ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พฤษภาคม ซึ่งปีนี้มุ่งเน้นผลกระทบ AI ต่อเสรีภาพสื่อ การหารือชี้ AI คือเครื่องมือทรงพลังที่อาจพลิกฟื้นสื่อท้องถิ่น แต่แฝงความเสี่ยงข่าวปลอม ทำลายความน่าเชื่อถือ ย้ำข้อเรียกร้องรัฐบาลหนุนใช้ AI อย่างรับผิดชอบ เพื่ออนาคตข่าวสารคุณภาพและประชาธิปไตยฐานราก
TheReporterAsia – เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เป็น วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (World Press Freedom Day) ซึ่งในปี 2025 นี้ การเฉลิมฉลองและการหารือได้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญยิ่งในยุคดิจิทัล นั่นคือ ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ต่อเสรีภาพและภูมิทัศน์ของวงการสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทและอนาคตของสื่อท้องถิ่นและระดับภูมิภาค ที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน
ทบทวนศักยภาพ AI: ความหวังที่ยังคงอยู่ของสื่อท้องถิ่น
ก่อนหน้าวันสำคัญดังกล่าว นางเมลานี เลอปูลติเยร์ (Mélanie Lepoultier) ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนประจำสภาหน่วยงานท้องถิ่นและภูมิภาค (Congress of Local and Regional Authorities) จากฝรั่งเศส ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐแสวงหาแนวทางเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจาก AI พร้อมกับบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสื่อท้องถิ่นและภูมิภาคอย่างจริงจัง
“ในช่วงเวลาที่สื่อท้องถิ่นและภูมิภาคกำลังประสบภาวะถดถอย จากการรุกคืบของโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มสื่อระดับโลก AI สามารถเข้ามาเป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่า ทั้งในการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน และการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ดึงดูดใจสำหรับสื่อเหล่านี้” นางเลอปูลติเยร์เคยกล่าวไว้ “ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังสามารถช่วยลดภาระงานของนักข่าว ทำให้พวกเขามีเวลาทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ข่าวที่เป็นต้นฉบับและข่าวเชิงลึกได้มากขึ้น”
ศักยภาพของ AI ในการเปลี่ยนแปลงวงการสื่อนั้นเป็นที่ประจักษ์ เทคโนโลยีนี้สามารถส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ขยายขีดความสามารถในการสื่อสารไร้พรมแดน และปรับเปลี่ยนรูปแบบการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารทั่วโลก ในระดับองค์กร AI ช่วยทำงานซ้ำๆ ได้โดยอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยให้สื่อตอบสนองความต้องการข่าวสารที่รวดเร็วและตลอดเวลาได้ดียิ่งขึ้น
ความท้าทายที่ยังคงอยู่: โจทย์ใหญ่หลังวันเสรีภาพสื่อโลก
อย่างไรก็ตาม การหารือในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกที่ผ่านมา ได้ตอกย้ำถึงความท้าทายสำคัญที่ยังคงอยู่ในการนำ AI มาปรับใช้ โดยเฉพาะกับสื่อท้องถิ่นและภูมิภาค นางเลอปูลติเยร์เคยชี้ให้เห็นว่า “เนื้อหาที่สร้างโดย AI มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด กลายเป็นเครื่องมือเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน และบ่อนทำลายความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อสื่อสารมวลชนท้องถิ่น”
ปัญหาสำคัญอีกประการคือ สื่อท้องถิ่นและภูมิภาคมักขาดแคลนทรัพยากร ทั้งงบประมาณและบุคลากร สำหรับการฝึกอบรมทีมงานและนักข่าวให้มีความรู้ความเข้าใจและทักษะในการใช้ AI รวมถึงเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอุปสรรคโดยตรงต่อการปรับตัวและเติบโตในระบบนิเวศสื่อดิจิทัล และส่งผลต่อคุณภาพของเนื้อหาข่าวสารในยุคปัจจุบัน
ประเด็นเหล่านี้สะท้อนปัญหาที่สภาฯ เคยระบุไว้ในรายงานว่า การเสื่อมถอยของสื่อท้องถิ่นนั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและน่าเป็นห่วงต่อเสรีภาพสื่อ ความหลากหลายทางความคิด และพหุนิยมในสังคม
นอกเหนือจากประเด็นคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเนื้อหาแล้ว ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ จาก AI ที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง:
