กสทช. เปิดยื่นคำขอคลื่น 4 ย่าน ทรู-เอไอเอส สองค่ายยักษ์ร่วมชิงใบอนุญาต

กสทช. เปิดยื่นคำขอคลื่น 4 ย่าน ทรู-เอไอเอส สองค่ายยักษ์ร่วมชิงใบอนุญาต

สำนักงาน กสทช. เคาะฤกษ์ เปิดให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมยื่นคำขอรับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่สำคัญ 4 ย่าน ได้แก่ 850 MHz, 1500 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz “ทรู มูฟ เอช” และ “เอไอเอส” สองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ ตบเท้าเข้ายื่นเอกสารครบถ้วน สะท้อนความต้องการคลื่นเพื่อรองรับบริการอนาคต คาดประมูลจริงปลายมิถุนายนนี้ สร้างเม็ดเงินเข้ารัฐมหาศาล พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดฉากกระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่ครั้งสำคัญ โดยเปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (IMT) ใน 4 ย่านความถี่สำคัญ ปรากฏว่าสองผู้ให้บริการรายใหญ่ของประเทศอย่าง บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (ในเครือเอไอเอส) ได้เดินทางมายื่นเอกสารแสดงความจำนงครบทั้งสองราย ณ หอประชุมสายลม 5011 อาคารหอประชุม ชั้น 1 สำนักงาน กสทช.

สะท้อนความพร้อมและความมุ่งมั่นในการครอบครองทรัพยากรคลื่นความถี่ เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการ และรองรับความต้องการใช้งานดาต้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในยุคดิจิทัล โดยกระบวนการทั้งหมดจะนำไปสู่การประมูลคลื่นความถี่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เข้ารัฐจำนวนมาก และเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศ

นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า การเปิดยื่นคำขอรับใบอนุญาตฯ ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรคลื่นความถี่ของชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวม คลื่นความถี่ที่นำออกมาจัดสรรในรอบนี้มีความหลากหลาย ครอบคลุมทั้งย่านความถี่ต่ำ (Low Band) และย่านความถี่กลาง (Mid Band) ซึ่งแต่ละย่านมีคุณสมบัติและศักยภาพในการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน ตอบโจทย์การพัฒนาบริการโทรคมนาคมในหลายมิติ

กสทช.

รายละเอียดคลื่นความถี่ที่เปิดประมูล:

การจัดสรรคลื่นความถี่ในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ครอบคลุม 4 ย่านความถี่ ดังนี้:

  1. กลุ่มคลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band): ย่าน 850 MHz

    • ช่วงคลื่นความถี่: 824 – 834 MHz คู่กับ 869 – 879 MHz (รวม 20 MHz)
    • จำนวนชุดคลื่นความถี่: 2 ชุด
    • ขนาดคลื่นความถี่ต่อชุด: 2 x 5 MHz (รวม 10 MHz ต่อชุด)
    • ราคาขั้นต่ำต่อชุด: 7,738.23 ล้านบาท
    • คุณสมบัติเด่น: คลื่นย่านต่ำมีคุณสมบัติในการเดินทางได้ไกลและทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ดี เหมาะสำหรับการขยายความครอบคลุมของสัญญาณ (Coverage) ไปยังพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่มีอาคารหนาแน่น รวมถึงการให้บริการภายในอาคาร (Indoor Solution) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้มาซึ่งคลื่นย่านนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาคุณภาพสัญญาณให้ครอบคลุมทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรองรับเทคโนโลยี 4G และต่อยอดสู่ 5G ในอนาคต
  2. กลุ่มคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) – มีการใช้งานในปัจจุบัน: ย่าน 2100 MHz และ 2300 MHz

    • ย่าน 2100 MHz:
      • ช่วงคลื่นความถี่: 1965 – 1980 MHz คู่กับ 2155 – 2170 MHz (รวม 30 MHz)
      • จำนวนชุดคลื่นความถี่: 3 ชุด
      • ขนาดคลื่นความถี่ต่อชุด: 2 x 5 MHz (รวม 10 MHz ต่อชุด)
      • ราคาขั้นต่ำต่อชุด: 4,500 ล้านบาท
      • คุณสมบัติเด่น: เป็นคลื่นความถี่หลักที่ใช้ในการให้บริการ 3G และ 4G ในปัจจุบัน และเป็นส่วนสำคัญในการให้บริการ 5G การได้คลื่นย่านนี้เพิ่มเติมจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณการใช้งานข้อมูล (Capacity) ที่หนาแน่นในเขตเมือง และพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งานสูง ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น
    • ย่าน 2300 MHz:
      • ช่วงคลื่นความถี่: 2300 – 2370 MHz (รวม 70 MHz)
      • จำนวนชุดคลื่นความถี่: 7 ชุด
      • ขนาดคลื่นความถี่ต่อชุด: 10 MHz
      • ราคาขั้นต่ำต่อชุด: 2,596.15 ล้านบาท
      • คุณสมบัติเด่น: เป็นคลื่นที่ให้บริการ 4G LTE TDD ซึ่งมีจุดเด่นด้านความจุสูง เหมาะสำหรับการใช้งานดาวน์โหลดข้อมูลจำนวนมาก การได้คลื่นย่านนี้เพิ่มจะช่วยเสริมศักยภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สาย รองรับการสตรีมมิ่งวิดีโอความละเอียดสูง เกมออนไลน์ และแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิธจำนวนมาก
  3. กลุ่มคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) – ไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน: ย่าน 1500 MHz

