ทรู คอร์ปอเรชั่น เฉลิมฉลอง 2 ปีแห่งการควบรวมทรู-ดีแทค เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ประกาศกร้าว 3 ภารกิจหลักมุ่งเน้น “ลูกค้า” เป็นศูนย์กลาง ปั้นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจ พัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน และหลอมรวมวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง เตรียมพร้อมทะยานสู่การเป็นผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำในระดับภูมิภาค พร้อมผลประกอบการที่พลิกฟื้นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ในวาระครบรอบ 2 ปีของการรวมพลังครั้งสำคัญระหว่างทรูและดีแทค ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์และพลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งที่ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ล่าสุด บริษัทฯ ได้ประกาศทิศทางการขับเคลื่อนองค์กรครั้งสำคัญด้วย 3 ภารกิจหลัก ที่ครอบคลุมมิติสำคัญทั้งในด้านลูกค้า เทคโนโลยี และทีมงาน เพื่อต่อยอดความสำเร็จและนำพาองค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์และทิศทางขององค์กรว่า “เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจทั้งหมดที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน ผมได้เดินทางไปเยี่ยมชมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา สองถึงสามครั้งต่อปีเป็นเวลากว่า 10 ปี เพื่อพยายามทำความเข้าใจวิธีคิดของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น Google, Amazon, Microsoft และบริษัทอื่นๆ นั่นคือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ เหตุผลที่ผมกลับมาเอเชียอีกครั้ง หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปมา 10 ปี ก็เพราะผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับที่ผมเห็นในประเทศอื่นๆ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกับที่ผมเห็นในหลายอุตสาหกรรม กำลังจะเกิดขึ้นในเอเชียเช่นกัน และผมไม่สามารถปฏิเสธโอกาสที่จะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนั้นได้”
นายซิกเว่ยังได้กล่าวเสริมถึงการตัดสินใจกลับมารับตำแหน่งในประเทศไทยว่า “เมื่อถูกทาบทามให้มาร่วมงานที่นี่ ผมตอบตกลงทันที เพราะผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตนั้น ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในเอเชีย นั่นคือเหตุผลหลักที่ผมกลับมา และผมกลับมาพร้อมกับสองบทบาทหน้าที่ หนึ่งคือการเป็นประธานกรรมการบริหารของกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัลของเครือซีพี ซึ่งไม่ได้ดูแลเฉพาะทรู แต่ยังรวมถึงบริษัทดิจิทัลอื่นๆ ในเครือฯ ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทรู เช่น ทรู ไอดีซี (ศูนย์ข้อมูล) และทรูมันนี่ ซึ่งดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ และอีกบทบาทหนึ่งคือการดูแลทรู คอร์ปอเรชั่น ผมจึงต้องทำงานระหว่างสำนักงานที่ซีพีและที่ทรู เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
ครบรอบ 2 ปีควบรวม: รากฐานสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง
นายซิกเว่ได้ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคว่า “เราเพิ่งฉลองครบรอบ 2 ปีหลังจากการควบรวม แนวคิดเบื้องหลังการควบรวมกิจการครั้งนี้ ซึ่งผมมีส่วนร่วมด้วยนั้น คือการที่เรามองเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในด้านดิจิทัลไลเซชั่น ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากที่จะเป็นผู้นำการพัฒนา แต่การจะทำเช่นนั้นได้ เราจำเป็นต้องสร้างบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น เราทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าทั้งทรูและดีแทคต่างก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนั้น นั่นคือเหตุผลหลักที่เราตัดสินใจรวมสองบริษัทเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ เรายังมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าบริษัทโทรคมนาคมอย่างทรูและดีแทคจะต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี และการจะทำเช่นนั้นได้ เราจำเป็นต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
