กสทช. ลุยจับ มือถือเถื่อน เกือบหมื่นเครื่อง โฆษณาเกินจริง 5G ใช้ไม่ได้จริง

กสทช. ลุยจับ มือถือเถื่อน เกือบหมื่นเครื่อง โฆษณาเกินจริง 5G ใช้ไม่ได้จริง

หน่วยพระพาย กสทช. สนธิกำลัง สคบ. ตำรวจไซเบอร์ ศุลกากร และสรรพสามิต บุกทลายบริษัทในสมุทรปราการ ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ-แท็บเล็ต ยี่ห้อ TIMI เกือบหมื่นเครื่อง มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท ไม่ได้มาตรฐาน โฆษณาเกินจริง รองรับ 5G ไม่ได้ เตือนประชาชนตรวจสอบให้รอบคอบก่อนซื้อสินค้าออนไลน์

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “พระพาย” สร้างผลงานเชิงรุกอีกครั้งในการคุ้มครองผู้บริโภค ล่าสุดได้ผนึกกำลังกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), ตำรวจไซเบอร์, กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับคุณภาพของโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตยี่ห้อ TIMI ที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์แล้วพบว่าสินค้าไม่ตรงปก เครื่องทำงานช้า และที่สำคัญคือไม่สามารถใช้งานเครือข่าย 5G ได้ตามที่โฆษณาไว้ ปฏิบัติการครั้งนี้นำไปสู่การตรวจยึดของกลาง แท็บเล็ต-มือถือเถื่อน จำนวนมหาศาลเกือบหมื่นเครื่อง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 33 ล้านบาท ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ กสทช. ในการปราบปรามสินค้าไอทีด้อยคุณภาพและเอาเปรียบผู้บริโภค

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยถึงปฏิบัติการสำคัญของหน่วยพระพาย กสทช. ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยเป็นการสนธิกำลังครั้งสำคัญระหว่าง กสทช., สคบ., กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์), กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เข้าทำการตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ บริษัทดังกล่าวเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตภายใต้ยี่ห้อ TIMI ซึ่งแม้ว่าจะเคยยื่นขอใบรับรองมาตรฐานทางเทคนิคจากสำนักงาน กสทช. ไปแล้ว แต่กลับมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางหลอกลวงผู้บริโภค

การเข้าตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเรื่องร้องเรียนจำนวนมากที่ส่งเข้ามายัง กสทช. เกี่ยวกับปัญหาคุณภาพของโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตยี่ห้อดังกล่าว ผู้บริโภคหลายรายระบุว่าเครื่องมีอาการหน่วง ช้าผิดปกติ และที่สำคัญคือไม่สามารถใช้งานเทคโนโลยี 5G ได้จริงตามที่บริษัทได้โฆษณาชวนเชื่อไว้ในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ที่หลงเชื่อสั่งซื้อสินค้า

มือถือเถื่อน

กลโกง “สเปกไม่ตรงปก” และการสวมรอยมาตรฐาน

นายไตรรัตน์ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของหน่วยพระพาย พบว่าโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่บริษัทนี้นำมาจำหน่ายนั้น ไม่ได้มีคุณสมบัติและมาตรฐานทางเทคนิคตรงตามที่ได้ยื่นขอใบรับรองไว้กับ กสทช. อีกทั้งยังพบพฤติกรรมการใช้เอกสารนำเข้าสำหรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตรุ่นที่ผ่านการรับรองแล้ว มาสวมรอยกับสินค้ารุ่นอื่นที่นำมาจำหน่ายจริง ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในฐานความผิดนำเข้าและจำหน่ายเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานทางเทคนิคจาก กสทช.

ผลการตรวจค้นและการดำเนินการทางกฎหมาย แท็บเล็ต-มือถือเถื่อน

“จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของหน่วยพระพายในครั้งนี้ สามารถตรวจพบโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่ไม่ได้มาตรฐานจำนวนมากถึง 9,540 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 33 ล้านบาท ” นายไตรรัตน์กล่าว “ขั้นตอนจากนี้ สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคมฯ ฐานนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการต่อไป “

ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ไร้หน้าร้าน และความร่วมมือกับ สคบ.

