ไปรษณีย์ไทย กำลังก้าวข้ามบทบาทเดิม สู่การเป็น “Tech Post” เต็มรูปแบบ ภายใต้การนำทัพของ ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยยุทธศาสตร์เทคโนโลยีดิจิทัล โดยมี “Super Application” เป็นหัวหอกสำคัญ พร้อมรับมือความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปฏิวัติกระบวนการทำงาน ตั้งเป้าสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ใช้บริการ และเสริมศักยภาพธุรกิจไทยอย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด องค์กรเก่าแก่คู่คนไทยมายาวนาน กำลังแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและทันสมัย สู่การเป็น “Tech Post” ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงธุรกิจขนส่ง แต่เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีอย่างแท้จริง เบื้องหลังความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงนี้ มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ซึ่ง ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้เปิดเผยถึงทิศทางและแผนงานสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น
IT ก้าวล้ำ แผนงานสู่ปีแห่งความเป็นจริง
ดร.ตฤณ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าอย่างก้าวกระโดดของสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศในปีนี้ว่า “ปีนี้ถือเป็นปีที่เรามีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเกินกว่าแผนที่วางไว้ การตัดสินใจสำคัญๆ ขององค์กรในปัจจุบันล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี (Technology-Based Decision Making) อย่างแท้จริง” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาเป็นแกนหลักในการตัดสินใจและดำเนินงานของไปรษณีย์ไทย
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัว รวมถึง “Super Application” ที่เปรียบเสมือนเรือธงสำคัญ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวภายในปลายปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายผู้ใช้งานไว้สูงถึง 5 ล้านคน การมาถึงของแอปพลิเคชันนี้ไม่เพียงแต่จะยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้บริการเท่านั้น แต่ยังหมายถึงปริมาณข้อมูลมหาศาลที่จะไหลเข้าสู่ระบบ ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าสำหรับการวิเคราะห์และต่อยอดทางธุรกิจ
ปลดล็อกศักยภาพข้อมูล: จากขนส่ง สู่รีเทล และการแบ่งปันเพื่อ SME
ข้อมูลที่ได้จาก Super Application และการดำเนินงานทั้งหมดของไปรษณีย์ไทย จะถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ ดร.ตฤณ ขยายความว่า “ข้อมูลมหาศาลที่จะได้รับนี้ จะถูกนำมาต่อยอดมากกว่าแค่การพัฒนาระบบขนส่งและ Last-mile delivery โดยเราจะนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อสร้างโอกาสในเชิงธุรกิจค้าปลีก (Retail) ด้วย” ซึ่งหมายความว่า ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการในการส่งและรับสินค้า จะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในกลุ่มค้าปลีก
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังมีแผนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้มาทำให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) “ภายในปลายปีนี้ เรามีแผนที่จะพัฒนาให้ข้อมูลของเราสามารถเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่ม SME ให้สามารถเข้าถึงและนำไปใช้ต่อยอดได้ เนื่องจากไปรษณีย์ไทยมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่และมีคุณค่า” ดร.ตฤณกล่าว พร้อมเสริมว่าข้อมูลเหล่านี้ครอบคลุมทั้งข้อมูลการจัดส่งและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีปริมาณมหาศาลและมีคุณค่าอย่างยิ่ง
เพื่อทำให้ข้อมูลมีพลังมากยิ่งขึ้น ไปรษณีย์ไทยยังเปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตร “เราตระหนักดีว่าข้อมูลของเราเพียงฝ่ายเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงมีนโยบายเปิดรับความร่วมมือกับพันธมิตรทุกราย เพื่อร่วมกันสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่มีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจได้อย่างกว้างขวาง” วิสัยทัศน์นี้จะนำไปสู่การสร้าง Big Data Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ
ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัย: บทเรียนและการยกระดับ
ในโลกดิจิทัล ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) ถือเป็นหัวใจสำคัญ ดร.ตฤณ ยอมรับว่านี่เป็นประเด็นที่ท้าทายและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง “แม้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยภายในของไปรษณีย์ไทยจะถูกออกแบบให้แข็งแกร่งเทียบเท่ากำแพงสูง แต่การดำเนินโครงการร่วมกับพันธมิตรจำนวนมาก ทำให้เกิดจุดเชื่อมต่อภายนอก ซึ่งเราเปรียบเสมือน ‘บ้านเล็กนอกกำแพง’ ที่ต้องให้ความสำคัญกับการยกระดับความปลอดภัยเช่นกัน”
การเปรียบเปรยนี้ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนในการบริหารจัดการความปลอดภัยในยุคที่ต้องเชื่อมต่อกับพันธมิตรจำนวนมาก เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลที่เกิดขึ้นกับหลายองค์กรในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงไปรษณีย์ไทยเอง กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ต้องกลับมาทบทวนและเสริมความแข็งแกร่งของ “กำแพง” ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบภายในหรือส่วนที่เชื่อมต่อกับภายนอก
ดร.ตฤณ ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบ ข้อมูลที่หลุดออกไปก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และยังไม่พบการนำข้อมูลเหล่านั้นไปซื้อขายในตลาดมืด ที่สำคัญคือข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Financial Data) ไม่ได้รั่วไหลออกไป เขาย้ำว่า “ในเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าบริษัทเป็นผู้เสียหายหรือ ‘เหยื่อ’ จากการโจมตีทางไซเบอร์ ไม่ใช่เป็นผู้กระทำการให้ข้อมูลรั่วไหลหรือนำข้อมูลไปขาย เปรียบได้กับการที่เราสร้างรั้วบ้านไว้อย่างดีแล้ว แต่ก็ยังถูกผู้ไม่ประสงค์ดีบุกรุกเข้ามา” อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการปรึกษาหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อวางมาตรการป้องกันและรับมือ
การเตรียมเปิดตัว Super Application ในปลายปีนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการดำเนินการ “Health Checking” หรือตรวจสอบสุขภาพของระบบทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน “การเปิดตัว Super Application ในช่วงปลายปีนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้ดำเนินการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของระบบทั้งหมด (Health Checking) อย่างละเอียดอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัย (Security Awareness) ในวงกว้าง” ดร.ตฤณกล่าว พร้อมเสริมว่าการทำ Security Health Check ที่ผ่านมาพบว่าระบบหลักของไปรษณีย์ไทยมีความแข็งแรง แต่จุดเชื่อมต่อกับพันธมิตรบางส่วนอาจยังมีช่องโหว่ที่ต้องได้รับการแก้ไข
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในปัจจุบันมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น “ปัจจุบัน ภัยคุกคามไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการโจมตีระบบโดยตรงจากแฮกเกอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้วิธีส่งอีเมลหลอกลวง (Phishing Mail) มายังพนักงานของเราอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา” ดร.ตฤณเปิดเผยถึงวิธีการโจมตีที่พุ่งเป้ามายังบุคลากร ดังนั้น นอกจากการเสริมความแข็งแกร่งทางเทคนิค (Technical Security) แล้ว การสร้างความตระหนักรู้และวินัยด้านความปลอดภัยให้กับพนักงาน (Human Security) จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำควบคู่กันไปอย่างเข้มข้น
มองไกลถึง Quantum Security และพลังของ AI ขับเคลื่อนธุรกิจ
เมื่อมองไปในอนาคต ภัยคุกคามทางไซเบอร์จะยิ่งทวีความรุนแรงและซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทคโนโลยี Quantum Computing เข้ามามีบทบาท ซึ่งอาจทำให้การถอดรหัสข้อมูลในปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้น ดร.ตฤณกล่าวถึงการเตรียมพร้อมในเรื่องนี้ว่า “สำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีควอนตัมในประเทศไทยในระยะแรก เราอาจมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา ‘Quantum Security’ เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต มากกว่าการนำไปใช้กับ AI โดยตรง”
