DHL ยักษ์ใหญ่โลจิสติกส์ระดับโลก ประกาศความมุ่งมั่นในการลงทุนและขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เล็งเห็นศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อน “Strategy 2030” เน้นย้ำความยั่งยืนและเทคโนโลยีดิจิทัล รองรับเมกะเทรนด์โลกที่กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรม
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ดีเอชแอล (DHL) บริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ “Strategy 2030 – Accelerate Sustainable Growth” มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมคว้าโอกาสในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ท่ามกลางกระแสธุรกิจที่กำลังมองหาซัพพลายเชนที่มีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
DHL เล็งเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อีคอมเมิร์ซ และการกระจายฐานการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านซัพพลายเชน (supply chain diversification) ซึ่ง DHL มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนการเติบโตเหล่านี้ ด้วยการลงทุนเชิงรุกและการพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“Strategy 2030” กับ 5 เมกะเทรนด์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
กลยุทธ์ “Strategy 2030” ของ DHL ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อ 5 เมกะเทรนด์สำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้แก่:
- การค้าโลก (Globalization): DHL จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายระดับโลกและความเชี่ยวชาญในแต่ละประเทศ เพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศและการขยายตัวของธุรกิจไทย
- อีคอมเมิร์ซ (E-commerce): DHL จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ด้วยบริการขนส่งที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และครอบคลุมทั่วประเทศ
- ความยั่งยืน (Sustainability): DHL มุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และให้บริการโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Logistics)
- การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digitalization): DHL จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและพัฒนาบริการ
- การพัฒนาของแรงงาน (Workforce Development): DHL จะลงทุนในการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้มีทักษะและความรู้ความสามารถที่จำเป็นต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม
โอกาสทองของประเทศไทย: EV, อีคอมเมิร์ซ, และการกระจายฐานผลิต
นอกจากเมกะเทรนด์ดังกล่าว DHL ยังมองเห็นโอกาสสำคัญในการเติบโตของประเทศไทยใน 3 ด้านหลัก:
-
ยานยนต์ไฟฟ้า (EV): ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ DHL พร้อมให้บริการโซลูชันโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมซัพพลายเชนของ EV อย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการผลิต EV ให้ได้ 30% ของปริมาณการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573
-
อีคอมเมิร์ซ: ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโตจาก 26,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2566 เป็น 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2568 DHL มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจ SME และแบรนด์ไทยในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ GoTrade และบริการขนส่งที่ได้มาตรฐาน
-
การกระจายฐานการผลิต: ด้วยศักยภาพการผลิตที่แข็งแกร่งในภาคยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทยจึงมีความได้เปรียบในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ DHL จะใช้เครือข่ายระดับโลกและความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเส้นทางการค้าและการปรับตัวของซัพพลายเชนทั่วโลก
DHL กับพันธกิจระยะยาวต่อประเทศไทย
DHL แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบุคลากร และการขยายเครือข่ายการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน DHL มีพนักงานรวมกว่า 9,300 คนในประเทศไทย
-
DHL Supply Chain: บริหารจัดการพื้นที่คลังสินค้ากว่า 678,000 ตารางเมตร ครอบคลุมกว่า 70 แห่ง รวมถึงในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และมีรถขนส่งกว่า 4,800 คัน
-
DHL Express: มีศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคที่สนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์บริการ 15 แห่ง จุดให้บริการ 131 แห่ง และเครื่องบินขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 85 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
-
DHL Global Forwarding: มีสำนักงาน 7 แห่ง คลังสินค้า 3 แห่ง และศูนย์ DHL International Multimodal Hub ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและลดความซับซ้อนของพิธีการศุลกากร
-
DHL eCommerce: มีศูนย์กระจายสินค้าปลายทาง 151 แห่ง ยานพาหนะกว่า 2,000 คัน จุดให้บริการกว่า 230 แห่ง และให้บริการจัดส่งถึงมือผู้รับภายในวันถัดไปสูงถึง 97% ของพื้นที่ทั่วประเทศ
มุ่งสู่ผู้นำด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน
ดีเอชแอล มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยทุกหน่วยธุรกิจในประเทศไทยได้นำยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ในการดำเนินงาน และมีโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนอื่นๆ อีกมากมาย
-
DHL Express: เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ด่วนระหว่างประเทศรายแรกที่นำ EV มาใช้ในประเทศไทย และมีบริการ GoGreen Plus ที่ช่วยให้ลูกค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
-
DHL Supply Chain: นำรถขนส่งไฟฟ้า (EV) มาใช้งาน และมีโครงการ Certified GoGreen Specialist เพื่อฝึกอบรมพนักงาน
-
DHL Global Forwarding: เพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ การขนส่งหลายรูปแบบ และการใช้ EV รวมถึงบริการ GoGreen Plus ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน
-
DHL eCommerce: นำ EV มาใช้ในเส้นทางรับส่งระหว่างศูนย์กระจายสินค้า และมีแผนที่จะเพิ่มจำนวน EV อย่างต่อเนื่อง
เสียงสะท้อนจากผู้บริหาร DHL
-
คุณเกียรติชัย พิตรปรีชา, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DHL eCommerce เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: “ภาคอีคอมเมิร์ซของไทยยังมีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดี DHL มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ ผ่านการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการขนส่งให้ดียิ่งขึ้นและการขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล”
-
คุณเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย, กรรมการผู้จัดการ DHL Express ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน: “เครือข่ายของเราที่ครอบคลุม 220 ประเทศ … ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญของการค้าโลก เราช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจทุกขนาดในประเทศไทยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโอกาสธุรกิจที่มีทั่วโลก”
-
คุณวินเซนต์ ยอง, กรรมการผู้จัดการ DHL Global Forwarding ประเทศไทย: “การเปิดตัวศูนย์ DHL International Multimodal Hub … ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทย … โซลูชันของเรา … จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของประเทศ”
-
คุณสตีฟ วอล์กเกอร์, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DHL Supply Chain กลุ่มธุรกิจประเทศไทย: “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ … เรามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งต่อโอกาสทางธุรกิจ และมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าและความเป็นเลิศด้านซัพพลายเชนในประเทศไทยในอนาคต”
ดีเอชแอล ไม่เพียงแต่มองเห็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ “Strategy 2030” ที่ครอบคลุมทั้งด้านการค้า อีคอมเมิร์ซ ความยั่งยืน เทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาบุคลากร DHL พร้อมที่จะเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทยและภูมิภาค
#DHL #Strategy2030 #โลจิสติกส์ #ประเทศไทย #EV #อีคอมเมิร์ซ #ความยั่งยืน #SupplyChain #Digitalization #GoGreen