“ผมต้องกล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทีมผู้บริหารของทรูทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มีเหตุผลหลายประการ ประการแรก ผมคิดว่ามีความเข้าใจร่วมกันระหว่างเทเลนอร์และกลุ่มซีพีเกี่ยวกับสิ่งที่เราพยายามจะทำให้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน ประการที่สอง ผมคิดว่ามีความชัดเจนมากว่านี่ไม่ใช่การเข้าครอบครองกิจการ ไม่ใช่ทรูเข้าซื้อดีแทค หรือดีแทคเข้าซื้อทรู แต่เป็นการสร้างบริษัทใหม่ขึ้นมา นั่นคือแนวคิดตั้งแต่เริ่มต้น และประการที่สาม ในช่วงสองปีแรก เรามุ่งเน้นไปที่การผสานรวมเครือข่ายทั้งสองเข้าด้วยกัน รวมระบบการจัดจำหน่าย และรวมองค์กรทั้งสองเข้าด้วยกัน”
“ผมต้องขอชื่นชมทีมผู้บริหารเป็นอย่างมากสำหรับความสำเร็จในการดำเนินการดังกล่าว และผมคิดว่าพวกเขาได้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คน รวมถึงผู้ถือหุ้นสาธารณะด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เรามีเรื่องราวความสำเร็จ แต่ตอนนี้เราจะเปลี่ยนจากการผสานรวมไปสู่การปฏิรูปเพื่อการเติบโต ซึ่งเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาหลายปี และเป้าหมายของเราคือการทำให้ธุรกิจเติบโต“
นายซิกเว่ยอมรับว่าบริษัทยังมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมาก “เมื่อผมกล่าวว่าเรายังไปไม่ถึงจุดหมาย เรายังไม่พอใจกับเครือข่ายของเรา เรายังไม่พอใจกับประสบการณ์ของลูกค้า และเรายังไม่พอใจกับทุกสิ่งที่เรากำลังจะทำ แต่เรามีจุดเริ่มต้นที่ดี”
3 ภารกิจหลัก ขับเคลื่อนทรู คอร์ปอเรชั่น สู่ความเป็นเลิศ
เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศ 3 ภารกิจหลัก ที่จะมุ่งเน้นในปีต่อๆ ไป ดังนี้:
1. ลูกค้า (Customer): หัวใจสำคัญของทุกสิ่ง
ภารกิจแรกและสำคัญที่สุดคือการให้ความสำคัญกับ “ลูกค้า” ในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้าง “แบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อใจได้ (Trusted Brand)” นายซิกเว่ อธิบายว่า “แบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจคือแบรนด์ที่คุณเชื่อมั่น เป็นแบรนด์ที่ไม่หลอกลวงคุณ เป็นแบรนด์ที่เคารพคุณในฐานะลูกค้า เป็นแบรนด์ที่เข้าใจคุณและมอบบริการที่เหมาะสมให้กับคุณ เป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณ เป็นแบรนด์ที่คุณมองหาและมีส่วนร่วมด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ และเรายังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่จำเป็นในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำอย่างแท้จริง” ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นที่จะสร้างองค์กรให้เป็นที่เชื่อถือและเชื่อใจของทุกคน พร้อมก้าวสู่การเป็น Brand Love โดยดำเนินการตามคำมั่นสัญญาและพันธกิจที่มีต่อลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ประการที่สองคือการมอบ “ประสบการณ์ลูกค้าเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่มีใครเทียบได้ (Unmatched customer experience)” นายซิกเว่เน้นย้ำว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประสบการณ์ของลูกค้าไม่ได้เป็นเรื่องของการแข่งขันกับคู่แข่งของเราอีกต่อไป เพราะบริษัทระดับโลก ทั้งจากอเมริกาและจีน ได้กำหนดนิยามใหม่ของประสบการณ์ลูกค้าแล้ว บริษัทอย่าง TikTok, YouTube, Google, Apple คือผู้ที่กำหนดว่าประสบการณ์ของลูกค้าที่แท้จริงคืออะไร พวกเขาแทบจะไม่มีศูนย์บริการลูกค้าด้วยซ้ำ เพราะไม่จำเป็นต้องโทรหาพวกเขา ทุกอย่างมันใช้งานได้ นั่นคือมาตรฐานที่เราต้องไปให้ถึง ไม่ใช่คู่แข่งรายใหญ่ของเรา”
