กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สถานการณ์หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวใน กทม. ยังคงอยู่ในภาวะเฝ้าระวังและเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเข้มข้น โดยศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แผ่นดินไหว กรุงเทพมหานคร รายงานความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 30 มีนาคม 2568 โดยมีประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ
ภารกิจค้นหาและกู้ภัยเร่งด่วน ณ เขตจตุจักร: เดิมพันกับเวลาและความหวัง
รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้ คือปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์อาคารถล่มในพื้นที่เขตจตุจักร ซึ่งเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญหลังจากผ่านพ้น 48 ชั่วโมงแรก และกำลังจะเข้าสู่ 72 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ โดยทีมค้นหาและกู้ภัยทั้งจากหน่วยงานของไทยและทีมสนับสนุนจากนานาชาติ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเครื่องมือพิเศษ กำลังทำงานแข่งกับเวลาอย่างเต็มกำลังความสามารถและไม่มีการหยุดพัก
“กระบวนการค้นหายังเป็นไปตามที่ท่านอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงาน โดยมีความคืบหน้าและกำลังเร่งมืออย่างสูง เราจะทำการค้นหาต่อไปอย่างไม่หยุด” รศ.ทวิดา กล่าวเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในปฏิบัติการครั้งนี้
ความร่วมมือจากนานาชาติและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ซับซ้อนภายในซากอาคารได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการล่าสุดพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ขยับขึ้นเป็น 18 ราย และมีผู้บาดเจ็บรวม 33 ราย ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความรุนแรงของภัยพิบัติ และตอกย้ำความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในอนาคต
เพื่อสนับสนุนให้การค้นหาดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยสูงสุด กทม. ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เกิดเหตุเขตจตุจักรให้รัดกุมยิ่งขึ้น มีการจำกัดการเข้า-ออกพื้นที่อย่างเข้มงวด อนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันผลกระทบจากภายนอกที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ทีมกู้ภัยสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การประเมินความมั่นคงอาคาร: สร้างความเชื่อมั่นท่ามกลางความกังวล
นอกเหนือจากภารกิจกู้ภัยแล้ว การประเมินความปลอดภัยและความมั่นคงของอาคารทั่วกรุงเทพมหานคร ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญเร่งด่วน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในการกลับมาใช้ชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ ข้อมูล ณ เวลา 18:30 น. ของวันที่ 30 มีนาคม 2568 พบว่ามีประชาชนแจ้งเรื่องความกังวลเกี่ยวกับสภาพอาคารผ่านระบบ Traffy Fondue และสายด่วน 1555 รวมทั้งสิ้น 12,872 เรื่อง
กรุงเทพมหานคร โดยความร่วมมือกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และทีมวิศวกรอาสา ได้เร่งดำเนินการพิจารณาข้อร้องเรียนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถประเมินเบื้องต้นจากข้อมูลที่ได้รับไปแล้ว 9,874 เรื่อง หรือคิดเป็น 71% ของเรื่องที่แจ้งเข้ามาทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ได้มีการจัดส่งทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพอาคารจริง จำนวน 20 ทีม ซึ่งได้ปฏิบัติงานต่อเนื่องมาตั้งแต่วานนี้ โดยสามารถตรวจสอบอาคารไปแล้วทั้งสิ้น 315 แห่ง (วานนี้ 200 แห่ง และวันนี้ 115 แห่ง) จากการตรวจสอบ พบว่ามีอาคาร 2 แห่งที่จำเป็นต้องประกาศระงับการใช้งานชั่วคราว แม้โครงสร้างหลักจะยังคงปลอดภัย แต่เพื่อความไม่ประมาทและรอการตรวจสอบอย่างละเอียดเพิ่มเติม จึงยังไม่อนุญาตให้มีการเข้าใช้อาคารดังกล่าว
รศ.ทวิดา ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน โดยกล่าวว่า “อยากจะขอความร่วมมือนะคะ และขอให้เจ้าของอาคารทุกอาคารตรวจสอบสภาพการใช้งานของอาคารด้วย พรุ่งนี้จะเป็นวันที่เรากลับไปทำงานกัน… การอนุญาตใช้อาคารเป็นสิทธิ์ของเจ้าของอาคารนะคะ ดังนั้นการตรวจสอบให้มีความปลอดภัย จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนของกรุงเทพมหานครที่จะกลับเข้าไปใช้อาคารเหล่านั้นในการทำงาน หรือแม้แต่การพักอาศัยก็ตาม”
การเรียกร้องให้เจ้าของอาคารตรวจสอบความปลอดภัยก่อนอนุญาตให้พนักงานหรือผู้อยู่อาศัยกลับเข้าใช้งาน ถือเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันความเสี่ยง และเป็นปัจจัยพื้นฐานในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด การหยุดชะงักของภาคธุรกิจเนื่องจากความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของอาคาร อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจของเมืองหลวง
ฟื้นฟูเส้นเลือดใหญ่เศรษฐกิจ กทม.: การเดินทางและการสัญจร
ระบบคมนาคมขนส่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร การฟื้นฟูให้กลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วที่สุดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ล่าสุด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รายงานความคืบหน้าว่า ทางด่วนดินแดง ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการเดินทางเข้า-ออกเมือง จะสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติในเวลา 05:00 น. ของวันพรุ่งนี้ (31 มีนาคม 2568)
