ทรู ดิจิทัล พาร์ค จับมือ BOI เร่งเครื่องดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ตั้งเป้าเพิ่ม FDI เท่าตัวในปี 68 ชูจุดแข็งระบบนิเวศสตาร์ทอัพครบวงจร บริการ One-Stop Service ลดขั้นตอนยุ่งยาก พร้อมเปิดมุมมองสถานทูตนานาชาติ ชี้ศักยภาพไทยยังแกร่ง แม้ FDI รั้งท้ายอาเซียน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment – FDI) หลังจากรายงานล่าสุดจาก ASEANstats เผยให้เห็นว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 จาก 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียนในแง่ของมูลค่า FDI และยังมีอัตราการเติบโตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ที่ผ่านมา FDI ของไทยมีมูลค่าประมาณ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจาก 11.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาคอาเซียน
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ทรู ดิจิทัล พาร์ค (True Digital Park – TDPK) ศูนย์กลางเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ได้ประกาศความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เดินหน้าภารกิจผลักดันประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักธุรกิจ นักลงทุน และสตาร์ทอัพจากทั่วโลก โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่า FDI ในประเทศไทยให้เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวภายในปี 2568
TDPK International Service Center: ประตูสู่โอกาสทางธุรกิจในไทย
หัวใจสำคัญของความพยายามนี้คือ TDPK International Service Center ซึ่งเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service) ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุน ประกอบธุรกิจ หรือพำนักระยะยาวในประเทศไทย บริการของศูนย์ฯ ครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย การขอวีซ่าประเภทต่างๆ (รวมถึง Long-Term Resident Visa – LTR Visa, Thailand Privilege Card, SMART Visa, และ Destination Thailand Visa – DTV) การจัดตั้งบริษัท การหาเครือข่ายธุรกิจ การเช่าสำนักงาน ไปจนถึงการเชื่อมโยงกับบริการด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ เช่น ฟิตเนส สปา ร้านอาหาร และโรงเรียนนานาชาติ
ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า “ทรู ดิจิทัล พาร์ค ร่วมมือกับ BOI มานานกว่า 6 ปี เพื่อร่วมกันสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็งในการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนและประกอบธุรกิจในประเทศไทย”
ภายใต้ความร่วมมือนี้ TDPK ได้รับการแต่งตั้งจาก BOI ให้เป็น Certified Agent ซึ่งสามารถดูแลชาวต่างชาติในการยื่นขอวีซ่า LTR Visa และให้บริการสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดประเทศไทยได้อย่างเป็นทางการ
ระบบนิเวศสตาร์ทอัพครบวงจร: จุดแข็งของ TDPK
สิ่งที่ทำให้ TDPK แตกต่างจากศูนย์บริการอื่นๆ คือการเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่ครบวงจร ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก องค์กรเอกชนชั้นนำ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการเทครุ่นใหม่และสตาร์ทอัพในหลากหลายสาขาธุรกิจ เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งกว่า 5,800 รายนี้ ทำให้ TDPK สามารถเชื่อมโยงนักลงทุนต่างชาติกับโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย และช่วยลดความยุ่งยากในการเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย
“ระบบนิเวศครบวงจรที่แข็งแกร่งของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค สามารถตอบโจทย์และลดอุปสรรคในการเข้าประกอบธุรกิจและพำนักในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม” ดร.ธาริต กล่าวย้ำ
“Thailand Fast Track”: สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
นอกเหนือจากบริการของ TDPK International Service Center แล้ว ทรู ดิจิทัล พาร์ค ยังได้จัดงาน “Thailand Fast Track” ขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตรนานาประเทศ และตอกย้ำความมั่นใจในนโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย งานนี้มีผู้แทนจากสถานทูตหลายประเทศเข้าร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการทำธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทย
ภายในงาน มีการเสวนาในหัวข้อ “Global Perspectives on Doing Business and Investing in Thailand” ซึ่งมีผู้แทนจากสถานทูตญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และลักเซมเบิร์ก เข้าร่วม ได้แก่:
- Mr. Kajiwara Toru: อัครราชทูตและหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น
- Mr. Zak Lawton: เลขานุการเอกด้านเทคโนโลยีและหัวหน้าฝ่ายการลงทุน สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร
- Mr. Eric Lauer: ที่ปรึกษาด้านการค้าและการลงทุน สถานเอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์ก
การเสวนาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของนานาชาติในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังมีจุดแข็งที่น่าสนใจ เช่น ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ และวิถีชีวิตที่น่าสนใจ
ความท้าทายและโอกาสในอนาคต
ดร.ธาริต ยอมรับว่าประเทศไทยยังมีความท้าทายในการสร้างความชัดเจนและง่ายต่อการเข้าใจในกระบวนการต่างๆ สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจหรือลงทุน
“การมี Visa Agency และช่องทางต่างๆ ที่หลากหลาย อาจทำให้เกิดความสับสนและไม่แน่ใจ” ดร.ธาริต กล่าว
อย่างไรก็ตาม ดร.ธาริต เชื่อมั่นว่า TDPK International Service Center จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยการรวบรวมข้อมูลและบริการต่างๆ ไว้ในที่เดียว ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการที่จำเป็นได้อย่างง่ายดาย
“เราพยายามอินเตอร์เนชั่นแนลคอมมิวนิตี้ เพื่อช่วยให้การเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น” ดร.ธาริต กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือกับนานาชาติ
เป้าหมายที่ท้าทาย: FDI โตเท่าตัว
ทรู ดิจิทัล พาร์ค ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายในการเพิ่มจำนวนนักลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยผ่าน TDPK International Service Center ให้ได้อีกเท่าตัวในปี 2568
“เรามุ่งมั่นที่จะดึงดูดนักลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติให้เข้าสู่ประเทศไทยผ่าน TDPK International Service Center เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2568 โดยเน้นนำเสนอบริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและนวัตกรรม” ดร.ธาริต กล่าวสรุป
ความพยายามของทรู ดิจิทัล พาร์ค และ BOI ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาคอาเซียน การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ แต่ยังเป็นการนำเข้าเทคโนโลยี ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว
#TrueDigitalPark #BOI #FDI #ลงทุนต่างประเทศ #สตาร์ทอัพ #เศรษฐกิจดิจิทัล #ThailandFastTrack #TDPKInternationalServiceCenter #LongTermResidentVisa #LTRVisa #ASEAN #Investment #Thailand
