เปิดตัว realme 14 5G Series ชู Performance Dominator บุกตลาดเกมมิ่ง

เปิดตัว realme 14 5G Series ชู Performance Dominator บุกตลาดเกมมิ่ง

realme สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ เขย่าตลาดสมาร์ตโฟนไทย เปิดตัว “realme 14 5G Series” อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 4 ในรุ่น realme 14 5G สมฉายา “Performance Dominator” พร้อมรุ่น realme 14 Pro 5G ที่มาพร้อม Dimensity 7300 และดีไซน์เปลี่ยนสีได้รุ่นแรกของโลก อัดแน่นด้วยแบตเตอรี่ทรงพลัง 6000mAh ชาร์จไว 45W และฟีเจอร์ AI ล้ำสมัย ตั้งเป้าเจาะกลุ่มเกมเมอร์และคนรุ่นใหม่เต็มตัว ราคาเริ่มต้นน่าจับจองเพียง 11,999 บาท

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – realme (เรียลมี) แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับว่าเติบโตเร็วที่สุดในโลก ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ใช้งานชาวไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟน Number series รุ่นล่าสุดที่หลายคนรอคอย นั่นคือ “realme 14 5G Series” ซึ่งประกอบด้วยสองรุ่นหลัก ได้แก่ realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G การเปิดตัวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ realme ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและประสิทธิภาพในตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการเล่นเกม

สำหรับรุ่นไฮไลท์อย่าง realme 14 5G ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งขุมพลังหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 6 Gen 4 ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตร อันล้ำสมัย ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ทรงพลัง สามารถทำคะแนนทดสอบ AnTuTu ได้สูงถึง 810,000 คะแนน ซึ่งสูงกว่าซีพียูรุ่นก่อนหน้าถึง 15% ไม่เพียงแต่เร็วแรง แต่ยังประหยัดพลังงานได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ทำให้ realme 14 5G ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Performance Dominator” หรือผู้ครอบครองประสิทธิภาพอย่างแท้จริงแห่งปี เหมาะสำหรับทั้งนักกีฬาอีสปอร์ตระดับมืออาชีพที่ต้องการความได้เปรียบในการแข่งขัน และเกมเมอร์ทั่วไปที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด

นอกเหนือจากประสิทธิภาพของชิปเซ็ตแล้ว realme 14 5G ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Mecha Design ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหุ่นยนต์รบ ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ดุดัน และทันสมัย ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีลิโธกราฟีนาโนขั้นสูง (Advanced Nano-lithography Technology) เพิ่มความพิเศษด้วยโมดุลแฟลชแบบ “Victory Halo” ที่สามารถเรืองแสงแบบไดนามิก สร้างลูกเล่นและความน่าสนใจในขณะใช้งาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่และเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่ไม่ใช่แค่เร็วแรง แต่ยังต้องมีดีไซน์ที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้ realme 14 5G เป็นที่จับตามองคือ แบตเตอรี่ Titan Graphite ขนาดความจุใหญ่ถึง 6000mAh ซึ่งเป็นแบตเตอรี่กราไฟต์ที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูงที่สุดในอุตสาหกรรมขณะนี้ โดยมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นถึง 8% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า รองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 45W ซึ่งถือว่าดีที่สุดในเซกเมนต์ราคานี้ ช่วยให้ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะเกมเมอร์ สามารถใช้งานสมาร์ตโฟนได้อย่างต่อเนื่องยาวนานตลอดวัน หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างการแข่งขันหรือใช้งานหนัก นอกจากนี้ realme ยังมอบการรับประกันสุขภาพแบตเตอรี่นานสูงสุดถึง 4 ปี โดยการันตีว่าแบตเตอรี่ยังคงรักษาความจุได้มากกว่า 80% แม้จะผ่านการชาร์จไปแล้วถึง 1400 รอบ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในด้านความทนทานและคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว

ในส่วนของหน้าจอ realme 14 5G มาพร้อมจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ ที่รองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz มอบประสบการณ์ภาพที่ลื่นไหล สีสันสดใสคมชัด สมจริง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมและการรับชมคอนเทนต์มัลติมีเดีย ทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาเมื่อต้องใช้งานเป็นเวลานาน ผสานการทำงานร่วมกับ AI Performance Engine อัจฉริยะ ที่ช่วยเร่งความเร็วในการเปิดแอปพลิเคชันต่างๆ และจัดการการทำงานแบบมัลติทาสก์ให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

realme 14 5G Series

จุดเด่นที่ตอบโจทย์เกมเมอร์โดยเฉพาะคือความสามารถในการปรับค่า Frame Per Second (FPS) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความลื่นไหลของภาพในเกม โดย realme 14 5G ก้าวข้ามขีดจำกัดของสมาร์ตโฟนระดับกลางทั่วไปที่มักปรับได้สูงสุดเพียง 60 FPS ไปสู่การรองรับเฟรมเรตสูงสุดถึง 90Hz ในเกมยอดนิยมอย่าง Free Fire ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุก เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ realme ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สมาร์ตโฟนสามารถรองรับค่า FPS สูงถึง 120FPS ในบางเกมในอนาคตอีกด้วย เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน

แน่นอนว่าประสิทธิภาพสูงต้องมาพร้อมกับการจัดการความร้อนที่ดีเยี่ยม realme 14 5G จึงติดตั้งระบบระบายความร้อน Bionic Cooling System ที่มีพื้นที่ระบายความร้อนขนาดใหญ่ถึง 6,050 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในสมาร์ตโฟนระดับเดียวกัน พร้อมด้วยแผ่นกราไฟต์ HyperTherm Graphite ที่ครอบคลุมพื้นที่ความร้อนหลัก ช่วยลดอุณหภูมิของ CPU ลงได้มากถึง 20 องศาเซลเซียส ทำให้มั่นใจได้ว่าตัวเครื่องจะยังคงรักษาประสิทธิภาพการทำงานที่เสถียรไว้ได้ แม้ในระหว่างการเล่นเกมที่ใช้กราฟิกหนักๆ เป็นเวลานาน

ขณะเดียวกัน realme ยังได้เปิดตัว realme 14 Pro 5G ที่ยกระดับประสบการณ์สมาร์ตโฟนระดับกลางไปอีกขั้น ด้วยการผสานเทคโนโลยีระดับเรือธงเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดย realme ได้ร่วมมือกับ Valeur Designers สร้างสรรค์ “Unique Pearl Design” ที่ทำให้ realme 14 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่สามารถเปลี่ยนสีฝาหลังได้ตามอุณหภูมิ โดยใช้เม็ดสีเทอร์โมโครมิกขั้นสูง ทำให้สีฝาหลังจากสีขาวมุก (Pearl White) เปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใสเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำลง ชวนให้นึกถึงสีสันของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึก นอกจากนี้ยังมีสี Suede Grey ที่ใช้วัสดุหนังวีแกนให้สัมผัสหรูหราและพรีเมียม

ในด้านประสิทธิภาพ realme 14 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300 ซึ่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและทรงพลัง มาพร้อมแบตเตอรี่ Titan Graphite ความจุ 6,000mAh และระบบชาร์จไว 45W เช่นเดียวกับรุ่น 14 5G สามารถรองรับการเล่นเกมได้นานถึง 10 ชั่วโมง หรือรับชมวิดีโอได้นานถึง 17 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มเพียงครั้งเดียว เสริมด้วยระบบระบายความร้อน 3D VC Cooling System ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์ ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิดความร้อนสะสมมากเกินไป

