กรุงศรี ฟินโนเวต ตั้งกองทุนพันล้าน ลุยสตาร์ทอัพไทย-อาเซียน หวังปั้น Unicorn

กรุงศรี ฟินโนเวต ตั้งกองทุนพันล้าน ลุยสตาร์ทอัพไทย-อาเซียน หวังปั้น Unicorn

กรุงศรี ฟินโนเวต โชว์ผลงานปี 67 สุดแกร่ง ดันขึ้น 4 ยูนิคอร์น เตรียมดันอีก 7 เข้า IPO พร้อมประกาศแผนปี 68 อัดฉีดเม็ดเงินลงทุนกว่าพันล้านบาท ผ่านกองทุน FinnoEfra และ Finnoventure ลุยสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน ตั้งเป้าสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพให้แข็งแกร่ง

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – กรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุนในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศความสำเร็จในปี 2567 และแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสนับสนุนและขับเคลื่อนระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ และ Head of Portfolio Growth บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กรุงศรี ฟินโนเวต ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลงทุนในสตาร์ทอัพ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 4,039 ล้านบาท (120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีสตาร์ทอัพในพอร์ตการลงทุน (Portfolio) จำนวน 25 บริษัท ในจำนวนนี้มี 4 บริษัทที่เป็นยูนิคอร์น (Unicorn) หรือสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าบริษัทเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 7 บริษัทกำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO)

ความสำเร็จในปี 2567 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ด้านการลงทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร (Strategic Partnership) กว่า 170 โครงการ ครอบคลุมทั้งสตาร์ทอัพ หน่วยธุรกิจต่างๆ รวมถึงลูกค้าของธนาคาร และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม Ecosystem อย่าง Krungsri Finnovate sharing และ Krungsri Finnovate Fair นอกจากนี้ กรุงศรี ฟินโนเวต ยังได้รับรางวัล The Strongest Bank in Thailand จาก The Asian Banker ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปี 2568 กรุงศรี ฟินโนเวต ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์และพันธกิจ (Vision & Mission) ที่มุ่งเน้นการเป็นนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สร้างผลกระทบ (Impact Focus) สนับสนุนให้สตาร์ทอัพในอาเซียนเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างระบบนิเวศในระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่ง โดยมี 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ การลงทุน (Investment), การเติบโตของพอร์ตและการสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุน (Portfolio Growth & Investor Relations), และการสร้างระบบนิเวศผ่านโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ (Accelerator & Ecosystem)

กรุงศรี ฟินโนเวต

นางสาวปาลิดา เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในปี 2568 ว่า กรุงศรี ฟินโนเวตเตรียมเงินลงทุนไว้หลายส่วน โดยจะแบ่งเป็นการลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก ได้แก่

  1. Finnoventure Private Equity Trust I: กองทุนนี้มีมูลค่า 400 ล้านบาท ตั้งเป้าลงทุนในสตาร์ทอัพ 6 บริษัท โดยเน้นที่ประเทศไทยและขยายโอกาสไปยังเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

  2. Finnoverse & Futuristic Fund: กองทุนนี้มีมูลค่า 70 ล้านบาท จะลงทุนใน 1 สตาร์ทอัพ หรือลงทุนในรูปแบบ Fund of fund โดยมุ่งเน้นที่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ ESG (Environment, Social, Governance), เทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)

นอกจากนี้ กรุงศรี ฟินโนเวตยังได้เปิดตัวกองทุนใหม่ FinnoEfra Private Equity Trust ซึ่งมีขนาดกองทุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท โดยร่วมมือกับ EfraStructure ในการบริหารจัดการ กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้น (Seed to Pre-Series A) ที่มีผลิตภัณฑ์และลูกค้าแล้ว โดยจะลงทุนในสตาร์ทอัพในประเทศไทย 60% และในภูมิภาคอาเซียน 40% ด้วยขนาดการลงทุน (Ticket Size) ระหว่าง 200,000 – 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อบริษัท

“วันนี้เป็นการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของ Finnoverse Accelerator Program ต้องบอกว่าจุดประสงค์ของ accelerator ในวันนี้ ทางกรุงศรี ฟินโนเวต เรามองเห็น opportunity หรือว่าโอกาสในการลงทุนในสตาร์ทอัพที่เป็น early stage และเราได้เปิดกองทุน Finnoverse Fund ที่เป็น private equity class” นางสาวปาลิดากล่าว พร้อมเสริมว่า “เรามองว่าการที่เราจะลงทุนใน early stage สตาร์ทอัพ เราต้องมีโรงเรียนบ่มเพาะ ก็เลยเกิดเป็น accelerator ขึ้นมา”

FinnoEfra ไม่ได้มีเพียงแค่กองทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ FinnoEfra Accelerator Program ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในการจัดรุ่นแรก โดยมีผู้สมัครมากกว่า 200 ราย และคัดเลือกเหลือ 12 ทีมสุดท้ายที่จะได้นำเสนอผลงาน (Pitching) ในวัน Demo Day โครงการนี้มีความโดดเด่นด้วยทีมเมนเทอร์ที่เป็นผู้ก่อตั้ง (Founders) ที่มีประสบการณ์ และโค้ชที่มีประสบการณ์ในการนำสตาร์ทอัพ Exit ได้สำเร็จ รวมถึงยังมี “ครูใหญ่” ที่คอยให้คำแนะนำและดูแลสตาร์ทอัพทั้ง 12 ทีมอย่างใกล้ชิด

นางสาวปาลิดากล่าวถึงแผนการจัด FinnoEfra Accelerator รุ่นที่ 2 ในช่วงปลายปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายว่าจะรับสมัครสตาร์ทอัพ 200 ราย คัดเลือก 12 ราย และลงทุนใน 6 บริษัท รวมถึงสร้างโครงการความร่วมมืออีก 4 โครงการ

นอกเหนือจากการลงทุนและโครงการบ่มเพาะ กรุงศรี ฟินโนเวตยังให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพให้แข็งแกร่ง ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น KFIN Academy ที่จะจัดคลาสเรียนเข้มข้นสำหรับสตาร์ทอัพ รวมถึงงานแบ่งปันความรู้สำหรับพนักงานภายในธนาคาร ลูกค้า และพันธมิตร และ KFIN Family Meetup ซึ่งเป็นงานสร้างเครือข่าย (Networking) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกไตรมาส

การดำเนินงานทั้งหมดของกรุงศรี ฟินโนเวต สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็น “กระดูกสันหลัง” (Backbone) ของวงการสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน ตามที่ได้รับการยอมรับจากรางวัล Techsauce Awards 2024 ในหมวด The Startup Backbone

ด้วยแผนงานที่ครอบคลุมทั้งการลงทุน การบ่มเพาะ และการสร้างเครือข่าย กรุงศรี ฟินโนเวตพร้อมที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันสตาร์ทอัพไทยและอาเซียนให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่งในระดับภูมิภาค

#KrungsriFinnovate #FinnoEfra #Startup #VentureCapital #Fintech #Ecosystem #Accelerator #Investment #Thailand #ASEAN #Unicorn #IPO #Techsauce

Related Posts