กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พบความเสียหายขยายวงกว้าง 18 จังหวัด อาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการ วัด โรงเรียน โรงพยาบาล เสียหายรวมกว่า 800 แห่ง ขณะที่เหตุอาคาร สตง. (คาดว่าเป็นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) ย่านจตุจักร กรุงเทพฯ ถล่ม ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่ม 11 ราย บาดเจ็บ 9 สูญหาย 76 ราย ปภ. ประสาน กทม. และจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ เร่งสำรวจความเสียหายและจ่ายเงินเยียวยาตามระเบียบ พร้อมลดระดับความรุนแรงภัยพิบัติเป็นระดับ 2 คืนอำนาจให้ผู้ว่าฯ บริหารจัดการ ด้านทางด่วนดินแดงที่ปิดเนื่องจากเครนก่อสร้างได้รับผลกระทบ คาดเปิดใช้งานได้ 31 มี.ค. เวลา 05.00 น. พร้อมเตือนประชาชนระวังพายุฤดูร้อนช่วง 29 มี.ค. – 1 เม.ย.
ความคืบหน้าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม เวลาประมาณ 13.20 น. ซึ่งแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ในหลายพื้นที่ คิดเป็นกว่าร้อยละ 90 ของประเทศไทยนั้น ล่าสุด นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์เพิ่มเติม ณ วันที่ 30 มีนาคม 2568
นายภาสกร กล่าวว่า จากการรวบรวมรายงานความเสียหายล่าสุด พบว่ามีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากเดิม 4 จังหวัด รวมเป็น 18 จังหวัด โดยส่วนใหญ่ความเสียหายไม่รุนแรงมากนัก แต่กระจายตัวในหลายพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และภาคอื่นๆ รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยสรุปความเสียหายเบื้องต้นทั่วประเทศ ประกอบด้วย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 591 หลังคาเรือน, วัด 55 แห่ง, โรงพยาบาล 86 แห่ง, โรงเรียน 52 แห่ง, สถานที่ราชการ 25 แห่ง และอาคารเก่าบางส่วน (ยังไม่ระบุจำนวนแน่ชัด) ความเสียหายส่วนใหญ่เป็นลักษณะผนังปูนร่วงหล่น หรือโครงสร้างแตกร้าว มีกรณีที่น่าสนใจที่จังหวัดเชียงราย คือสถานีรถไฟทางคู่ที่อำเภอป่าแดด ซึ่งมีคานปูนตกลงมาทับรถยนต์ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร จุดที่ได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุดคืออาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บริเวณย่านจตุจักร ซึ่งเกิดการทรุดตัวและถล่มลงมาบางส่วนภายหลังเหตุแผ่นดินไหว นายภาสกรกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน ทีมกู้ภัยภายใต้การบัญชาการของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ระดมกำลังเข้าปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง โดย ปภ. ได้ส่งชุดปฏิบัติการกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue: USAR) จำนวน 77 นาย พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยขนาดใหญ่จากศูนย์ ปภ. เขต 1 ปทุมธานี, เขต 2 สุพรรณบุรี และเขต 3 ปราจีนบุรี เข้าสนับสนุนภารกิจ
“จากปฏิบัติการตลอดคืนที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้าวันนี้ (30 มี.ค.) ทีมกู้ภัยสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้เพิ่มเติม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารถล่มที่ สตง. ขณะนี้เพิ่มขึ้น 11 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 76 ราย” นายภาสกรกล่าว “ทีมงานได้วางแผนปฏิบัติการอย่างรัดกุม มีการใช้รถเครนขนาดใหญ่เพื่อเปิดทางให้ทีม USAR สามารถเข้าถึงพื้นที่และดำเนินการกู้ภัยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด ซึ่งร่างผู้เสียชีวิตที่นำออกมาได้ จะถูกส่งไปตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป”
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยนั้น อธิบดี ปภ. ยืนยันว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ ปภ. เร่งรัดดำเนินการดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ “ปภ. ได้ออกหนังสือสั่งการแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า ให้เร่งสำรวจความเสียหาย จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ประสบภัย และดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบ โดยใช้เงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือประชาชนอย่างเร่งด่วนที่สุด”
สำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายภาสกรกล่าวว่า ได้มีการประชุมร่วมกับทีมงานของ กทม. ซึ่ง กทม. จะเป็นหน่วยงานหลักในการจ่ายเงินช่วยเหลือตามระเบียบและงบประมาณของ กทม. เอง ครอบคลุมทั้งค่าที่พักอาศัยชั่วคราวหรือค่าเช่าบ้าน เงินปลอบขวัญกรณีบาดเจ็บ ค่าจัดการศพ ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำที่เสียหาย ซึ่งผู้ประสบภัยที่เป็นเจ้าของสามารถยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ โดย กทม. จะดำเนินการสำรวจและจัดทำบัญชีควบคู่ไปกับการปฏิบัติการกู้ภัย
นอกเหนือจากความเสียหายต่ออาคารและผลกระทบต่อประชาชนโดยตรงแล้ว เหตุแผ่นดินไหวยังส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ โดยเฉพาะเครนก่อสร้างขนาดใหญ่บริเวณทางด่วนดินแดง ที่ได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนจนเกิดการเอนและมีชิ้นส่วนบางส่วนตกลงมา ทำให้ต้องปิดการจราจรบนทางด่วนทั้งขาเข้าและขาออกในบริเวณดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย นายภาสกรเปิดเผยว่า ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตนเองทั้งเมื่อวานและวันนี้ พร้อมสั่งการให้ทีมวิศวกรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ประชุมหารือเพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์
“ทีมวิศวกรได้ดำเนินการยึดสลิงของเครนเข้ากับโครงสร้างของอาคารที่กำลังก่อสร้างในแต่ละชั้นเพื่อสร้างความมั่นคงแข็งแรง และได้ทยอยตัดชิ้นส่วนเครนบางส่วนออกแล้ว จากการประสานงานกับการทางพิเศษฯ และคณะทำงาน คาดว่าจะสามารถเปิดการจราจรบนทางด่วนดินแดงได้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (31 มีนาคม 2568) ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป” นายภาสกรกล่าวแจ้งข่าวดีแก่ผู้ใช้เส้นทาง
จากการประเมินสถานการณ์ความเสียหายโดยรวมทั่วประเทศ ทั้ง 18 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเห็นว่า แม้ความเสียหายจะกระจายในหลายพื้นที่ แต่ความรุนแรงไม่ได้ขยายวงกว้างและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว จึงได้เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ลงนามในประกาศลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ จากระดับ 3 (ภัยพิบัติขนาดใหญ่) ลงเป็นระดับ 2 (ภัยพิบัติขนาดกลาง) ซึ่งมีผลตั้งแต่คืนวันที่ 30 มีนาคมเป็นต้นไป การลดระดับดังกล่าวเป็นการคืนอำนาจการบัญชาการและการบริหารจัดการสถานการณ์ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการภายใต้กรอบ พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ตามศักยภาพของพื้นที่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายภาสกรได้กล่าวแจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์สภาพอากาศ โดยอ้างอิงรายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 29 มีนาคม ถึง 1 เมษายน 2568 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน เนื่องจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดนำความชื้นเข้ามา อาจทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีฟ้าผ่าในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง ตรวจสอบความแข็งแรงของสิ่งปลูกสร้าง ป้ายโฆษณา และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงขณะเกิดพายุ อย่างไรก็ตาม คาดว่าพายุฤดูร้อนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่องานกู้ชีพกู้ภัยที่กำลังดำเนินการอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
“ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะใช้สรรพกำลังและทรัพยากรทุกอย่างเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยและได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง ครบถ้วน และรวดเร็วที่สุด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และบูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในทุกมิติอย่างเต็มกำลังความสามารถ” อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวทิ้งท้าย
#แผ่นดินไหว #ปภ #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย #ภัยพิบัติ #เยียวยา #อาคารถล่ม #สตง #กรุงเทพ #เชียงราย #ทางด่วนดินแดง #ข่าวเศรษฐกิจ #เตือนภัย #พายุฤดูร้อน #ความเสียหายแผ่นดินไหว