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ realme 14 Pro 5G ตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยเทคโนโลยีกล้องที่ล้ำสมัย มาพร้อมเลนส์เพอริสโคปสำหรับการถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto) ที่ให้รายละเอียดคมชัดแม้ซูมในระยะไกล ผสานพลังกับฟีเจอร์ AI Ultra Clarity 2.0 ที่ขับเคลื่อนด้วย NEXT AI มอบภาพถ่ายคุณภาพสูง สวยสดใสสไตล์ AI Super-resolution เทียบเท่าสมาร์ตโฟนระดับเรือธง นอกจากนี้ บริเวณโมดูลกล้องยังติดตั้ง MagicGlow Triple Flash ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแฟลชแบบใหม่ครั้งแรกของโลก ออกแบบมาเพื่อช่วยในการถ่ายภาพบุคคลในเวลากลางคืนให้สวยงามเป็นธรรมชาติ เปรียบเสมือนการจัดแสงในสตูดิโอระดับมืออาชีพ

ยิ่งไปกว่านั้น realme 14 Pro 5G ยังมาพร้อมคุณสมบัติด้านความทนทานที่เหนือกว่า โดยผ่านการรับรองมาตรฐาน TÜV Rheinland Rugged Smartphone และมีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP69/IP68 ซึ่งไม่เพียงแต่ป้องกันฝุ่นและน้ำจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำสมาร์ตโฟนไปถ่ายภาพใต้น้ำได้อย่างมั่นใจ เพิ่มอิสระในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในทุกสถานการณ์

ราคาและการวางจำหน่าย

  • realme 14 5G: มีให้เลือก 3 โทนสี ได้แก่ Mecha Silver, Storm Titanium และ Warrior Pink

    • รุ่นความจุ 12GB+256GB ราคา 11,999 บาท เปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2568 และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ (BaNANA, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp, Advice), ช่องทางผู้ให้บริการเครือข่าย (AIS, True, Dtac), ช่องทางออนไลน์ (Shopee, Lazada, Tiktok Shop) และ realme Brand Shop ทุกสาขา
    • รุ่นความจุ 12GB+512GB ราคา 13,999 บาท เปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2568 โดยช่วง Pre-Order จะวางจำหน่าย เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ Shopee เท่านั้น และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกันในวันที่ 4 เมษายน 2568 ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย, ผู้ให้บริการเครือข่าย, ช่องทางออนไลน์ (สำหรับ Lazada และ Tiktok Shop เริ่มจำหน่าย 12 เมษายน) และ realme Brand Shop ทุกสาขา
    • ช่องทางการสั่งซื้อผ่านทาง Shopee: https://bit.ly/43Z6QgO
  • realme 14 Pro 5G: มีให้เลือก 2 โทนสี ได้แก่ Pearl White และ Suede Grey ในรุ่นความจุ 12GB+512GB ราคา 14,999 บาท เปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2568 และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย COM7 และ realme Brand Shop ทั่วประเทศเท่านั้น

เปิดศักราชใหม่ บุกตลาดเกมมิ่งเต็มตัว

การเปิดตัว realme 14 5G Series ในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการนำเสนอสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นการประกาศทิศทางและกลยุทธ์ที่ชัดเจนของ realme ในปี 2568 ที่จะมุ่งสู่การเป็นแบรนด์เทคโนโลยีสมาร์ตโฟนชั้นนำ โดยเน้นหนักในด้านประสิทธิภาพที่โดดเด่น การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และความเข้าใจในความต้องการของคนรุ่นใหม่อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในตลาดเกมมิ่งและอีสปอร์ต

เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์ดังกล่าว realme ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Bacon Time ทีมอีสปอร์ตชื่อดังระดับประเทศ ในฐานะ realme Official Gaming Ambassador อย่างเป็นทางการ ซึ่ง Bacon Time ถือเป็นตัวแทนของเกมเมอร์รุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จและมีภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับแบรนด์ realme ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจว่า realme 14 5G Series คือสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าเกมเมอร์ได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ realme ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ Free Fire เกมมือถือแนว Battle Royale ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก การร่วมมือกันครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดให้กับผู้เล่น ผ่านสมาร์ตโฟน realme 14 5G Series ที่มาพร้อมนวัตกรรมและฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการเล่นเกมโดยเฉพาะ การเป็นพันธมิตรกับ Free Fire จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ realme 14 5G Series กลายเป็นสมาร์ตโฟนตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการแข่งขันอีสปอร์ตระดับมืออาชีพและผู้ที่ต้องการประสบการณ์เกมมิ่งที่สมบูรณ์แบบ

