กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – งาน THAIFEX – Anuga Asia PR Event ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้ฉายภาพรวมอันน่าสนใจของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก โดยมี Koelnmesse และพันธมิตรชั้นนำเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนทิศทางและนวัตกรรม ท่ามกลางความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และความคาดหวังใหม่ของผู้บริโภค งานนี้ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของภูมิภาคเอเชียในฐานะตลาดเติบโตสูงและเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม พร้อมทั้งเผยทิศทางของงาน Anuga งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะจัดขึ้น ณ เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ในเดือนตุลาคม 2568 นี้
Koelnmesse ชูบทบาทระดับโลกและความสำคัญของเอเชียในอุตสาหกรรมอาหาร
นายโอลิเวอร์ เฟรส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของ Koelnmesse ได้กล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทระดับโลกของ Koelnmesse ในการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผ่านเครือข่ายงานแสดงสินค้าชั้นนำที่จัดขึ้นในหลายทวีป ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ เซินเจิ้น โตเกียว โคโลญจน์ โบโกตา และเซาเปาโล
“เป้าหมายของเราวันนี้ชัดเจน เราต้องการสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกท่าน และนำเสนอภาพรวมของกลยุทธ์ระดับนานาชาติ พอร์ตโฟลิโอของ Anuga ทั่วโลก และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคเอเชีย” นายเฟรส กล่าว
“และแน่นอน เรายังตั้งตารองาน Anuga 2025 ที่เมืองโคโลญจน์อย่างมาก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกรอบร่วมกันของอนาคตในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอาหารโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความคาดหวังใหม่ของสังคมล้วนมีผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภค การผลิต และความสัมพันธ์ทางการค้า การไหลเวียนของการค้าทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลง บริษัทต่างๆ กำลังปรับตัวห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ความยั่งยืนได้กลายเป็นเกณฑ์สำคัญในการลงทุน กลยุทธ์ทางการตลาด และการตัดสินใจซื้อ “ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในวันนี้ต้องแสดงความรับผิดชอบ” นายเฟรสย้ำ
ขณะที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และกระบวนการดิจิทัลกำลังเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างสิ้นเชิง ช่วยให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น ปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม จุดเน้นของงาน Anuga ไม่ได้อยู่ที่ตัวเทคโนโลยี แต่เน้นที่ผลิตภัณฑ์ที่พร้อมสู่ตลาดซึ่งเกิดจากเทคโนโลยีเหล่านี้
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ภูมิภาคเอเชียมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมที่มีชีวิตชีวา และผู้บริโภคที่มีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านคุณภาพ สุขภาพ และความสะดวกสบาย “นั่นคือเหตุผลที่ THAIFEX – Anuga Asia มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรา” นายเฟรส กล่าว
งานแสดงสินค้านี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีการค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนและกำหนดทิศทาง สร้างการเชื่อมต่อข้ามพรมแดน และเปิดโอกาสใหม่ในตลาด โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
Koelnmesse มีพันธกิจเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินกิจกรรม Anuga ทั่วโลก โดยร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างรูปแบบงานที่ตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของแต่ละตลาด พร้อมกันนั้นยังเชื่อมโยงกับเครือข่ายระดับโลก ตัวเลขในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารของ Koelnmesse สะท้อนถึงการเป็นผู้กำหนดมาตรฐานระดับโลก โดยมีผู้แสดงสินค้าประมาณ 12,800 ราย ผู้เข้าชมงานกว่า 400,000 คน และพื้นที่จัดแสดงมากกว่า 486,000 ตารางเมตร “Anuga ไม่เพียงเป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุด แต่ยังเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก” มร. เฟรส กล่าวทิ้งท้าย พร้อมเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมงาน Anuga ณ เมืองโคโลญจน์ ระหว่างวันที่ 4 ถึง 8 ตุลาคม 2568
