แอสคอทท์ ประเทศไทย ตอกย้ำผู้นำโรงแรมยั่งยืน คว้าใบรับรอง GSTC

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นับเป็นก้าวสำคัญของวงการการบริการและการท่องเที่ยวในภูมิภาค เมื่อ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ประเทศไทย (แอสคอทท์) ผู้ประกอบการธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์และโรงแรมชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศความสำเร็จในการได้รับการรับรองมาตรฐานอันทรงเกียรติจาก Global Sustainable Tourism Council (GSTC) หรือ สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก การรับรองนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังของแอสคอทท์ในการดำเนินธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบในประเทศไทยและภูมิภาคให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย

การได้รับการรับรอง GSTC ซึ่งถือเป็นมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของแอสคอทท์ในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดครอบคลุมทั้ง 4 มิติหลัก ได้แก่ การจัดการความยั่งยืน (Sustainable Management) ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ (Socioeconomic Impacts) ผลกระทบทางวัฒนธรรม (Cultural Impacts) และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Impacts) ซึ่งรวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากร การลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ และการส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น

ความสำเร็จครั้งนี้ครอบคลุมที่พักในเครือแอสคอทท์มากถึง 20 แห่ง ทั้งในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เซอร์วิสเรสซิเดนซ์ โรงแรม และที่พักรูปแบบโค-ลิฟวิ่ง (Co-living) ภายใต้แบรนด์ชั้นนำที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง Ascott, Citadines, lyf, Oakwood และ Somerset โดยที่พักเหล่านี้ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และเวียงจันทน์ การได้รับการรับรองพร้อมกันหลายแห่งเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการนำมาตรฐานความยั่งยืนไปปรับใช้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมทั่วทั้งองค์กร

หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืนของแอสคอทท์คือโครงการ “Ascott CARES” ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ ชุมชน (Community) การมีส่วนร่วมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น, พันธมิตร (Alliance) การทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกัน, การให้เกียรติ (Respect) การดำเนินธุรกิจด้วยความเคารพต่อบุคลากร ลูกค้า และวัฒนธรรมท้องถิ่น, สิ่งแวดล้อม (Environment) การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และ ห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) การจัดหาทรัพยากรและบริการอย่างมีความรับผิดชอบ

ภายใต้กรอบ Ascott CARES แอสคอทท์ได้ผสานแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับการบริการระดับโลกอย่างลงตัว มีการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาปรับใช้ในการดำเนินงานทุกมิติอย่างจริงจัง ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร การติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน การส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง การจัดการและลดปริมาณขยะผ่านนโยบายการรีไซเคิลและการลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ไปจนถึงการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ที่แอสคอทท์ดำเนินธุรกิจ โครงการเหล่านี้ไม่เพียงสร้างประโยชน์โดยตรงต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น แต่ยังสอดคล้องและสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลกของบริษัทแม่ และสร้างประสบการณ์การเข้าพักที่มีความหมายและรับผิดชอบต่อสังคมให้กับแขกผู้เข้าพักอีกด้วย

คุณคณิต แสงมุกดา ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว บริษัท ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ได้กล่าวถึงความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ว่า “ความยั่งยืนคือหัวใจหลักในการดำเนินงานของเราที่แอสคอทท์ และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจาก GSTC ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนถึงความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของเราในการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบและการดำเนินงานที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดหาทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับชุมชนท้องถิ่น เราจะยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่สำหรับแขกผู้เข้าพักคนสำคัญของเรา แต่ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่เราเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการด้วย”

ด้วยการรับรองจาก GSTC นี้ แอสคอทท์ ประเทศไทย ไม่เพียงแต่ตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบริการที่พักเท่านั้น แต่ยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางและเป็นต้นแบบในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมการบริการโดยรวม บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การเข้าพักที่ไม่เพียงแต่สะดวกสบายและเปี่ยมด้วยคุณภาพการบริการที่เป็นเลิศตามมาตรฐานของแอสคอทท์ แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมไปพร้อมกัน