ทรู คอร์ปอเรชั่น กำลังเร่งรวมระบบให้เป็นหนึ่งเดียวระหว่างลูกค้าทรูและดีแทค โดยมุ่งเน้นให้การเปลี่ยนผ่านสู่ Digital touchpoint เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งรวมแอปพลิเคชันทรู-ดีแทคเข้าด้วยกัน และนำ AI มาใช้กับการบริการลูกค้าเพื่อความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งรวมถึงการพัฒนาประสบการณ์หลากหลายช่องทาง (Omnichannel) เชื่อมโยงการใช้งานทั้งแอปพลิเคชัน ศูนย์บริการลูกค้า และร้านค้าด้วย AI (chatbots, voice bots และผู้ช่วยพนักงาน) การปรับปรุงการเข้าถึงพนักงานที่ศูนย์บริการและลดเวลาในการให้บริการให้ทันสมัยขึ้น การเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ทั้งของทรูและดีแทค ที่ใช้ AI ล้ำสมัย เพื่อเปลี่ยนธุรกรรมจากหน้าร้านสู่ดิจิทัล และการรวบรวมระบบ IT หลัก (CRM, ERP, การเก็บเงิน) ให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ดิจิทัล
ประการที่สามคือ “เครือข่ายที่เชื่อถือได้และรองรับอนาคต (Reliable and future-proof network)” นายซิกเว่อธิบายว่า “ในอดีต เครือข่ายเป็นปัจจัยที่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ แต่ในอนาคต เครือข่ายคือสิ่งที่ผมเรียกว่า ‘ปัจจัยพื้นฐานด้านสุขอนามัย (Hygiene Factor)’ มันเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องดีกว่าหรือแย่กว่าคู่แข่ง” ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่านี่คือเครือข่ายที่เชื่อใจได้ในทุกสถานการณ์ พร้อมพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ซึ่งจะดำเนินการเสร็จสิ้นทั่วประเทศในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือชั้น บริษัทได้ชู “ภูเก็ตโมเดล” เป็นจังหวัดแรกที่พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยเสร็จ 100% พร้อมเสริมทัพโซลูชันเครือข่ายสู่ประสบการณ์ใหม่เป็นที่แรก และจะดำเนินการต่อไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
นายซิกเว่ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เรามีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่ยังไม่ถึงที่สุด ตัวเลขแสดงให้เห็นว่าเราได้ปรับปรุงความครอบคลุมของประชากรจาก 82% เป็น 93% (หมายถึงหลังโควิด) ซึ่งยังไม่ถึง 100% แต่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราได้ปรับปรุงความครอบคลุม 4G จาก 96% เป็น 99% ความเร็วในการดาวน์โหลดบน 5G สำหรับลูกค้าดีแทคเพิ่มขึ้นถึง 300% และความเร็วในการดาวน์โหลดบน 4G เพิ่มขึ้น 15% ส่วนความแออัดในเครือข่ายลดลง 70% สิ่งสำคัญที่เราพยายามทำคือการรวมเครือข่ายทรูและเครือข่ายดีแทคเข้าเป็นเครือข่ายเดียว และเมื่อเราสร้างเครือข่ายเดียวนั้น เราจะใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีล่าสุดที่เรามี เพื่อให้เป็นเครือข่ายเดียวที่ทันสมัยและรองรับอนาคต”
“ภูเก็ตจะเป็นจังหวัดแรกที่เราดำเนินการแล้วเสร็จ 100% และภายในเดือนกันยายนปีนี้ ทุกจังหวัดจะเหมือนกับภูเก็ต ลูกค้าของเราจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่ในแง่ของ 4G แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนผ่านจาก 4G ไปสู่ 5G และเราจะมีเครือข่ายที่ทันสมัย ไร้รอยต่อ และมีความเร็วที่ดีมาก“
ประการสุดท้ายภายใต้ภารกิจด้านลูกค้าคือ “การรักษาฐานธุรกิจโทรคมนาคม และเติบโตในกลุ่มธุรกิจดิจิทัล (Protecting core connectivity; expanding digital portfolio)” ซึ่งหมายถึงการพัฒนาการให้บริการเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลใหม่ๆ ที่เหมาะสมและตรงใจลูกค้า นายซิกเว่กล่าวว่า “แน่นอนว่านี่คือธุรกิจ ดังนั้นเราจึงต้องเติบโตต่อไปในแนวทางที่เราทำธุรกิจในปัจจุบัน แต่เราต้องเพิ่มบางสิ่งที่พิเศษเข้าไปด้วย ผมเรียกสิ่งนั้นว่า ‘Beyond Connectivity’ ซึ่งหมายถึงบริการและผลิตภัณฑ์ที่มากกว่าแค่การส่งแพ็กเกจข้อมูล”
2. เทคโนโลยี (Technology): ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่ออนาคต