การตรวจค้นครั้งนี้ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตยี่ห้อ TIMI เหล่านี้ถูกจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยไม่มีหน้าร้านหรือตัวแทนจำหน่ายที่ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถตรวจสอบสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อได้ นอกจากนี้ ยังพบโทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่งที่ถูกลูกค้าส่งกลับมาเพื่อขอเคลมเนื่องจากเครื่องชำรุดหรือใช้งานไม่ได้จริง

ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการสนธิกำลังร่วมกับ สคบ. เป็นครั้งแรกในการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่ไม่ตรงตามโฆษณาและไม่ได้คุณภาพ ซึ่งหากผู้บริโภคพบปัญหาเกี่ยวกับสินค้าไอทีที่ไม่ตรงตามโฆษณา หรือสงสัยว่าอาจเข้าข่ายหลอกลวง สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนผ่านสายด่วน สคบ. หมายเลข 1166 ได้เช่นเดียวกับการร้องเรียนสินค้าประเภทอื่นๆ ในส่วนของสำนักงาน กสทช. จะเน้นการตรวจสอบเรื่องใบรับรองมาตรฐานทางเทคนิคของอุปกรณ์ ซึ่งจะต้องตรงรุ่นกับที่ผ่านการตรวจสอบจริง และตรวจสอบการขออนุญาตใช้สติ๊กเกอร์เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน (ตราครุฑ) ที่ติดบนสินค้าไอที หากพบว่ามีการลักลอบใช้สติ๊กเกอร์ดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

มือถือเถื่อน

คำแนะนำจาก กสทช. ถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล

นายไตรรัตน์ ได้ฝากคำแนะนำและข้อควรระวังถึงประชาชนในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตในปัจจุบันว่า “การเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องพิจารณาว่าราคาที่จำหน่ายกับคุณสมบัติของตัวเครื่องมีความสมเหตุสมผลกันหรือไม่ ควรเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือ มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่งชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้คนนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้เห็นหรือทดลองสินค้าจริงก่อน การโฆษณาในช่องทางออนไลน์อาจไม่ตรงกับสินค้าที่ได้รับจริง เช่น การโฆษณาว่าโทรศัพท์มือถือราคาเพียงไม่กี่พันบาทสามารถใช้งาน 5G ได้ แต่เมื่อได้รับเครื่องมาแล้วกลับพบว่าไม่สามารถใช้งาน 5G ได้จริง เมื่อไม่มีสัญลักษณ์ 5G ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ ผู้ซื้อบางรายอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปัญหาที่สัญญาณโทรศัพท์ไม่ดี แต่แท้จริงแล้ว ปัญหาเกิดจากตัวอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ 5G ตามที่โฆษณาไว้ ซึ่งถือเป็นการหลอกลวงขายสินค้า “

“สำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อขายสินค้าออนไลน์มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และรูปแบบการหลอกลวงผู้บริโภคก็มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาไปตลอดเวลา นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานทางเทคนิคจาก กสทช. ยังอาจก่อให้เกิดการรบกวนต่อโครงข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการรายอื่น สร้างผลกระทบในวงกว้างได้อีกด้วย ” นายไตรรัตน์กล่าวทิ้งท้าย

การดำเนินการของ กสทช. และหน่วยงานพันธมิตรในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค และสร้างความเป็นธรรมในตลาดการค้าอุปกรณ์สื่อสารของประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน และไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่อาศัยช่องทางออนไลน์ในการหลอกลวงอีกต่อไป

#กสทช #หน่วยพระพาย #จับมือถือเถื่อน #มือถือTIMI #5Gใช้ไม่ได้ #สินค้าไม่ตรงปก #สคบ #ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์ #ซื้อขายออนไลน์ #คุ้มครองผู้บริโภค #ข่าวเศรษฐกิจ #NBTC

Related Posts