    • ช่วงคลื่นความถี่: 1452 – 1507 MHz (รวม 55 MHz)
    • จำนวนชุดคลื่นความถี่: 11 ชุด
    • ขนาดคลื่นความถี่ต่อชุด: 5 MHz
    • ราคาขั้นต่ำต่อชุด: 1,057.49 ล้านบาท
    • คุณสมบัติเด่น: คลื่นย่าน 1500 MHz หรือ L-Band เป็นคลื่นย่านใหม่ที่ยังไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยอย่างแพร่หลาย แต่มีศักยภาพในการนำมาใช้เสริมประสิทธิภาพของเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในลักษณะ Supplemental Downlink (SDL) เพื่อเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูล หรืออาจนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี 5G ในบางรูปแบบ การเปิดประมูลคลื่นย่านนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ทดลองและพัฒนานวัตกรรมบริการใหม่ๆ

กสทช.

ความสำคัญต่อเศรษฐกิจและผู้บริโภค:

การจัดสรรคลื่นความถี่ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย เนื่องจากคลื่นความถี่ถือเป็นทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการให้บริการโทรคมนาคมไร้สาย ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน การมีคลื่นความถี่ที่เพียงพอและหลากหลายจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถ:

  • ขยายโครงข่าย 5G: เพิ่มความครอบคลุมและคุณภาพของบริการ 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับนวัตกรรมแห่งอนาคต เช่น Internet of Things (IoT), Smart City, รถยนต์ไร้คนขับ และ telemedicine
  • เพิ่มขีดความสามารถของเครือข่าย: รองรับปริมาณการใช้งานดาต้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้งานสมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดีย วิดีโอสตรีมมิ่ง และแอปพลิเคชันต่างๆ
  • ยกระดับคุณภาพบริการ: ผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร และความครอบคลุมของสัญญาณ
  • กระตุ้นการแข่งขันและการลงทุน: การประมูลคลื่นจะนำไปสู่การลงทุนในโครงข่ายและเทคโนโลยีใหม่ๆ จากผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงาน
  • สร้างรายได้เข้ารัฐ: เงินที่ได้จากการประมูลคลื่นความถี่จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ

กระบวนการและไทม์ไลน์ถัดไป:

ภายหลังจากการปิดรับยื่นคำขอรับใบอนุญาตในวันนี้ สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขออย่างละเอียดเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จากนั้นจะมีกำหนดการสำคัญดังนี้:

  • วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568: จัดกิจกรรมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการประมูล และจัดให้มีการประมูลรอบสาธิต (Mock Auction) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์และขั้นตอนการประมูลอย่างชัดเจน รวมถึงทดสอบระบบการประมูล
  • วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568: กำหนดจัดให้มีการประมูลคลื่นความถี่จริง ณ สำนักงาน กสทช. ซึ่งคาดว่าจะเป็นการแข่งขันที่น่าจับตามอง เนื่องจากคลื่นความถี่ที่นำออกมาประมูลล้วนเป็นที่ต้องการของตลาด

บทสรุปและทิศทางอนาคต:

การเปิดยื่นคำขอใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 4 ย่านสำคัญในครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย การที่สองค่ายยักษ์ใหญ่ทั้งทรูมูฟ เอช และเอไอเอส แสดงความสนใจเข้าร่วม ย่อมเป็นการยืนยันถึงความจำเป็นในการจัดสรรทรัพยากรคลื่นเพื่อการเติบโตในอนาคต ผลลัพธ์ของการประมูลที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน จะไม่เพียงแต่กำหนดภูมิทัศน์การแข่งขันในตลาดมือถือ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อความเร็วและทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยในอีกหลายปีข้างหน้า ทุกสายตาจึงจับจ้องไปยังกระบวนการที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเต็มไปด้วยความเข้มข้นและมีเม็ดเงินสะพัดมหาศาล อันจะนำไปสู่การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของไทยให้แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสในโลกยุคใหม่ได้อย่างเต็มศักยภาพ

นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า “สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดจัดให้มีการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850 MHz 1500 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz โดยมีบริษัทที่เข้ายื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด”

#กสทช #ประมูลคลื่น #คลื่น850MHz #คลื่น1500MHz #คลื่น2100MHz #คลื่น2300MHz #ทรูมูฟเอช #AIS #ประมูลคลื่นความถี่ #เศรษฐกิจดิจิทัล #โทรคมนาคมไทย #5G #NBTC #SpectrumAuction

Related Posts