ภารกิจที่สองมุ่งเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าและสังคม โดยมีประเด็นสำคัญคือ “ปัญญาประดิษฐ์เพื่อคนไทยทุกคน (AI for all Thais)” นายซิกเว่อธิบายแนวคิดนี้ว่า “AI for all คือการให้บริการ AI แก่บริษัทขนาดใหญ่ (Corporates) การให้บริการแพลตฟอร์ม AI แก่บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และยังรวมถึงการให้บริการ AI แก่ตลาดมวลชน (Mass Market) ทุกคน เพราะในปัจจุบัน บริษัทขนาดใหญ่คิดค่าบริการสูงเกินไปสำหรับลูกค้าที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกหรือภาคใต้ ทำไมเราซึ่งมีขนาดของเรา จึงไม่สามารถมอบประสบการณ์ AI ให้กับลูกค้าชาวไทยทุกคนได้ โดยใช้ภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย นั่นคือความหมายของ AI for all และนั่นคือสิ่งที่เราพยายามจะทำ
ด้วยการพัฒนาโมเดล AI ทั้งในจีนและอเมริกา ผมคิดว่าเราสามารถลดต้นทุนลงได้มากพอที่จะทำให้ AI สามารถเข้าถึงได้และมีความเกี่ยวข้องกับทุกคน” บริษัทมุ่งเสริมสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) แก่ภาคธุรกิจและประชาชนถึงศักยภาพอันทรงพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้งานจริงในวงกว้าง (User & Business Demand) ซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโซลูชัน แพลตฟอร์ม และบริการด้าน AI ภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมุ่งพัฒนา “บริการดิจิทัลเพื่อบุคคลด้วยพลัง AI (AI-powered personalized digital service)” นายซิกเว่ กล่าวว่า “ในปัจจุบัน เราแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มธุรกิจ กลุ่มลูกค้ามูลค่าสูง กลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล กลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด กลุ่มวัยรุ่น เป็นต้น AI มีศักยภาพที่จะทำให้ลูกค้าทุกคนเป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะของตนเองได้ เพราะเราควรจะสามารถรู้จักลูกค้าแต่ละคนได้ดีพอที่จะให้บริการส่วนบุคคลแก่พวกเขาได้ นั่นคือสิ่งที่เราพยายามจะทำด้วย AI” บริษัทกำลังเร่งพัฒนาการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ตรงใจ โดยสามารถคาดการณ์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ล่วงหน้าอย่างโดนใจ และนำเสนอสิ่งที่มากกว่าความคาดหวังและความพึงพอใจของลูกค้า
ภารกิจด้านเทคโนโลยีประการสุดท้ายคือ “การขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะด้วย IoT และความปลอดภัย (Supporting Smarter Cities and communities with connectivity, IoT, and security)” นายซิกเว่ขยายความว่า “ผมกำลังพูดถึงการใช้ AI เพื่อสร้างสังคมที่ทันสมัย เมืองที่ทันสมัย เมืองเล็กที่ทันสมัย และหมู่บ้านที่ทันสมัย นั่นคือเมื่อคุณเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อทุกคนเข้าด้วยกันเหมือนที่เราทำในวันนี้ ไปสู่การเชื่อมต่อทุกสิ่งทุกอย่างเข้ากับบริการอินเทอร์เน็ต โดยการติดตั้งเซ็นเซอร์ขนาดเล็กบนเครื่องจักรทั้งหมด สัญญาณไฟจราจรทั้งหมด กล้องวงจรปิดทั้งหมด และทุกสิ่งที่เรามี เพราะนั่นจะทำให้เมืองและชุมชนเป็นดิจิทัลและขับเคลื่อนด้วย AI เราเห็นสิ่งนี้ในบางเมืองแล้ว โดยเฉพาะในประเทศจีน แต่เราก็เห็นในประเทศอื่นๆ เช่นกัน และนั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่า AI มีพลังมากในการทำให้เมืองเหล่านั้นทันสมัย แม้แต่ภาครัฐก็ควรได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยด้วย AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ” ทรู พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะผ่านเทคโนโลยี IoT และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย
3. ทีม (Team): สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
ภารกิจที่สามคือการสร้างทีมที่แข็งแกร่งและวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายเดียวกัน โดยเริ่มต้นด้วย “วัฒนธรรมที่มีหัวใจคือลูกค้า (Customer-obsessed culture)” นายซิกเว่อธิบายว่า “สิ่งนี้หมายถึงการมองจากภายนอกเข้ามา (Outside-in) แทนที่จะมองจากภายในออกไป (Inside-out) บ่อยครั้งในบริษัท เรามักจะคิดว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเงินของเราอย่างไร ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของเราอย่างไร