สำหรับโครงข่ายถนนในความรับผิดชอบของสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ได้มีการตรวจสอบความปลอดภัยเสร็จสิ้นแล้ว และยืนยันว่าถนนส่วนใหญ่สามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการปิดการจราจรใน 2 พื้นที่ ได้แก่:
- บริเวณบางโพ: เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างละเอียดจากเหตุการณ์เครนก่อสร้างถล่มลงมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างใกล้เคียง
- ถนนกำแพงเพชร 2: บริเวณใกล้เคียงพื้นที่อาคารถล่มในเขตจตุจักร เพื่ออำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย
กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางทั้งสองดังกล่าว หากไม่จำเป็น เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่
ในส่วนของระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ:
- รถไฟฟ้าสายสีเหลือง: กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้วตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู: บริษัทผู้ให้บริการยังคงขอเวลาในการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างและระบบอาณัติสัญญาณเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจสูงสุดก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเส้นทางขนส่งรอง (Feeder Line) ประชาชนอาจพิจารณาใช้การเดินทางรูปแบบอื่นทดแทนไปก่อน
- การสัญจรทางน้ำ:
- เรือด่วนเจ้าพระยา: มีการเพิ่มเที่ยวเรืออีก 20 เที่ยว เพื่อรองรับความต้องการเดินทางที่อาจเพิ่มสูงขึ้น โดยเน้นที่ท่าเรือหลัก 3 แห่ง คือ ท่าเรือสาทร ท่าเรือสี่พระยา และท่าเรือเทเวศน์
- เรือโดยสารคลองแสนแสบ: ยังคงให้บริการเดินเรือตามปกติ
การเร่งฟื้นฟูและปรับปรุงบริการขนส่งสาธารณะเหล่านี้ ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อภาคธุรกิจว่า กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกำลังจะกลับมาทำงานอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
เยียวยาจิตใจ ฟื้นฟูเมือง: โครงการ “Bangkok We are OK”
นอกเหนือจากการรับมือกับผลกระทบทางกายภาพและเศรษฐกิจแล้ว กรุงเทพมหานครยังให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสภาพจิตใจของประชาชน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างพลังใจให้ก้าวผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน โครงการ “Bangkok We are OK” จึงถูกริเริ่มขึ้น โดยมีกิจกรรมหลักคือ “ดนตรีในสวน” ซึ่งจะจัดขึ้นในสวนสาธารณะหลัก 5 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ สวนลุมพินี, สวนเบญจกิติ, สวนเบญจสิริ, สวนสันติภาพ และสวนจตุจักร
“เจตนาที่เราต้องการให้เป็นความคลายความกังวล เราอยากจะฟื้นฟูจิตใจให้มีความสบายใจได้ พบปะกับผู้คนที่อาศัยเป็นประชาชนในกรุงเทพมหานครด้วยกัน โดยหวังว่า การฟื้นฟูจิตใจและทำให้สบายใจขึ้น จะทำให้เรามีความรู้สึกกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้เร็วขึ้นเช่นกัน” รศ.ทวิดา กล่าวถึงเป้าหมายของโครงการ
ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังทำหน้าที่สื่อสารไปยังประชาคมโลกและเมืองต่างๆ ทั่วโลกว่า แม้กรุงเทพมหานครจะกำลังทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่เมืองหลวงแห่งนี้ยังคงมีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะขับเคลื่อนชีวิตและเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
“Bangkok We are OK จะสื่อสารสู่ประชาคมโลกและเมืองต่างๆว่า กรุงเทพมหานครดำเนินการค้นหาผู้รอดชีวิตอย่างเต็มความสามารถ และจะไม่หยุด… ในขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครของเราแข็งแรงมากพอที่จะดำเนินชีวิตเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าด้วยการร่วมใจกัน ร่วมมือกัน ทำให้กรุงเทพมหานคร วี อาร์ โอเค” รศ.ทวิดา กล่าวทิ้งท้าย
บทสรุปและมุมมองทางเศรษฐกิจ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของกรุงเทพมหานคร ทั้งในด้านการจัดการภัยพิบัติ การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และการประคับประคองเศรษฐกิจ แม้ความเสียหายทางตรงที่เกิดขึ้นกับอาคารและชีวิตจะเป็นเรื่องน่าสลดใจ แต่ผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การหยุดชะงักของกิจกรรมทางธุรกิจ การประเมินความเสียหายและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ต้นทุนในการซ่อมแซมอาคารและสาธารณูปโภค รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยว ล้วนเป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการอย่างรวดเร็วและเป็นระบบของกรุงเทพมหานคร ทั้งการเร่งกู้ภัย การตรวจสอบความปลอดภัยอาคาร การฟื้นฟูระบบคมนาคม และการเยียวยาจิตใจประชาชน ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการจำกัดผลกระทบและเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การสื่อสารที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม จะช่วยให้กรุงเทพมหานครสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ และกลับมาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งได้อีกครั้งในไม่ช้า
สถานการณ์ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างละเอียด และแผนการฟื้นฟูระยะยาวที่จะตามมา
#แผ่นดินไหวกทม #BangkokEarthquake #กทม #กรุงเทพมหานคร #จตุจักร #อาคารถล่ม #กู้ภัย #ตรวจสอบอาคาร #เศรษฐกิจไทย #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #ความเชื่อมั่น #คมนาคมกทม #รถไฟฟ้า #ทวิดากมลเวชช #BangkokWeAreOK