Raisewell Ventures กองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) จากซิลิคอนแวลลีย์ ที่นำโดย จี๊ป ไคลน์ ผู้เชี่ยวชาญหญิงไทย ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา พร้อมพันธกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) โดยมุ่งเน้นปลดล็อกศักยภาพประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่เฉียบคม ทีมงานระดับสากล และเม็ดเงินลงทุนเริ่มต้นที่พร้อมอัดฉีด สร้างแรงกระเพื่อมสำคัญในแวดวงสตาร์ทอัพและเศรษฐกิจดิจิทัล
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลากหลายมิติ ทั้งสภาพภูมิอากาศ รูปแบบการผลิต วิถีชีวิต และสุขภาพ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้กลายเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือและสร้างโอกาสใหม่ๆ Raisewell Ventures กองทุนธุรกิจเงินร่วมลงทุนยุคใหม่ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซิลิคอนแวลลีย์และดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอเมริกาแล้ว พร้อมวางยุทธศาสตร์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยา” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรม ด้วยการลงทุนใน สตาร์ทอัพ เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณจี๊ป ไคลน์ ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วน กรรมการผู้จัดการเรสเวลล์ เวนเจอร์ส และผู้เชี่ยวชาญชาวไทยจากซิลิคอนแวลลีย์ กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานของกองทุนว่า “เราสร้างเรสเวลล์ให้เป็นธุรกิจเงินร่วมลงทุนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ ไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนเท่านั้น แต่ยังพัฒนาระบบเศรษฐกิจแห่งอนาคตด้วย” เธอยังเสริมอีกว่า “ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะประเทศไทยนั้น กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญมาก เราเชื่อว่าขณะนี้ได้เวลาแนะนำผู้ประกอบการใหม่ที่ดีที่สุดในภูมิภาคให้รู้จักเครือข่าย ประสบการณ์ และทุนระดับโลกแล้ว” ความมุ่งมั่นนี้สะท้อนผ่านการดำเนินงานในช่วง 8 เดือนแรก ที่ได้พิจารณาข้อเสนอการลงทุน (Deal Flow) มากกว่า 800 รายการ และได้ลงทุนไปแล้วใน 9 บริษัทที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์หลักของบริษัท
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ “Raisewell Ventures” เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์การลงทุนของ Raisewell คือการมุ่งเน้นในสามแกนหลักของการเปลี่ยนแปลง (Transition Themes) ที่ตอบโจทย์ความท้าทายระดับโลก ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Transition): สนับสนุนนวัตกรรมด้านพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีอาหารและการเกษตร เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-Zero ภายในปี 2050 การลงทุนในกลุ่มนี้รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายพลังงานสะอาดในปี 2573 ของประเทศไทย
- การเปลี่ยนแปลงการผลิต (Manufacturing Transition): ผ่านการลงทุนในนวัตกรรมการผลิต ห่วงโซ่อุปทาน หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืน ตัวอย่างเช่น การลงทุนในหุ่นยนต์อัจฉริยะ ไมโครโปรเซสเซอร์ และ Edge AI เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ฮาร์ดแวร์เก่าสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างชาญฉลาด
- การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellbeing Transition): ด้วยการส่งเสริมเทคโนโลยีสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและผลลัพธ์การรักษา
โดยมี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเทคโนโลยีแกนกลาง (Cross-cutting Focus) ที่แทรกซึมอยู่ในทุกการลงทุน Raisewell กำลังลงทุนกับบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งอยู่ในระยะเริ่มกิจการและระยะกลางของการพัฒนากิจการในธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ภูมิอากาศ การผลิตเชิงอุตสาหกรรม และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ
คุณจี๊ป ไคลน์ อธิบายเพิ่มเติมถึงขนาดการลงทุนว่า “เช็คไซส์ หรือไซส์ในการลงทุน ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโตของบริษัทที่เราเข้าไปลงทุน ตั้งแต่ 250,000 เหรียญ จนถึง 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาต่อบริษัท” โดย Raisewell มองหาบริษัทตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Pre-seed) จนถึง Series B และตั้งเป้าลงทุนในบริษัทประมาณ 30-40 แห่งในสหรัฐอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กองทุนนี้ยังอยู่ในช่วงระดมทุน และคาดว่าจะปิดกองได้ประมาณสิ้นปี 2025 หรือต้นปี 2026 ซึ่งคุณจี๊ปเน้นย้ำว่า “ทางเราค่อนข้างที่จะเลือกนักลงทุนที่จะแมทช์กับมิชชั่นของกองทุน”
“กองทุนของจิ๊ป เป็นลักษณะของการลงทุนเป็น Global Fund มีระยะเวลา 10 ปี แต่อาจจะต่อไปได้ถึง 10-12 ปี ซึ่งเป็นมาตรฐานกองทุนทั่วไปตามหลักของสหรัฐอเมริกา เพราะของเราเป็นกองทุน Global Fund เราจะตามหลัก International Standard” คุณจิ๊ปกล่าว
“จี๊ป ไคลน์” สตรีไทยผู้ทรงอิทธิพลจากซิลิคอนแวลลีย์ สู่พันธกิจยกระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณจี๊ป ไคลน์ ไม่เพียงแต่เป็นผู้ก่อตั้ง Raisewell Ventures แต่ยังเป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่ก่อตั้งกองทุนเงินร่วมลงทุนซึ่งสร้างผลกระทบเชิงสังคมที่ซิลิคอนแวลลีย์ เธอมีชื่อเสียงจากการเปิดตัวคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตระบบแอนดรอยด์เครื่องแรกที่อินเทล และเคยมีบทบาทระดับผู้นำที่ธนาคารโลกและมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสตรี 25 ท่านซึ่งทรงอิทธิพลมากที่สุดในซิลิคอนแวลลีย์ Raisewell เป็นโครงการธุรกิจล่าสุดและเป็นกองทุนธุรกิจกองทุนที่สี่ของคุณจี๊ป โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อนำความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจเงินร่วมลงทุนมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มที่ประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำคัญ
ความแข็งแกร่งของ Raisewell ไม่ได้อยู่ที่เม็ดเงินลงทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทีมงานระดับโลก (Core Team) และคณะที่ปรึกษา (Advisors) ที่ประกอบด้วยบุคลากรระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบล อดีตประธานสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาว และผู้นำด้านธุรกิจและเทคโนโลยีจาก Google Apple TikTok และ Boston Consulting Group ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก อาทิ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด MIT มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และวอร์ตัน
เครือข่ายที่แข็งแกร่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Raisewell สามารถขับเคลื่อนผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ และให้การสนับสนุนบริษัทในพอร์ตโฟลิโอได้อย่างรอบด้าน ดังที่คุณจิ๊ปเคยกล่าวไว้ว่า “VC หรือ Venture Capital เนี่ย ต้อง complete คือเราต้องแข่งเพื่อที่จะแย่งกันลงทุน แล้วเวลาที่เราแย่งเข้าไปลงทุน ถามว่าทำไมเขา(สตาร์ทอัพ)ถึงเลือกเรา เราต้องเอา value ของเราไปให้เขา value ของเราคือ skills, knowledge และnetwork“
ปักหมุดไทย-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ปลดล็อกศักยภาพสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมโลก
สำหรับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Raisewell มองเห็นศักยภาพอันโดดเด่น โดยคุณจี๊ปกล่าวว่า “ตั้งแต่เข้ามาไทยมีแต่คนบอกว่าไม่ต้องมาลงทุนหรอก ประเทศไทยมีประชากรแค่ 70 ล้านคน”
“ต่อไปนี้เราจะต้องบอกนักลงทุนต่างประเทศว่า เขาควรจะมาประเทศไทยและ South East Asia เพราะประชากรของเรา ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มากกว่า 700 ล้านคน”
ความเชื่อมั่นนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของบุคลากรที่มีความสามารถ (Raw Talent) ความได้เปรียบในการเข้าถึงตลาดระดับภูมิภาค (Regional Access) และความมุ่งมั่น (The Will) ที่จะเติบโต
Raisewell กำลังเร่งสร้างนวัตกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศไทย ด้วยความคิดริเริ่มหลายประการ ได้แก่:
- การร่วมมือกับสถาบันวิชาการชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย ตลอดจนผู้ก่อตั้งในท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มมีการพูดคุยและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการ “Train the Trainers” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน VC
- การสนับสนุนให้บริษัทซึ่งได้รับเงินลงทุน เช่น บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ และบริษัทเทคโนโลยีด้านภูมิอากาศ ได้ขยายกิจการในระดับภูมิภาค เพื่อจะได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย
- การสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก้าวไปไกลสู่ตลาดโลก
คุณจี๊ปยังได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “Impact Investing” ว่า “คำว่า impact เนี่ยมันกว้างมาก ทาง Raisewell Ventures เราจะออกมาในทางของเป็น Impact Venture Capital Fund แปลว่าเป็นการลงทุนต้องมีกำไร เพราะไม่อย่างงั้นเนี่ย กองทุนจะไม่มีนักลงทุนมาลง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นการลงทุนที่นอกเหนือจากได้ผลตอบแทนทางการเงินแล้ว ก็จะได้ผลตอบแทนทางสังคม สิ่งแวดล้อม หรือทางเศรษฐกิจด้วย” ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงการสร้างผลกระทบที่แท้จริง ควบคู่ไปกับผลตอบแทนทางการเงิน ไม่ใช่เพียงการทำการตลาด (Impact Washing)
เมื่อพูดถึงระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย คุณจิ๊ปชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่ควรได้รับการพัฒนาเพื่อดึงดูดการลงทุน โดยกล่าวว่า “เรื่องแรก คือ Rule of Law เรายังไม่แข็งแรง ซึ่งเป็นพื้นฐานในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะถ้าอยากให้นักธุรกิจต่างชาติหรือนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน Rule of Law ต้องแข็งแรง ประการที่สอง การทำ ESOP (Employee Stock Option Pool) ของไทยยังไม่ได้ทำได้เบร็ดเสร็จในที่เดียว กว่าจะทำ ESOP ได้ต้องเดินเรื่องเอง ซึ่งยุ่งยากพอสมควร ถ้าเกิดว่าเป็นสิงคโปร์ ไม่ต้องถึงสหรัฐอเมริกา พวกนี้จะได้รับแบบอัตโนมัติเลย ประการที่สาม ต้องบอกว่าสิ่งที่เราอยากเห็นที่สุดคือเรื่องของ mindset ถ้าเราทำแบบไทย ๆ เราจะไม่สามารถสร้างขีดการแข่งขันกับประเทศอื่นได้ เราต้องรู้ตัวเราเอง แม้ว่าธุรกิจเราจะอยู่ในประเทศไทยก็ตาม แต่การแข่งขันหรือว่า competition เนี่ยมันคือ global competition”
อย่างไรก็ตาม คุณจิ๊ปยังคงมองเห็นโอกาสและศักยภาพของสตาร์ทอัพไทย ดังเช่นกรณีของสตาร์ทอัพของไทยรายหนึ่งที่ Raisewell กำลังอยู่ในขั้นตอน Due Diligence โดยเธอกล่าวถึงจุดที่น่าสนใจว่า “บริษัทนี้จิ๊ปชอบตรงที่ว่า ผู้ประกอบการ เขาคิดว่าเขาเป็น global company since day one เขาเห็นเลยว่าเขาสามารถ serve ทั้ง Southeast Asia region ได้” และยังสามารถปรับตัวได้ดี “ควอเตอร์นี้ เขาอาจจะเน้นผลกำไรมากกว่ารายได้ พอเวลาที่เขาระดมทุนได้ปุ๊บ เขาจะกลับมาเน้นท็อปไลน์เพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าเป็นหลัก” ซึ่งสะท้อนถึงคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่ VC มองหา
ตัวอย่างการลงทุนที่สะท้อนวิสัยทัศน์
ผลงานและความสำเร็จในช่วง 8 เดือนแรกของ Raisewell เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นและกลยุทธ์ที่เฉียบคม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนไปแล้วใน 9 บริษัท (รวมถึงการได้ที่นั่งในคณะกรรมการบริหาร 2 ตำแหน่ง) การสร้างความร่วมมือกับ 4 สถาบันการศึกษาชั้นนำเพื่อพัฒนาระบบนิเวศเทคโนโลยีในเอเชีย การร่วมมือกับ 2 ตลาดหลักทรัพย์ในการกำหนดนโยบายการลงทุน และการเป็นพันธมิตรกับ 12 องค์กรขนาดใหญ่และตระกูลที่มีชื่อเสียง การลงทุนที่ผ่านมาสอดคล้องกับวิสัยทัศน์หลักของบริษัทอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น การลงทุนใน:
- หุ่นยนต์อัจฉริยะ ไมโครโปรเซสเซอร์ และ Edge AI เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- โครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Infrastructure) ที่สอดรับกับเป้าหมายพลังงานสะอาดของประเทศไทยปี 2030 ด้วยโซลูชันการชาร์จรถ EV จากไฟฟ้าในบ้าน
- โซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ยุคหลังควอนตัม (Post-quantum Cybersecurity) เพื่อเสริมสร้างอธิปไตยทางดิจิทัลในภูมิภาค
- หุ่นยนต์ครบวงจร (Full-stack Robotics) แพลตฟอร์มขนส่งเชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพในการจดทะเบียนข้ามตลาดกับตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย
- VPN สำหรับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสลับยุคหลังควอนตัม
มองอนาคต: Climate Tech, AI และโอกาสจากภูมิรัฐศาสตร์
ในมิติของเทรนด์อนาคต คุณจิ๊ปมองว่า Climate Tech เป็นโอกาสการลงทุนที่สำคัญยิ่ง “Climate Tech เรียกว่าเป็นโอกาสของการเข้ามาลงทุน เนื่องจากภายในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศในหลายๆ ประเทศก็เห็นแล้วว่า เรื่องของ Environment เนี่ยเป็นเรื่องที่สำคัญ”
นอกจากนี้ AI ก็เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานอย่างมหาศาล “AI เรียกว่า เป็น third technology revolution ที่สำคัญมาก ส่วนตัวจิ๊ปเอง expect ว่าทุกคนต้องใช้ AI ในการทำงาน นี่คือ requirement”
คุณจิ๊ปยังกล่าวถึงโอกาสที่เกิดจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาว่า “อันนี้ ถือเป็นข้อดีของประเทศทางแถบ South East Asia หรือทางแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะว่าเราสามารถเข้าได้กับทั้ง 2 ยักษ์ใหญ่ นับเป็นโอกาสในการที่เราจะ attract manufacturing ให้เข้ามาตั้งรากฐานการผลิต”
สำหรับคำถามที่ว่าช่วงเวลาใดเหมาะสมกับการลงทุนในสตาร์ทอัพ คุณจิ๊ปให้ทรรศนะว่า “ในมุมมองของนักลงทุน ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ถ้า Startup สามารถผ่านตรงนี้มาได้ those are very very good companies ช่วงนี้จิ๊ปถือว่าเป็นช่วงจังหวะในการลงทุนที่ดี เราจะเห็นเลยว่าผู้ประกอบการคนไหนเก่งจริงหรือไม่เก่งจริง”
และเธอยังมองว่าการเป็น “ยูนิคอร์น” ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด “การที่ valuation ถึง 1 billion dollars ไม่ใช่เป็นตัววัดว่าบริษัทนี้ประสบความสำเร็จ จิ๊ปอยากให้ดูผลกระทบในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง”
ด้านแอนดรูว์ สแตดเลน เวนเจอร์สพาร์ทเนอร์ด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ กองทุนเรสเวลล์ เวนเจอร์ส กล่าวว่า “เรสเวลล์นำเสนอโอกาสที่ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะได้กลายเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งในเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก” และเสริมว่า “กองทุนเงินร่วมลงทุนในศตวรรษที่ 21 ควรมีลักษณะแบบนี้ นั่นคือ เข้าถึงในระดับโลกและเข้าใจประโยชน์ในระดับท้องถิ่น”
การเดินทางของ Raisewell Ventures ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่งเริ่มต้น แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน กลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทีมงานระดับโลก และความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง Raisewell ไม่เพียงแต่มองเห็นโอกาส แต่ยังพร้อมที่จะเป็นส่วนสำคัญในการ “ปลดล็อกศักยภาพ” ของภูมิภาคนี้ให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์ในเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก
คุณจิ๊ปกล่าวปิดท้ายว่า “ประเทศไทยมีคนเก่ง เราต้องเชื่อมโยงกับภูมิภาค และมีความมุ่งมั่น เรสเวลล์จะมาช่วยพัฒนาศักยภาพด้านนี้ เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นนี้และรุ่นต่อ ๆ ไป”
การเข้ามาของ Raisewell จึงไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในระบบ แต่ยังเป็นการนำองค์ความรู้ เครือข่าย และมาตรฐานระดับโลกเข้ามาช่วยยกระดับวงการ สตาร์ทอัพ และนวัตกรรมของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนในอนาคต
#RaisewellVentures #DeepTech #ImpactInvesting #สตาร์ทอัพไทย #เศรษฐกิจดิจิทัล #เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ #ClimateTech #AI #นวัตกรรม #VentureCapital #กองทุนVC #การลงทุน #คุณจิ๊ปไคลน์ #เศรษฐกิจไทย #เทคโนโลยีเชิงลึก #SiliconValley #SEC #NetZero #ManufacturingTransition #HealthWellbeingTransition