อาลีบาบา คลาวด์ เผย AI ช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืน ยังหวั่นเรื่องพลังงาน

อาลีบาบา คลาวด์ เผย AI ช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืน ยังหวั่นเรื่องพลังงาน

ผลสำรวจล่าสุดจากอาลีบาบา คลาวด์ เผยธุรกิจทั่วโลกทึ่งในศักยภาพของ AI ในการขับเคลื่อนความยั่งยืน แต่ยังกังวลเรื่องการใช้พลังงานที่สูงเกินไป ประเทศไทยติดอันดับผู้นำด้านการใช้ AI และคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อความยั่งยืนในเอเชีย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – โลกธุรกิจกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่ในการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนและการจัดการกับผลกระทบด้านพลังงานที่ตามมา อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้เปิดเผยรายงาน “แนวโน้มและดัชนีความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีประจำปี 2024” (Tech-Driven Sustainability Trends and Index 2024) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความตระหนักที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจทั่วโลกเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง ในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน

AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง: กุญแจสู่ความยั่งยืน?

ผลสำรวจที่ครอบคลุมผู้มีอำนาจตัดสินใจ 1,300 รายใน 13 ตลาดทั่วเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง พบว่า 76% ของธุรกิจเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลมีศักยภาพสูงในการสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (83%) ที่แสดงความเชื่อมั่นสูงสุด ตามมาด้วยตลาดตะวันออกกลาง (78%) ยุโรป (74%) และตลาดที่พัฒนาแล้วในเอเชีย (72%)

ในระดับประเทศ ฟิลิปปินส์ (91%) สิงคโปร์ (84%) อินโดนีเซีย (81%) และไทย (81%) เป็นผู้นำในการให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน นอกจากนี้ 80% ของธุรกิจที่ตอบแบบสำรวจได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนไว้แล้ว ซึ่งประเทศไทยมีสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย อยู่ที่ 82%

ช่องว่างความเข้าใจและความกังวลเรื่องพลังงาน

แม้ว่าแนวโน้มการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จะเป็นไปในเชิงบวก แต่รายงานฉบับนี้ก็เผยให้เห็นถึงช่องว่างความเข้าใจที่สำคัญ โดย 59% ของธุรกิจยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย (63%) ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่สาม (70%) รองจากสิงคโปร์ (83%) และฮ่องกง (75%)

นอกจากนี้ ความกังวลเรื่องการใช้พลังงานที่สูงของเทคโนโลยี AI ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย โดย 61% ของผู้ตอบแบบสำรวจแสดงความกังวลในเรื่องนี้ โดยสิงคโปร์ (85%) ฟิลิปปินส์ (77%) ฮ่องกง (75%) และไทย (65%) มีความกังวลสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น 71% ของธุรกิจยังเชื่อว่าการใช้พลังงานปริมาณมากของเทคโนโลยี AI อาจไม่คุ้มค่ากับประโยชน์ที่ได้รับ

ความสำคัญของการควบคุมและการเลือกผู้ให้บริการที่ยั่งยืน

รายงานยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือ AI โดย 81% ของธุรกิจที่ตอบแบบสำรวจเห็นพ้องต้องกันว่ายังจำเป็นต้องมีคนควบคุมและชี้แนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดตะวันออกกลาง (91%) ที่มีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้สูงสุด

ในการเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ “ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ธุรกิจให้ความสำคัญกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น การใช้พลังงานทดแทน (51%) การดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ประหยัดพลังงาน (46%) และโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน (42%) สำหรับประเทศไทย ผู้ตอบแบบสำรวจให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ประหยัดพลังงานเป็นอันดับแรก (51%) ตามด้วยความมุ่งมั่นในอนาคตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมหรือมีความยั่งยืน (41%) และการใช้พลังงานทดแทน (38%)

อาลีบาบา คลาวด์

อาลีบาบา คลาวด์ มุ่งมั่นสู่ AI ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เซลิน่า หยวน ประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “การตอบแบบสำรวจของผู้มีอำนาจตัดสินใจจาก 13 ตลาด ทำให้รายงานการสำรวจนี้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับทัศนคติ และความท้าทายในการใช้ AI และคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อความยั่งยืนที่ธุรกิจเผชิญในปัจจุบัน อาลีบาบา คลาวด์ มุ่งมั่นสนับสนุนการเดินบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนของธุรกิจต่าง ๆ ด้วยโซลูชันที่ปรับขนาดการทำงานได้และยั่งยืน AI จะกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เหมาะสม ด้วยคำมั่นของเราที่จะใช้พลังงานสะอาด 100% ภายในปี 2573 และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกของเรา รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถให้กับ Generative AI เช่น ประสิทธิภาพของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)”

อาลีบาบา คลาวด์ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนา AI ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานสะอาด 100% ภายในปี 2573 และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก ข้อมูล ณ วันสิ้นสุดปีงบประมาณ (31 มีนาคม 2567) แสดงให้เห็นว่าการใช้พลังงานเฉลี่ย (PUE) ของดาต้าเซ็นเตอร์ที่บริษัทฯ สร้างเองมีประสิทธิภาพดีขึ้นเป็น 1.200 จาก 1.215 ในปีก่อนหน้า และ 56% ของการใช้ไฟฟ้ามาจากแหล่งพลังงานสะอาด นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอาลีบาบา ยังช่วยให้ลูกค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 9.884 ล้านตัน

โอเพ่นซอร์ส: กุญแจสู่การเข้าถึง AI อย่างเท่าเทียม

อาลีบาบา คลาวด์ ยังส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี AI อย่างเท่าเทียมผ่านการเปิดโอเพ่นซอร์สโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในตระกูล Qwen รวมถึง Qwen2.5-VL, Qwen2.5-1M และ Tongyi Wanxiang (Wan) ซึ่งเป็นโมเดลพื้นฐานด้านวิดีโอของบริษัทฯ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI เฉพาะงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าใช้จ่าย โมเดลโอเพ่นซอร์สเหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างโมเดลอนุพันธ์มากกว่า 100,000 โมเดล บน Hugging Face ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านและการนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก

รายงาน “Tech-Driven Sustainability Trends and Index 2024” ของอาลีบาบา คลาวด์ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสในการใช้เทคโนโลยี AI และคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน ธุรกิจจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงศักยภาพและข้อจำกัดของเทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึงการเลือกผู้ให้บริการที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

#AI #Sustainability #CloudComputing #TechTrends #AlibabaCloud #DigitalTransformation #ESG #GreenTech #Thailand #ความยั่งยืน #เทคโนโลยีดิจิทัล

Related Posts