Anuga Cologne 2025: นวัตกรรม ความยั่งยืน และการเชื่อมโยงระดับโลก
นายบาสเตียน มิงเกอร์ส รองประธานฝ่ายบริหารจัดการงานแสดงสินค้า ด้านอาหารและเทคโนโลยีอาหาร ของ Koelnmesse ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับงาน Anuga ที่เมืองโคโลญจน์ ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลกสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
“หลักการของเราชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว: อุตสาหกรรมอาหารคือชุมชนระดับโลก เรานำผู้คน ตลาด และแนวคิดมารวมกัน – ข้ามทวีป ด้วยเป้าหมายร่วมกันในการสร้างแนวคิดใหม่ด้านโภชนาการ” นายมิงเกอร์ส กล่าว
งาน Anuga คาดว่าจะมีผู้แสดงสินค้ามากกว่า 7,900 ราย และผู้เข้าชมงานราว 140,000 คน จากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ความสำคัญของเอเชียต่อ Anuga นั้นน่าจับตามองเป็นพิเศษ โดยมีผู้แสดงสินค้าจากภูมิภาคนี้ประมาณ 1,800 ราย และผู้เข้าชมงานราว 21,000 คน “โดยเฉพาะที่นี่ – ในหนึ่งในตลาดอาหารที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก – เราสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าการบริโภค เทคโนโลยี และโภชนาการกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร THAIFEX – Anuga Asia ไม่ได้เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ของการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่เป็นผู้ขับเคลื่อน – ด้วยแนวคิดที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ที่พร้อมทำตลาด และความร่วมมือระดับโลก” นายมิงเกอร์ส เสริม
สำหรับงาน Anuga ในเดือนตุลาคม 2568 ที่โคโลญจน์ ซึ่งจัดขึ้นทุกสองปี จะรวบรวมงานแสดงสินค้าย่อยเฉพาะทาง 10 รายการไว้ภายใต้หลังคาเดียวกัน นับตั้งแต่งาน Anuga 2023 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในฐานะงานแสดงสินค้าชั้นนำของโลก ซึ่งรวมถึงการเปิดตัว Anuga Alternatives งานแสดงสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก และการปรับผังพื้นที่ใหม่ให้โซนที่มีธีมใกล้เคียงกันอยู่ใกล้กันมากขึ้น เพื่อสร้างพลังร่วมและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าชมงาน ไฮไลต์พิเศษคือ Anuga Fine Food 2025 จะจัดขึ้นครั้งแรกในอาคาร Confex ใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่จัดประชุมและอีเวนต์ที่ทันสมัยที่สุดในยุโรป
โดยในส่วนของ Boulevard of Innovation จะเป็นพื้นที่ที่รวบรวมหลายรูปแบบที่ล้ำสมัย อาทิ Anuga Trend Zone, โซนสตาร์ทอัพ และ Anuga Taste Innovation Show ซึ่งจัดแสดงแนวโน้มและนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรม เวที Anuga Trend Zone จะนำเสนอผลการวิจัยล่าสุดจากพันธมิตรด้านความรู้ เช่น Innova Market Insights B.V. และ Euromonitor International Limited ส่วนบนเวที Anuga Horizon ภายในโซน Anuga Alternatives จะมีการมองไปสู่อนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร ตั้งแต่โปรตีนทางเลือกไปจนถึงโภชนาการที่ยั่งยืน
อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Organic on Stage 2025 และ Anuga Organic Supermarket ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับเทรนด์ออร์แกนิกที่ยั่งยืนและโซลูชันนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังมีการประชุมสำคัญจากพันธมิตร เช่น Anuga Halal Forum ครั้งแรก, International Frozen Food Conference, และ System Gastronomy Forum และในปี 2568 นี้ ประเทศเกาหลีใต้ จะเป็นประเทศคู่ค้าหลัก (Partner Country) ของงาน Anuga ซึ่งเป็นประเทศที่ผสานนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ากับศิลปะการทำอาหารอย่างลึกซึ้ง
นายมิงเกอร์ส กล่าวว่า Anuga ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1919 และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องมากว่า 100 ปี ปัจจุบัน งานแสดงสินค้าไม่ได้เป็นเพียงการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ แต่ต้องสร้างแรงบันดาลใจ มอบทิศทาง และคุณค่าเชิงลึก Anuga จึงรวบรวมทั้งนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ข้อมูลเชิงลึก และเครือข่ายที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นแพลตฟอร์มด้านความรู้และการสร้างเครือข่ายสำหรับอุตสาหกรรม
