและส่งออกพิจารณาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (FX hedging) เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้
การลดดอกเบี้ยของ กนง. สะท้อนถึงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง แต่ยังไม่มีสัญญาณการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะอันใกล้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
#กนง #ลดดอกเบี้ย #ค่าเงินบาท #สงครามการค้า #SCBFM #เศรษฐกิจไทย #อัตราแลกเปลี่ยน #FXHedging #ธนาคารไทยพาณิชย์