- ข้อมูลเท็จและวาทะสร้างความเกลียดชัง: AI ยังคงเป็นเครื่องมือที่สามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อสร้างและกระจายข้อมูลปลอม (Disinformation & Misinformation) หรือขยายวาทะสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ในโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง
- การเซ็นเซอร์และการสอดแนม: ยังคงมีความกังวลว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเซ็นเซอร์เนื้อหาในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น หรือใช้เพื่อการสอดแนมต่อนักข่าวและประชาชน ซึ่งบั่นทอนเสรีภาพในการแสดงออก (Chilling Effect)
- อำนาจของ Big Tech: แพลตฟอร์มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงใช้ AI ในการคัดกรองและควบคุมเนื้อหา ทำให้พวกเขามีอำนาจสูงในการกำหนดวาระข้อมูลข่าวสาร (Gatekeeping) และมีความเสี่ยงที่ AI จะยิ่งทำให้เนื้อหาสื่อมีความคล้ายคลึงกัน ลดความหลากหลาย และกีดกันสื่อขนาดเล็กออกไป
- ความยั่งยืนทางการเงิน: แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาสถานะทางการเงินที่เปราะบางขององค์กรสื่อจำนวนมากได้ โดยเฉพาะประเด็นที่ Generative AI นำเนื้อหาข่าวไปใช้ต่อยอดโดยไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ซึ่งกระทบต่อรายได้และความอยู่รอดของสื่ออิสระ
- ผลกระทบต่อประชาธิปไตย: AI มีบทบาทในการเลือกตั้งมากขึ้น ทั้งด้านบวก (การตรวจสอบข้อเท็จจริง) และด้านลบ (การสร้าง Deepfakes ที่สมจริง) ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการประชาธิปไตย
ข้อเรียกร้องและทิศทางในอนาคต
เนื่องในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกที่เพิ่งผ่านพ้นไป เสียงเรียกร้องของนางเลอปูลติเยร์ยังคงดังก้องและมีความสำคัญ “ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้รัฐบาลทุกระดับ ทั้งท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับชาติ เข้ามามีบทบาทอย่างแข็งขันในการให้ความคุ้มครองและสนับสนุนสื่อท้องถิ่นและภูมิภาคอย่างจริงจัง รวมถึงส่งเสริมการใช้ระบบ AI อย่างชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้ชุมชนสามารถเข้าถึงข่าวสารที่มีคุณภาพ อันเป็นหัวใจสำคัญของชุมชนและระบอบประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น”
การรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล องค์กรสื่อ ภาคประชาสังคม และภาคเทคโนโลยี ดังเจตนารมณ์ของ UN Global Digital Compact ที่มุ่งแก้ไขปัญหาจากเทคโนโลยีพร้อมกับการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพในการแสดงออก
วัตถุประสงค์ของการหารือใน วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 2025 ที่ผ่านมานั้น มุ่งเน้นการตรวจสอบผลกระทบของ AI ในมิติต่างๆ เพื่อ:
- ยืนยันพันธกิจร่วมกันในการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพสื่อ
- สำรวจผลกระทบ AI ต่อความหลากหลาย ความเป็นอิสระ และพหุนิยมของสื่อ
- ประเมินอิทธิพล AI ต่อการผลิตและเผยแพร่เนื้อหาข่าว
- ส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมในองค์กรสื่อ
- กระชับความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- สนับสนุนสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้สื่อมีทรัพยากรและสิทธิในการรายงานเกี่ยวกับ AI
- ส่งเสริมความร่วมมือระดับโลกเพื่อความปลอดภัยของนักข่าว
- สนับสนุนการปรับตัวของสื่อต่อ AI โดยเน้นความยั่งยืนและการเป็นตัวแทน
- เน้นย้ำความสำคัญของความถูกต้องของข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบ AI
- ส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศ (MIL) เพื่อรับมือกับยุค AI
โดยสรุป แม้วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกจะผ่านพ้นไป แต่บทสนทนาและการดำเนินการเกี่ยวกับ AI และสื่อยังต้องดำเนินต่อไป AI มอบทั้งโอกาสและความท้าทาย การสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการปกป้องหลักการพื้นฐานของสื่อสารมวลชน คือภารกิจเร่งด่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาช่วยเสริมพลังให้สื่อ โดยเฉพาะสื่อท้องถิ่น สามารถยืนหยัดทำหน้าที่เพื่อสังคมและประชาธิปไตยได้อย่างมั่นคงสืบไป
#วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก #WorldPressFreedomDay #AI #ปัญญาประดิษฐ์ #เสรีภาพสื่อ #สื่อท้องถิ่น #จริยธรรมสื่อ #ข่าวปลอม #Deepfake #DigitalMedia #PressFreedom #AIinJournalism #MediaEthics #WPFD2025