ไทยวา โชว์ผลงาน Q1/2568 กำไรโต 50% ลุยตามแผน “Thai Wah 2030”

ไทยวา โชว์ผลงาน Q1/2568 กำไรโต 50% ลุยตามแผน “Thai Wah 2030”

ไทยวา กรุ๊ป (TWPC) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 สุดแข็งแกร่ง กำไรจากการดำเนินงานหลักพุ่ง 50% แตะ 171 ล้านบาท และกำไรสุทธิทะยานกว่า 77% อยู่ที่ 117 ล้านบาท สะท้อนความสำเร็จจากกลยุทธ์ปรับพอร์ตโฟลิโอ เน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง พร้อมเปิดตัวโรดแมป “Thai Wah 2030” ปักธงผู้นำนวัตกรรมอาหารและความยั่งยืนในระดับภูมิภาค มุ่งเป้า EBITDA แตะ 1 พันล้านบาทภายในปี 2569

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและส่วนผสมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อย่างน่าประทับใจ โดยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและพลิกฟื้นธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ซึ่งเป็นผลพวงจากการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 โดยในไตรมาสนี้ ไทยวามียอดขายรวมทั้งสิ้น 2,299 ล้านบาท และมี EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) สูงถึง 285 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกำไรถึง 12% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ 171 ล้านบาท ซึ่งเติบโตสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 50% และที่สำคัญ กำไรสุทธิของบริษัทฯ พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 77% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แตะระดับ 117 ล้านบาท

ความสำเร็จอันโดดเด่นนี้เป็นผลมาจากการขับเคลื่อนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนกำไรสูง (High-Margin Products) การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินงานทั้งหมด ธุรกิจอาหารของไทยวายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภคหลังจากการเปิดตัว ขณะเดียวกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามก็ยังคงมีการเติบโตที่แข็งแกร่งเช่นกัน

และล่าสุด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจไปยังตลาดส่วนผสมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทฯ ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ ฟูจิ นิฮอน คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและขยายฐานลูกค้าในตลาดที่มีการเติบโตสูง

ไทยวา

เปิดวิสัยทัศน์ “Thai Wah 2030” แผนทรานสฟอร์มองค์กรสู่ผู้นำนวัตกรรมอาหารและความยั่งยืน

นอกเหนือจากผลประกอบการที่น่าพอใจ ไทยวา กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวโรดแมป “Thai Wah 2030” ซึ่งเป็นแผนการทรานสฟอร์มองค์กรในระยะยาว ที่มีเป้าหมายหลักในการสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด การพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก วิสัยทัศน์นี้ถูกขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูง และการดำเนินงานตามแนวทางด้านความยั่งยืนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในระดับสากลได้อย่างครอบคลุม

นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา กลุ่มธุรกิจหลักของไทยวา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม (High-Value Application หรือ HVA) ธุรกิจในประเทศเวียดนาม และกลุ่มผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเลขสองหลักตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ที่ผ่านมา และเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าภายใต้แผน Thai Wah 2030 โดยบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญสูงสุดกับนวัตกรรมและความยั่งยืน รวมถึงการขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นทุกราย

แผน Thai Wah 2030 ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลักที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการพลิกโฉมองค์กร มุ่งสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2573

ประการแรกคือ การเดินหน้าปรับพอร์ตโฟลิโอ (Accelerate Portfolio Transformation) ไทยวาตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม (HVA) ให้เป็นสองเท่าภายในปี 2573 โดยจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำยอดขายได้สูง และขยายฐานการตลาดไปยังตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ กลยุทธ์นี้ยังรวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ครอบคลุมนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นที่เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว เช่น แผ่นแป้งข้าวเจ้า (Rice Paper), เส้นมันเทศ (Sweet Potato Noodles), วุ้นเส้นสด (Fresh Vermicelli), วุ้นเส้นแห้ง (Dry Vermicelli), ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ (Bean Sheet), ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานแบบซอง (Instant Pouch), เส้นหมี่สด (Fresh Rice Noodles), เส้นหมี่แห้ง (Dry Rice Noodles), และเส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิก (Organic Noodles) รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง (Ready-to-Cook) และพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) อีกหลากหลายรายการ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายในการเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ (Healthier Options), ผลิตภัณฑ์ฉลากสะอาด (Clean-label) รวมถึงผลิตภัณฑ์ปราศจากกลูเตน (Gluten-free) และปลอดสารตัดแต่งพันธุกรรม (GMO-free) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้น การปรับพอร์ตโฟลิโอเชิงรุกนี้คาดว่าจะส่งผลให้ไทยวามี EBITDA และอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเน้นจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและเป็นกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น