สำหรับแนวโน้มที่น่าจับตามองในงาน Anuga ที่โคโลญจน์ ได้แก่ โภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalized nutrition) วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ เช่น ถั่วปากอ้า และกาแฟจากลูปิน โปรตีนทางเลือกและโปรตีนผสมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมวดเนื้อทดแทนและอาหารพร้อมรับประทาน ผลิตภัณฑ์ Clean Label ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ และสินค้าพรีเมียมรวมถึงแบรนด์ส่วนตัว (Private Labels) ที่เน้นคุณภาพสูงและมาจากแหล่งที่มีจริยธรรม
BVLH เผยภาพรวมตลาดค้าปลีกอาหารเยอรมนีและแนวโน้มการเมืองเรื่องอาหาร
ด้าน นายฟรานซ์-มาร์ติน เราช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสมาคมการค้าปลีกอาหารเยอรมัน (BVLH) ได้นำเสนอภาพรวมของภาคธุรกิจค้าปลีกอาหารในเยอรมนี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจประเทศ สร้างรายได้ประมาณ 306.9 พันล้านยูโรต่อปี คิดเป็นประมาณ 5% ของ GDP ของประเทศ ตลาดมีลักษณะรวมศูนย์สูง โดยมีผู้เล่นหลัก 4 ราย ได้แก่ Edeka, Rewe, กลุ่ม Schwarz (เจ้าของ Lidl และ Kaufland) และ Aldi ซึ่งรวมกันครองส่วนแบ่งตลาดถึง 76% ธุรกิจนี้มีร้านค้าปลีกมากกว่า 37,000 แห่ง และมีการจ้างงานประมาณ 1.3 ล้านคน ที่สำคัญ เยอรมนียังเป็นที่ตั้งของผู้ค้าปลีกอาหารรายใหญ่ของโลกถึง 8 จาก 20 อันดับแรก
ภูมิทัศน์การค้าปลีกในเยอรมนีแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบหลักของร้านค้า ได้แก่ ร้านดิสเคาน์เตอร์ (ครองอิทธิพลทางเศรษฐกิจสูงสุดด้วยยอดขาย 97.6 พันล้านยูโรต่อปี) ซูเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ตรูปแบบใหญ่ และไฮเปอร์มาร์เก็ต หลังจากสถานการณ์ COVID-19 และแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากสงครามในยูเครน พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ผู้บริโภคมีแนวโน้ม “อัพเกรดการซื้อ” สินค้าพรีเมียมเพื่อบริโภคที่บ้าน เกิดปรากฏการณ์ “cocooning” หรือการใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น และการทำอาหารได้กลายเป็นกิจกรรมทางสังคมและประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม เทรนด์เหล่านี้ถูกถ่วงดุลโดยความอ่อนไหวต่อราคาที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ
อุตสาหกรรมอาหารของเยอรมนีกำลังเข้าสู่ช่วง “การเมืองและจริยธรรม” โดยมีโครงการสำคัญเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งผู้ค้าปลีกและอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการติดฉลากสินค้าข้ามบริษัท เพื่อแจ้งให้ผู้บริโภครับทราบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งยังมีการแนะนำฉลากแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่ชื่อว่า “Gutes aus deutscher Landwirtschaft” (“ของดีจากการเกษตรเยอรมัน”) ความต้องการของผู้บริโภคก็กำลังมุ่งสู่ความยั่งยืนมากขึ้น โดยคาดหวังในสินค้าแฟร์เทรด ออร์แกนิก ท้องถิ่น และปลอด GMO ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายในรูปแบบแบรนด์ของตัวเองในร้านดิสเคาน์เตอร์และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
ทั้งนี้ BVLH เป็นองค์กรผู้ก่อตั้ง Anuga และมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการเชื่อมโยงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากภาคค้าปลีก ค้าส่ง และการผลิต ในงาน Anuga ครั้งถัดไป BVLH จะเป็นเจ้าภาพจัดโซน Retailforum Lounge อีกครั้ง
Innova Market Insights ชี้เทรนด์ผู้บริโภคเอเชีย: สุขภาพ ความยั่งยืน และประสบการณ์เฉพาะบุคคล
คุณเฟลลิเซีย คริสติอันติ ผู้จัดการฝ่ายความสำเร็จลูกค้า ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก Innova Market Insights ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก และ 5 เทรนด์หลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริบทมหภาคที่กำลังกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภคในเอเชีย ได้แก่ ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งกลายเป็นประเด็นอันดับ 1 แรงกดดันด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ค่านิยมของผู้บริโภคในเอเชียกำลังเปลี่ยนแปลง โดย 56% ระบุว่าสุขภาพและโภชนาการคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกแบรนด์อาหาร ความปลอดภัยและคุณภาพมีความสำคัญเพิ่มขึ้น แซงหน้าราคา การบริโภคอย่างมีจิตสำนึก เช่น การลดการทิ้งอาหาร กำลังเป็นที่นิยม และผู้บริโภคพึ่งพาตนเองในการดูแลสุขภาพมากขึ้น
5 แนวโน้มวิถีชีวิตที่กำลังเกิดขึ้นในเอเชีย ได้แก่:
- ฉลาดและพึ่งตนเองได้ (Savvy & self-sufficient): ผู้บริโภคใช้เทคโนโลยีจัดการสุขภาพ การเงิน และทางเลือกอาหารด้วยตนเอง
- เชื่อมโยงอย่างแท้จริง (Authentic connections): ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ประสบการณ์จริง และความสัมพันธ์ทางสังคม โดยเฉพาะผ่านมื้ออาหารร่วมกัน
- สุขภาพแบบบวก (Positive best): สุขภาพจิตและอารมณ์กลายเป็นแรงผลักดันหลักในการตัดสินใจเลือกอาหาร อาหารกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตัวเอง
- ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง (Transformational moments): ผู้บริโภคมองหาประสบการณ์หลายมิติจากแบรนด์ เช่น ความน่าตื่นเต้น หรือการปรนเปรอตนเอง
- คุณภาพและความปลอดภัย (Quality & safety): แม้ความเชื่อมั่นในแบรนด์ใหญ่จะเพิ่มขึ้น แต่ความโปร่งใส แหล่งที่มาของวัตถุดิบ และคำกล่าวอ้างด้านสุขภาพยังถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
ธีมนวัตกรรม F&B ที่สำคัญในปี 2025 ประกอบด้วย “มากกว่าแค่ส่วนผสม” (Ingredients & beyond) ซึ่งผู้บริโภคต้องการคุณค่าเพิ่มเติม เช่น การเล่าเรื่อง แหล่งที่มา และประโยชน์เฉพาะ “สุขภาพแบบแม่นยำ” (Precision Wellness) หรือโภชนาการเฉพาะบุคคล “รสชาติที่สร้างความประหลาดใจ” (Flavors: wildly inventive) “ปฏิวัติสุขภาพลำไส้” (Gut health revolution) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีไฟเบอร์ พรีไบโอติก และโพรไบโอติก “พืชเป็นหลักในรูปแบบใหม่” (Plant-based reimagined) ที่เน้นอาหารพืชแบบ whole-food “ความสวยจากภายใน” (Taste the glow) ซึ่ง 1 ใน 4 ของผู้บริโภคเอเชียซื้อสินค้า F&B เพื่อผลด้านความงาม และ “ความยั่งยืนและการปรับตัวต่อสภาพอากาศ”
ทั้งนี้โอกาสในการสร้างนวัตกรรม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานวัตถุดิบจากธรรมชาติกับคุณประโยชน์ที่ชัดเจน อาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ การคืนชีวิตให้ของเดิมโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ความโปร่งใสในแหล่งที่มาและการแปรรูป และอาหารที่ตอบโจทย์อารมณ์เพื่อรองรับสุขภาพจิต
คุณเฟลลิเซีย ยังได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าประหลาดใจว่า สุขภาพจิตและอารมณ์ได้กลายมาเป็นเป้าหมายด้านสุขภาพอันดับหนึ่งของผู้บริโภคชาวเอเชีย แซงหน้าเรื่องน้ำหนักและการออกกำลังกาย ซึ่งทำให้แบรนด์ต้องนิยามคำว่า “สุขภาพ” ใหม่ โดยครอบคลุมถึงความเครียด อารมณ์ และสมดุลชีวิตโดยรวม สำหรับบทบาทของ AI ในอนาคตของอาหารนั้นมีศักยภาพสูงมาก แต่ยังต้องการมาตรฐานที่ดีขึ้นสำหรับการแบ่งปันข้อมูลก่อนที่ AI จะสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม คาดว่า AI จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในการตรวจจับแนวโน้มตลาด การปรับห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาอาหารที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การค้าอาหารเยอรมนี-ไทย: โอกาสและความท้าทาย
ข้อมูลจาก BVE (สมาพันธ์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเยอรมัน) แสดงให้เห็นภาพรวมการค้าอาหารแปรรูประหว่างเยอรมนีและไทยในปี 2024 (ตัวเลขเบื้องต้น) การส่งออกจากเยอรมนีมาไทยมีมูลค่า 147.6 ล้านยูโร ลดลง 16.0% เมื่อเทียบกับปี 2023 สินค้าส่งออกหลักได้แก่ เนื้อสัตว์แปรรูป (31.6 ล้านยูโร) นมและผลิตภัณฑ์นม (22.6 ล้านยูโร) และแป้งรวมถึงผลิตภัณฑ์จากแป้ง (11.6 ล้านยูโร) ในขณะที่การนำเข้าจากไทยไปเยอรมนีมีมูลค่า 467.5 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 6.0% สินค้านำเข้าหลักคือ อาหารสัตว์สำเร็จรูปสำหรับสัตว์อื่นๆ (120.9 พันยูโร) เนื้อสัตว์แปรรูป (105.7 พันยูโร) และเครื่องปรุงรสรวมถึงซอส (50.2 พันยูโร) ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละกลุ่มสินค้าก็ตาม
โดยสรุป งาน THAIFEX – Anuga Asia PR Event ได้ให้ภาพรวมที่ครอบคลุมถึงพลวัตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลก ความสำคัญของตลาดเอเชียที่กำลังเติบโต แนวโน้มผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และทิศทางของงานแสดงสินค้าชั้นนำอย่าง Anuga ที่มุ่งเน้นนวัตกรรม ความยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไปสู่อนาคต
#ข่าวเศรษฐกิจ #อุตสาหกรรมอาหาร #THAIFEXAnugaAsia #Anuga #Koelnmesse #เทรนด์ผู้บริโภค #อาหารและเครื่องดื่ม #นวัตกรรมอาหาร #ความยั่งยืน #ตลาดเอเชีย #BVLH #InnovaMarketInsights #การค้าเยอรมนีไทย