โดยขณะนี้ ไปรษณีย์ไทยได้เริ่มทำงานร่วมกับ สกมช. ในการทำ “Quantum Computing Simulation” เพื่อจำลองวิธีการโจมตีและหาวิธีป้องกัน ซึ่งเป็นการมองการณ์ไกลเพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยในระยะยาว
ในอีกด้านหนึ่ง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเข้ามาพลิกโฉมธุรกิจ ดร.ตฤณมองว่า AI ในปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลกว่ายุคเริ่มต้นที่เป็นเพียงแชทบอทพื้นฐาน “เป็นที่ยอมรับในระดับสากลแล้วว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปัจจุบันได้ก้าวสู่จุดที่เป็นเทคโนโลยี ‘ของจริง’ ที่สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างมีนัยสำคัญ” เขากล่าว และชี้ว่า Generative AI ได้เข้ามาช่วยลดภาระในการเตรียมข้อมูล (Data Cleansing/Preparation) ได้อย่างมาก
“การมาถึงของ Generative AI ได้เข้ามาปฏิวัติกระบวนการทำงานกับข้อมูล ทำให้เราสามารถลดขั้นตอนการเตรียมข้อมูลที่ซับซ้อนลงได้อย่างมาก แม้แต่ข้อมูลที่เคยถูกมองว่าเป็น ‘Junk Data’ ก็สามารถป้อนให้ AI วิเคราะห์เพื่อสกัดข้อมูลเชิงลึกได้” ทำให้องค์กรสามารถข้ามขั้นตอนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และมุ่งเน้นไปที่การค้นหา Business Case ที่ AI สามารถเข้ามาสร้างประโยชน์ได้ทันที
สำหรับไปรษณีย์ไทย มีแผนการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในหลายมิติที่ชัดเจน ได้แก่:
- AI Route Optimization: การนำ AI มาช่วยวางแผนเส้นทางการขนส่งในส่วน Last-mile delivery ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่ง ดร.ตฤณคาดการณ์ว่า “เราคาดว่าการนำ AI มาใช้ในการวางแผนเส้นทางขนส่ง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีกอย่างน้อย 20% จากกระบวนการเดิม”
- AI for Hub & Spoke Design: ใช้ AI ในการออกแบบและกำหนดจุดที่ตั้งของศูนย์กระจายสินค้า จุดจ่ายต่างๆ รวมถึง Micro Fulfilment Center เพื่อลดระยะทางและค่าใช้จ่ายในการขนส่งให้ได้มากที่สุด
- AI for Personalization & CRM: นำข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์ด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalization) และยกระดับการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) “ในปีนี้ เทคโนโลยี AI CRM ถือเป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญที่เราให้ความสนใจอย่างยิ่ง และระบบ AI ที่เรานำมาใช้ในงาน CRM ก็เป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่ทันสมัย” ดร.ตฤณกล่าวถึงความมุ่งมั่นในการใช้ AI เพื่อเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
- AI for Internal Knowledge Management: พัฒนาระบบบริหารจัดการองค์ความรู้ภายใน (Knowledge Management System) ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ลักษณะเดียวกับ ChatGPT “เพื่อให้บุคลากรของเรา โดยเฉพาะพนักงานที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดลูกค้า สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย” ดร.ตฤณอธิบายถึงประโยชน์ของระบบนี้
การเดินทางของไปรษณีย์ไทยสู่การเป็น “Tech Post” สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวครั้งสำคัญขององค์กรภาครัฐขนาดใหญ่ ที่ไม่เพียงแต่รับมือกับความท้าทายของยุคดิจิทัล แต่ยังมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสร้างการเติบโต สร้างนวัตกรรม และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคนไทยทุกคน ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ และทีมงานไปรษณีย์ไทยกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า องค์กรที่มีรากฐานมั่นคงก็สามารถพลิกโฉมสู่ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีได้ หากมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน กลยุทธ์ที่เฉียบคม และความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคต
#ไปรษณีย์ไทย #TechPost #ดรตฤณทวิธารานนท์ #ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน #SuperApp #AI #BigData #ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ #QuantumSecurity #CRM #Logistics #ธุรกิจไปรษณีย์ #เศรษฐกิจดิจิทัล #ไปรษณีย์ไทยยุคใหม่