เปิดสมรภูมิเดือด realme 14 Series 5G realme CUP 2025

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดตัวและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสมาร์ตโฟนเกมมิ่ง realme ได้ประกาศจัดการแข่งขันอีสปอร์ตรายการใหญ่ “realme 14 Series 5G realme CUP 2025” เปิดโอกาสให้เหล่าเกมเมอร์ทั่วประเทศได้แสดงฝีมือในการแข่งขันเกม Free Fire ชิงเงินรางวัลและสมาร์ตโฟน realme 14 5G โดยจะเริ่มเปิดสนามแรกในวันที่ 19 เมษายน ที่ realme Brandshop เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ตามด้วยวันที่ 26 เมษายน ที่ realme Brandshop เซ็นทรัลขอนแก่น, วันที่ 3 พฤษภาคม ที่ realme Brandshop เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางแค และปิดท้ายวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ realme Brandshop เซ็นทรัล หาดใหญ่ การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความคึกคักให้กับวงการเกม แต่ยังสอดคล้องกับสโลแกน “Make it real” ของแบรนด์ ที่ต้องการสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าแสดงออกและทำตามความฝันในการเป็นเกมเมอร์มืออาชีพ

realme 14 5G Series

เปิดตัวหูฟัง realme Buds T200 Lite คู่หูใหม่เพื่อความบันเทิง

นอกเหนือจากสมาร์ตโฟนแล้ว realme ยังได้เปิดตัวอุปกรณ์เสริมชิ้นสำคัญอย่าง realme Buds T200 Lite หูฟังบลูทูธไร้สายรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนขณะสนทนาด้วยไมโครโฟนคู่ AI Deep ANC ทำงานร่วมกับอัลกอริธึม DNN AI และเทคโนโลยี Beamforming ช่วยแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การสนทนาคมชัดแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง

ในด้านคุณภาพเสียง realme Buds T200 Lite ใช้ไดรเวอร์เบสไดนามิกขนาดใหญ่ 12.4 มม. ให้พลังเสียงที่หนักแน่น เบสทุ้มลึก เพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงและเล่นเกม เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.4 ที่มีความเสถียรสูงและค่าความหน่วงต่ำเพียง 88 มิลลิวินาที มอบประสบการณ์เสียงและภาพที่ซิงค์กันอย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสูงสุด 48 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ

realme Buds T200 Lite มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Aurora Purple, Storm Grey และ Volt Black ในราคาที่เข้าถึงง่ายเพียง 999 บาท วางจำหน่ายผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย (Com7, IT City, Jaymart, TG, Stamp, Maxlink, Advice), ช่องทางออนไลน์ (Shopee, Lazada, Tiktok Shop) และ realme Brand Shop ทั่วประเทศ

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ realme ในการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรุกเข้าสู่ตลาดเกมมิ่งอย่างเต็มรูปแบบด้วย realme 14 5G Series ที่พร้อมจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสมาร์ตโฟนในระดับเดียวกัน

#realme #realmeTH #realme14Series5G #realme14 #realme14Pro5G #PerformanceDominator #Snapdragon6Gen4 #Dimensity7300 #GamingPhone #สมาร์ตโฟนเกมมิ่ง #มือถือใหม่ #มือถือเกมมิ่ง #มือถือเปลี่ยนสีได้ #AI #ชาร์จไว45W #แบต6000mAh #FreeFire #BaconTime #realmeCUP2025 #realmeBudsT200Lite #ข่าวไอที #ข่าวเศรษฐกิจ #เปิดตัวมือถือ

Related Posts