ซิตี้แบงก์ คาด ธปท. อาจหั่นดอกเบี้ยอีก 0.25% แตะ 1.75% ช่วงครึ่งปีหลัง

ซิตี้แบงก์ คาด ธปท. อาจหั่นดอกเบี้ยอีก 0.25% แตะ 1.75% ช่วงครึ่งปีหลัง

ซิตี้แบงก์ วิเคราะห์ ธปท. อาจลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง สู่ระดับ 1.75% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 หากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวตามคาดการณ์ ชี้การลดดอกเบี้ยเหลือ 2.0% ในการประชุม กนง. ครั้งล่าสุด เป็นการเตรียมรับมือความเสี่ยงเศรษฐกิจ พร้อมจับตาหนี้ครัวเรือนสูง ยังเป็นปัจจัยจำกัดการลดดอกเบี้ยให้ต่ำกว่านี้

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ออกบทวิเคราะห์คาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยชี้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม หากเศรษฐกิจไทยยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามที่คาดหวังไว้

กนง. ลดดอกเบี้ยเหลือ 2.0% เตรียมรับมือความเสี่ยง

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.0% ซึ่งนางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจดังกล่าวของ ธปท. เป็นการใช้พื้นที่นโยบาย (policy space) ที่มีอยู่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงด้านต่ำ (downside risks) ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ ซิตี้แบงก์ยังมองว่า อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ คือ การป้องกันไม่ให้อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ ธปท. กำหนดไว้ เป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะช่วยผ่อนคลายสภาวะทางการเงิน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

จับตาครึ่งปีหลัง อาจเห็นดอกเบี้ย 1.75%

นางสาวนลิน กล่าวว่า ซิตี้แบงก์คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75% ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับลดดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นหลังจากเดือนเมษายนไปแล้ว เนื่องจาก กนง. ยังคงประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบัน (2.0%) ยังมีความเหมาะสม และเพียงพอที่จะรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

“เราประเมินเบื้องต้นว่า อาจมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนสิงหาคม โดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นหากการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวต่ำกว่าที่คาด ความเสี่ยงจากนโยบายการค้าทวีความรุนแรงขึ้น อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาด หรือความเสี่ยงด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น” นางสาวนลินกล่าว

ซิตี้แบงก์

หนี้ครัวเรือนสูง ยังเป็นข้อจำกัด

แม้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ซิตี้แบงก์มองว่า การลดดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าระดับ 1.75% อาจมีข้อจำกัด เนื่องจาก ธปท. ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ครัวเรือนของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

นางสาวนลิน อธิบายว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง (real policy rate) เข้าใกล้ระดับต่ำสุดของกรอบอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงในระยะยาว ซึ่ง ธปท. ประเมินว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 0.5-1.0%

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่ากังวลคือ ระดับหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทย ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง โดยข้อมูลล่าสุดในไตรมาส 4 ปี 2567 ระบุว่า หนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่เกือบ 89% ของ GDP

“ซิตี้สังเกตว่าหนี้ครัวเรือนเคยอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 85% ของจีดีพี ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% ในปี 2558 และปี 2562” นางสาวนลิน กล่าวสรุป

ซิตี้แบงก์ ชี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา

นอกเหนือจากประเด็นเรื่องหนี้ครัวเรือนแล้ว ซิตี้แบงก์ยังชี้ให้เห็นถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของ ธปท. ได้แก่

  • การชะลอตัวของเศรษฐกิจ: หากการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันให้ ธปท. ต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
  • ความขัดแย้งทางการค้า: ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ ธปท. ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
  • อัตราเงินเฟ้อ: หากอัตราเงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจเป็นแรงกดดันให้ ธปท. ต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
  • ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ: หากความเสี่ยงด้านสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น เช่น มีการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ ธปท. ต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาผลกระทบ

บทสรุปและแนวโน้ม

โดยสรุปแล้ว ซิตี้แบงก์มองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคงอยู่ในทิศทางขาลง โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ ธปท. จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ระดับหนี้ครัวเรือน และความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ ธปท. ใช้ในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ และกระตุ้นการเติบโต แต่ก็ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

#ซิตี้แบงก์ #ธปท #อัตราดอกเบี้ยนโยบาย #เศรษฐกิจไทย #หนี้ครัวเรือน #กนง #นโยบายการเงิน

Related Posts