สธ.-กรมการแพทย์ เปิดตัว “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” ดูแลผู้สูงอายุ

สธ.-กรมการแพทย์ เปิดตัว “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” ดูแลผู้สูงอายุ

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ เดินหน้าปฏิวัติระบบบริการสุขภาพรับมือสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ เปิดตัว “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” ต้นแบบนวัตกรรมบริการสุขภาพเชิงรุก นำร่องเขตสุขภาพที่ 4 มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการเฉพาะทาง พร้อมลดภาระโรงพยาบาล เตรียมขยายผลครอบคลุมทั่วประเทศ ตอบโจทย์การพัฒนาสุขภาพอย่างยั่งยืน

กระทรวงสาธารณสุขจับมือกรมการแพทย์ เปิดตัว “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” นวัตกรรมบริการสุขภาพเชิงรุกที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการนำบริการสุขภาพเฉพาะทางไปถึงหน้าบ้านประชาชน เน้นการดูแลป้องกันก่อนเจ็บป่วย ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและลดความแออัดในโรงพยาบาล พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลหรือมีข้อจำกัดในการเดินทาง นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยที่มุ่งเน้นให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในชุมชนของตนเอง (Aging In Place)

ความท้าทายของสังคมสูงวัยกับระบบสาธารณสุขไทย

ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) อย่างรวดเร็ว นายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่า 14 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด และด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) ซึ่งจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่า 28% ของประชากรทั้งหมด แนวโน้มดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ระบบสาธารณสุขและทุกภาคส่วนในสังคมไทยต้องเร่งปรับตัวและวางแผนรับมืออย่างเป็นระบบและครอบคลุม

รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่

ข้อมูลสถิติจากกรมการแพทย์ยิ่งตอกย้ำถึงความท้าทายดังกล่าว โดยพบว่าผู้ป่วยในโรงพยาบาลของรัฐมากกว่า 1 ใน 3 เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะสมองเสื่อม หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งโรคเหล่านี้ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องและเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดด้านการเดินทาง การเข้าถึงสถานพยาบาล หรือแม้กระทั่งคิวการรอรับบริการที่ยาวนาน ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทหรือกึ่งเมืองที่ห่างไกล ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างทันท่วงทีและเท่าเทียม

นอกจากนี้ สถิติจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยังชี้ให้เห็นว่าการใช้บริการของผู้สูงอายุในแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 2% หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 1,700,000 ครั้งต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาความแออัดในสถานพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญ

เราจึงต้องออกแบบระบบบริการแบบใหม่ ที่ไม่รอให้ประชาชนเดินทางมาโรงพยาบาล แต่เดินทางเข้าไปหาประชาชนแทน ซึ่งรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ คือคำตอบของสิ่งนี้” นายแพทย์ศักดา กล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับกระบวนทัศน์การให้บริการ

“รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” นวัตกรรมเชิงรุกเพื่อผู้สูงวัย

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ จึงได้ริเริ่มโครงการ “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” ซึ่งเป็นนวัตกรรมบริการสุขภาพเชิงรุกที่ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่เป็นนวัตกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างและข้อจำกัดในการเข้ารับบริการในสถานพยาบาลของผู้สูงอายุ โดยเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การให้บริการจากเชิงรับไปสู่เชิงรุกอย่างแท้จริง นำบริการทางการแพทย์เฉพาะทางที่จำเป็นออกไปให้บริการถึงในชุมชนและกลุ่มเป้าหมายโดยตรง “แนวคิดของกรมการแพทย์ที่พัฒนา คิดค้น และจัดระบบการให้บริการสุขภาพด้วยรถเคลื่อนที่นี้ เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และทำให้ผู้สูงอายุที่มีความเจ็บป่วยหรือมีความเสี่ยง สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ”

รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ เสริมว่า โครงการรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่เป็นผลลัพธ์จากแนวนโยบายที่ชัดเจนของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้แนวคิด “ทำดีที่สุด เพื่อทุกชีวิต” ที่มุ่งเน้นการออกแบบบริการสุขภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุที่อยู่ลำพัง ไม่มีผู้ดูแล หรือมีข้อจำกัดในการเดินทาง

ศักยภาพและบริการครบวงจรของรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่

รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่นี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเสมือน “คลินิกเฉพาะทางผู้สูงอายุเคลื่อนที่ครบวงจร” โดยสามารถให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมความต้องการด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ ได้แก่:

  • การตรวจสุขภาพพื้นฐานทั่วไป
  • การตรวจประเมินด้านโภชนาการ
  • การตรวจสุขภาพช่องปากเบื้องต้น
  • การให้บริการฉีดวัคซีนที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ
  • การคัดกรองภาวะสมองเสื่อม
  • การประเมินความเสี่ยงภาวะหกล้ม

ที่สำคัญอย่างยิ่ง รถแต่ละคันยังติดตั้งระบบดิจิทัลที่ทันสมัย ซึ่งเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของโรงพยาบาล ทำให้สามารถวางแผนการดูแลผู้สูงอายุได้อย่างต่อเนื่องและติดตามผลการรักษาได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมต่อระบบ Telemedicine กับแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุในพื้นที่ห่างไกลสามารถรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง นับเป็นการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยีที่ทันสมัย บุคลากรทางการแพทย์ และชุมชนอย่างแท้จริง สะท้อนถึงการออกแบบที่คิดค้นมาอย่างรอบด้านเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ

ผลลัพธ์เบื้องต้นและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

จากการดำเนินงานในเบื้องต้นในชุมชน พบว่าประมาณ 20% ของผู้สูงอายุที่เข้ารับบริการมีความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างน้อย 1 เรื่อง และที่น่ากังวลคือ พบว่าผู้สูงอายุถึง 38% มีโรคประจำตัวมากกว่า 2 โรคขึ้นไป โดยโรคที่พบบ่อยที่สุดคือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ข้อมูลนี้สอดคล้องกับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ที่ระบุว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยมากกว่า 38% มีโรคประจำตัวมากกว่า 2 โรคขึ้นไป โดยโรคที่พบบ่อย ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง

นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “จากข้อมูลที่ทราบมาคือ รถ 1 คัน จะช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุได้ 12% ต่อปี ดังนั้น อยากแนะนำให้พื้นที่ห่างไกล หรือจังหวัดที่มีลักษณะที่ตั้งที่เดินทางเข้าถึงสถานพยาบาลได้ยากลำบาก ควรนำแนวคิดรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่คันนี้ ไปใช้เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของประชาชนในพื้นที่ได้ และยังช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุในพื้นที่ได้”

การบูรณาการเพื่อเป้าหมาย “Active and Healthy Aging” และ “Aging In Place”

หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้ประสบความสำเร็จคือ “การบูรณาการ” กระทรวงสาธารณสุขมีหน่วยงานต่างๆ ที่มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไปในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ แต่การจะบรรลุเป้าหมายเดียวกันนั้นจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและการทำงานที่สอดประสานกัน เป้าหมายหลักคือการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็น “ผู้สูงอายุที่ยังคงความกระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดี” (Active and Healthy Aging) สามารถดูแลตนเองได้ยาวนานที่สุด เข้าสู่ภาวะพึ่งพิงช้าที่สุด และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในที่พักอาศัยของตนเอง (Aging In Place) ได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี การบูรณาการนี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การทำงานร่วมกัน แต่เป็นการหลอมรวมทรัพยากร ความรู้ และประสบการณ์ เพื่อสร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

การนำร่องและแผนการขยายผลทั่วประเทศ

กรมการแพทย์ ในฐานะกรมวิชาการและมีสถาบันเฉพาะทางด้านผู้สูงอายุ ได้ออกแบบรถตรวจสุขภาพสูงวัยคันนี้ขึ้นเพื่อนำบริการเฉพาะทางด้านผู้สูงอายุไปสู่ผู้ที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการ โดยได้เริ่มโครงการนำร่องในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 4 และมีแผนที่จะขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไปในอนาคต เพื่อให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างถ้วนหน้าและเท่าเทียม

การเปิดตัว “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขและกรมการแพทย์ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยให้พร้อมรับมือกับสังคมสูงวัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการทำงานเชิงรุก การป้องกันก่อนการเจ็บป่วย การลดความเหลื่อมล้ำ และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ผู้สูงอายุทุกคนในประเทศไทยมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ยืนยาวอย่างยั่งยืน สมดังเจตนารมณ์ “ทำดีที่สุด เพื่อทุกชีวิต”

#รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ #สังคมสูงวัย #สาธารณสุข #กรมการแพทย์ #นวัตกรรมสุขภาพ #ดูแลผู้สูงอายุ #สุขภาพดีทุกช่วงวัย #AgingInPlace #ActiveHealthyAging #Telemedicine #ทำดีที่สุดเพื่อทุกชีวิต #ลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ #ผู้สูงอายุไทยสุขภาพดี

Related Posts