ประการที่สองคือ การขยายสู่ตลาดศักยภาพสูง (Expand into High-Potential Markets) ไทยวากำลังมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และจีน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสามผู้นำตลาด (Top 3 Market Leader) ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักในตลาดเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น ไทยวาจะให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Awareness) และการสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Engagement) ผ่านการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและความร่วมมือทางธุรกิจในรูปแบบต่างๆ

ปัจจุบัน ไทยวามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และได้ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศอย่างกว้างขวาง โดยมีสำนักงานขาย การตลาด การจัดจำหน่าย และซัพพลายเชนรวมทั้งสิ้น 10 แห่ง ใน 7 ประเทศ ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ไทยวา

ประการที่สามคือ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสัดส่วนผลกำไร (Enhance Cost Efficiency and Profitability) ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นธุรกิจหลักดั้งเดิมของไทยวา ยังคงเป็นแหล่งรายได้และกำไรที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ อย่างจริงจัง โดยได้ริเริ่มโครงการหลากหลายที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำไรให้สูงขึ้น เช่น การปรับปรุงต้นทุนในส่วนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตในโรงงาน และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์

ขณะเดียวกัน โมเดลธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ของไทยวานั้นมีการบริหารจัดการที่เป็นเลิศตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบคุณภาพ ไปจนถึงการจัดจำหน่ายสินค้าสู่มือลูกค้า ซึ่งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายอาหารแบบ B2B (Business-to-Business) ของบริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานกระจายอยู่ในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือประเทศฟิลิปปินส์ ธุรกิจ HVA และโซลูชันแป้งมันสำปะหลัง รวมถึงส่วนประกอบอาหารที่สามารถออกแบบได้ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า (Customized Solutions) นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วให้กับบริษัทฯ โดยในปัจจุบันไทยวามีลูกค้าในกลุ่ม HVA มากกว่า 100 รายทั่วโลก

เสียงจากผู้บริหาร: มุ่งมั่นสู่อนาคตอาหารที่ยั่งยืน

นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยวา กรุ๊ป ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายของบริษัทฯ ว่า “ไทยวา ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหารของเอเชีย ภายในปี 2573 โดยเราจะมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกๆ ด้านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะยังคงมีความผันผวน และมีประเด็นเรื่องภาษีที่ต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ แต่เราก็ต้องเร่งปรับตัว เพิ่มความยืดหยุ่น และพร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ”

“ไทยวาจะเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย และสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคนี้ให้จงได้ ด้วยความแข็งแกร่งของเราทั้งในด้านการขาย การตลาด และการจัดจำหน่าย ทั้งในกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ภายใต้เป้าหมายที่เป็นเลิศ นั่นคือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ได้มากกว่า 10 รายการในทุกๆ ปี”

แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะยังคงมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า แต่ไทยวายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จะเร่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มอาหาร และดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลกำไรได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2569 บริษัทฯ จะมี EBITDA อย่างน้อย 1 พันล้านบาทต่อปี และต่อเนื่องไปในปีต่อๆ ไปจนถึงปี 2573  

นอกเหนือจากความสำเร็จทางธุรกิจแล้ว ในปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยวายังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ “หนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานที่สุดในเอเชีย” (HR Asia Best Companies to Work for in Asia) จาก HR Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความใส่ใจในการดูแลสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของไทยวามาโดยตลอด

ประวัติศาสตร์ยาวนานและความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ไทยวาก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2490 จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดส่วนผสมอาหารและเส้นก๋วยเตี๋ยวในระดับภูมิภาค ด้วยการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ไทยวามียอดขายที่มั่นคงในระดับ 1 หมื่นล้านบาทมาตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีการส่งออกสินค้าคุณภาพไปยังกว่า 35 ประเทศทั่วโลก บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพและนวัตกรรม ทำให้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมอาหารมาอย่างยาวนานกว่า 77 ปี

สำหรับนักลงทุนและผู้สนใจ สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ https://www.thaiwah.com

#ไทยวากรุ๊ป #TWPC #ผลประกอบการQ12568 #ThaiWah2030 #ธุรกิจอาหาร #นวัตกรรมอาหาร #ความยั่งยืน #ข่าวเศรษฐกิจ #การลงทุน

Related Posts