AIS ผนึกกำลังพันธมิตร ประกาศ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์”

AIS ผนึกกำลังพันธมิตร ประกาศ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์”

เอไอเอส (AIS) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 100 องค์กร เดินหน้ายกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไทยสู่ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” อย่างเป็นทางการ มุ่งตัดวงจรอาชญากรรมไซเบอร์ตั้งแต่ต้นทาง ตอบสนองนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการปกป้องประชาชนจากภัยคุกคามทางเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ในการสร้างเครือข่ายดิจิทัลที่แข็งแกร่งและปลอดภัยในทุกมิติ

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวงออนไลน์ ได้สร้างความเสียหายต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหานี้ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเน้นย้ำว่า “รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชน ที่ผ่านมาสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เดินหน้าทำงานเชิงรุกผ่าน 3 แกนหลัก ทั้งการกำหนดและพัฒนากฎหมาย สร้างความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ และการยกระดับความมั่นคงระดับประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และขจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์”

การดำเนินงานของภาครัฐครอบคลุมทั้งในเชิงนโยบาย ปฏิบัติการ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” รวมถึงมาตรการซีลชายแดนเพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแก้ไขกฎหมายเพื่อควบคุมบัญชีม้าและซิมม้า ตลอดจนการบูรณาการการทำงานร่วมกับองค์กรสำคัญต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รวมถึงภาคเอกชน ทั้งสถาบันการเงิน บริษัทโทรคมนาคม และแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ

รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเสริมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการยกระดับนโยบายความปลอดภัยทางไซเบอร์สู่ระดับชาติ และเน้นย้ำว่า “การสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยเป็นภารกิจร่วมของทุกๆ คนในประเทศ” พร้อมแสดงความขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันผลักดัน “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างประเทศไทยที่ปลอดภัยในโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง

ทางด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ให้ข้อมูลว่า สังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่พัฒนาไปหลากหลายรูปแบบและทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินเป็นมูลค่ามหาศาล “จากสถิติการแจ้งความออนไลน์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 30 เมษายน 2568 มีคดีออนไลน์มากถึง 887,315 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 8.9 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยความเสียหายวันละ 77 ล้านบาท” รูปแบบการหลอกลวงมีหลากหลาย เช่น การหลอกให้โอนเงินผ่านแอปพลิเคชันปลอม การดูดเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว หรือการล้วงข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่มิชอบ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาในทุกมิติเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเชิงรุกในหลายด้าน ทั้งการป้องกัน การปราบปราม และการพัฒนาโครงสร้างการทำงานให้สอดรับกับพฤติกรรมอาชญากรรมในยุคใหม่ โดยได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และเปิดปฏิบัติการเชิงรุก นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบวิเคราะห์ธุรกรรมมาใช้ในการติดตามเส้นทางการเงินของขบวนการอาชญากรเหล่านี้ และยังได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคีเครือข่าย รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS เพื่อเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันและขยายผลสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง พล.ต.ท.ไตรรงค์ แสดงความเชื่อมั่นว่า “การยกระดับความร่วมมือสู่ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้ปลอดภัยจากภัยไซเบอร์อย่างยั่งยืน”

AIS

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวถึงบทบาทและความมุ่งมั่นของ AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลว่า “AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ใช้งานสู่โลกออนไลน์ เรามุ่งมั่นเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์และทักษะออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภารกิจ ‘Cyber Wellness for THAIs’ เพื่อเสริมสร้างการใช้งานที่ปลอดภัย” ที่ผ่านมา AIS ได้ดำเนินการหลากหลายมิติ ทั้งการปฏิบัติตามมาตรการของหน่วยงานภาครัฐ เช่น การควบคุมระดับเสาสัญญาณมือถือในพื้นที่ชายแดน การร่วมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการลงพื้นที่ปราบปรามมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น บริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center และบริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร นอกจากนี้ยังมีการสร้างภูมิคุ้มกันและพัฒนาทักษะดิจิทัลให้แก่ประชาชนผ่านหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ และการสร้างตัวชี้วัดสุขภาวะด้านดิจิทัล

นายสมชัย ได้เน้นย้ำว่า “การสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่าย” ความร่วมมือภายใต้ภารกิจ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ในครั้งนี้จึงเป็นการรวมพลังจากทุกภาคส่วน ภายใต้โมเดล 3 ประสาน อันได้แก่ เรียนรู้ (Educate) เพื่อสร้างความเข้าใจและทักษะในการป้องกันภัยไซเบอร์ให้กับเครือข่ายทั้งระบบนิเวศ (Ecosystem) ตั้งแต่ต้นทาง, ร่วมแรง (Collaborate) โดยการผนึกกำลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันสื่อสารและสร้างแรงขับเคลื่อนในสังคม และ เร่งมือ (Motivate) ด้วยการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนกฎระเบียบหรือกติกาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งหมดนี้เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นสังคมดิจิทัลที่มั่นคงและปลอดภัยอย่างยั่งยืน

ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของก้าวสำคัญในวันนี้ เราเชื่อมั่นใจว่าเมื่อทุกภาคส่วนมีความรู้ ความเข้าใจ และจุดมุ่งหมายร่วมกัน จะนำไปสู่การสร้างสังคมดิจิทัลที่มีคุณภาพและปลอดภัยในทุกมิติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เดินหน้าร่วมกันต่อไป เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของประชาชนคนไทยทุกคน” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับAIS หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่บนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ซึ่งมีคลื่นความถี่มากที่สุดรวม 1460 MHz และมีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 45.7 ล้านเลขหมาย, ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS 3BB FIBRE3 ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 5.1 ล้านราย, ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร และธุรกิจบริการดิจิทัล ทั้งหมดนี้ดำเนินไปตามวิสัยทัศน์สู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Cognitive Tech-Co) เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจดิจิทัลและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย (ข้อมูล ณ มีนาคม 2568)

ความร่วมมือในการประกาศ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในประเทศไทยที่จะร่วมกันรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างจริงจัง การผนึกกำลังกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับสังคมดิจิทัลของไทย และเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์อีกต่อไป การสร้างความตระหนักรู้ การพัฒนาทักษะดิจิทัล การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันภัย คือหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการสร้างพื้นที่ไซเบอร์ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์ การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล และความมั่นคงโดยรวมของประเทศในระยะยาว การขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและจริงจังของทุกฝ่าย จะเป็นปัจจัยชี้ขาดว่า “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จหรือไม่ เพื่ออนาคตดิจิทัลที่ยั่งยืนและปลอดภัยของคนไทยทุกคน

#ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ #AIS #Cybersecurity #ภัยไซเบอร์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ความปลอดภัยออนไลน์ #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #กสทช #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #สภาความมั่นคงแห่งชาติ #CyberWellnessForTHAIs #สังคมดิจิทัลปลอดภัย

Related Posts