แอสคอทท์ ซึ่งมีรากฐานมาจากการบุกเบิกธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับนานาชาติแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิกด้วยการเปิดตัว The Ascott Singapore ในปี พ.ศ. 2527 ได้เติบโตจนกลายเป็นบริษัทด้านการบริการที่ได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลก ปัจจุบัน แอสคอทท์มีอสังหาริมทรัพย์ในเครือข่ายมากกว่า 980 แห่ง ครอบคลุมกว่า 230 เมือง ในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ทั้งในเอเชียแปซิฟิก เอเชียกลาง ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่พักของแอสคอทท์มีความหลากหลาย

ครอบคลุมตั้งแต่เซอร์วิสเรสซิเดนซ์, ที่พักแบบโค-ลิฟวิ่ง, โรงแรม, อพาร์ทเมนท์สำหรับผู้สูงอายุ, หอพักนักศึกษา ไปจนถึงที่อยู่อาศัยให้เช่า ภายใต้แบรนด์ที่ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ Ascott, Citadines, lyf, Oakwood, Somerset, The Crest Collection, The Unlimited Collection, Fox, Harris, POP!, Preference, Quest, Vertu และ Yello. นอกจากนี้ โปรแกรมสมาชิก Ascott Star Rewards (ASR) ยังมอบสิทธิประโยชน์และข้อเสนอสุดพิเศษมากมายแก่สมาชิกเมื่อเข้าพักในเครือแอสคอทท์ทั่วโลก

แอสคอทท์ดำเนินธุรกิจในฐานะผู้บริหารจัดการธุรกิจที่พักแบบครบวงจร และเป็นหนึ่งในหน่วยธุรกิจที่ CapitaLand Investment Limited (CLI) เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของแอสคอทท์เป็นผลมาจากเครือข่ายเจ้าของบุคคลที่สามที่กว้างขวาง ประกอบกับความเชี่ยวชาญด้านการตลาดและการบริหารจัดการที่พัก ทั้งในรูปแบบของการรับบริหารและการลงทุนโดยตรง นอกจากนี้ แอสคอทท์ยังได้ขยายกองทุนภายใต้การบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดตั้งกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น CapitaLand Ascott Trust และกองทุนส่วนบุคคลอื่นๆ

สำหรับ CapitaLand Investment Limited (CLI) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอสคอทท์ เป็นผู้จัดการการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในเอเชีย ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 CLI มีสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มูลค่ารวมกว่า 136 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการ (FUM) มูลค่ากว่า 117 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งประกอบด้วยกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทรัสต์ธุรกิจ (Business Trusts) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 7 กองทุน

รวมถึงกองทุนส่วนบุคคลอีกมากมาย พอร์ตการลงทุนของ CLI มีความหลากหลาย ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น การค้าปลีก, สำนักงาน, ที่พักอาศัย, นิคมอุตสาหกรรม, โลจิสติกส์, เขตธุรกิจ, อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ, พื้นที่เก็บของให้เช่า และศูนย์ข้อมูล CLI มีเป้าหมายในการขยายธุรกิจการจัดการกองทุน การจัดการที่พัก และการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ทั่วโลก ควบคู่ไปกับการรักษาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินทุน ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการการลงทุนของกลุ่ม CapitaLand

ทาง CLI สามารถเข้าถึงขีดความสามารถด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ CapitaLand Development ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน่วยธุรกิจสำคัญของกลุ่ม และสามารถนำเสนอโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2568 นี้ CapitaLand Group จะเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีแห่งความเป็นเลิศในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง

ความยั่งยืนถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานของ CLI โดยบริษัทฯ ได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) CLI ให้คำมั่นสัญญาที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะนำมาซึ่งการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

การที่แอสคอทท์ ประเทศไทย ได้รับการรับรองมาตรฐาน GSTC ในครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจขององค์กร แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของไทย ในการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมีความรับผิดชอบต่อไป

#แอสคอทท์ประเทศไทย #AscottThailand #GSTC #การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน #SustainableTourism #AscottCARES #โรงแรมยั่งยืน #GreenHotel #เซอร์วิสเรสซิเดนซ์ #CapitaLand #ข่าวเศรษฐกิจ #อุตสาหกรรมบริการ #มาตรฐานสากล #สิ่งแวดล้อม #ความรับผิดชอบต่อสังคม