เราสามารถทำได้หรือไม่ นั่นคือการมองจากภายในออกไป แต่การมองจากภายนอกเข้ามาคือการตั้งคำถามว่า สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรต่อลูกค้า มันดีหรือไม่ดีต่อลูกค้า นั่นคือสิ่งที่บริษัทที่ยอดเยี่ยมอื่นๆ ทำ ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เราทำได้ถูกต้องในสมัยก่อนเมื่อเราสร้างแบรนด์แฮปปี้ ด้วยวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก และผมต้องการสร้างสิ่งนั้นขึ้นในทรูเช่นกัน” บริษัทมุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่หลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทุกวิถีทางจะมุ่งสู่การมีหัวใจคือ “ลูกค้า” ร่วมกัน
ประการต่อมาคือการ “สร้างผู้นำที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านในองค์กร (Transformational leadership)” นายซิกเว่ให้ทัศนะว่า “ยุคสมัยที่ความเป็นผู้นำหมายถึงการสั่งการได้ผ่านไปแล้ว ยุคสมัยที่ความเป็นผู้นำหมายถึงการพูดได้ผ่านไปแล้ว ยุคสมัยที่ผู้นำสามารถซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานและมีระบบลำดับชั้นที่เข้มงวดได้ผ่านไปแล้ว ความเป็นผู้นำสมัยใหม่คือการฟังมากกว่าพูด คือการเป็นแบบอย่างที่ดี คือการมีองค์กรที่แบนราบและทำงานร่วมกันเป็นทีม คือการเปิดกว้างและความโปร่งใส นั่นคือความเป็นผู้นำสมัยใหม่ สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม
“ผมโชคดีที่ได้ทำงานใน 7-8 ประเทศที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันมาก และความเป็นผู้นำก็เหมือนกัน เพราะผู้คนชอบที่จะได้รับการเคารพ ผู้คนชอบที่จะได้รับการยอมรับ ผู้คนชอบที่จะสร้างความแตกต่าง ผมจะพยายามสร้างความเป็นผู้นำแบบนั้นขึ้นมาเช่นกัน” ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งสร้างผู้นำในองค์กรที่มีทัศนคติและศักยภาพที่เหมาะสมกับการขับเคลื่อนในช่วงการเปลี่ยนผ่านองค์กร และการพัฒนาทีมที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นทีมสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
และสุดท้ายคือ “พันธมิตรเพื่อความสำเร็จร่วมกัน (Partnership for shared success)” นายซิกเว่เน้นย้ำว่า “เป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะการแข่งขันเป็นระดับโลกและเคลื่อนไหวเร็วมาก ดังนั้นคุณจึงต้องการพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้เล่นระดับโลกรายใหญ่ แต่ยังรวมถึงบริษัทในท้องถิ่นด้วย เพราะในความร่วมมือเหล่านี้เองที่คุณสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ และเติบโตไปด้วยกันได้” ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายซิกเว่ เบรกเก้ กล่าวสรุปว่า “ภารกิจสำคัญทั้ง 3 ด้านนี้จะเป็นรากฐานในการเติบโตอย่างยั่งยืนของ ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาทั้งสินค้า บริการ วิธีการทำงาน และวัฒนธรรมองค์กร เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง”
การประกาศ 3 ภารกิจหลักครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ ทรู ในการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นมากกว่าผู้ให้บริการโทรคมนาคม แต่คือองค์กรเทคโนโลยีที่พร้อมขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยการให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้า การนำนวัตกรรม AI มาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง และการสร้างทีมงานที่เปี่ยมด้วยพลังและความมุ่งมั่น ทรู คอร์ปอเรชั่น กำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไทย และเป็นพลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมดิจิทัล
#TrueCorporation #ทรูคอร์ปอเรชั่น #3ภารกิจหลัก #TrustedBrand #AIforAllThais #CustomerObsessed #ผู้นำเทคโนโลยี #โทรคมนาคมไทย #ทรูดีแทค #SigveBrekke