ทรู คอร์ปอเรชั่น โชว์ Q1/2568 พลิกฟื้น กวาดกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท

ทรู คอร์ปอเรชั่น โชว์ Q1/2568 พลิกฟื้น กวาดกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท

ทรู คอร์ปอเรชั่น โชว์ผลงานสุดประทับใจ พลิกกลับมาทำกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2568 หลังการควบรวมเพียง 2 ปี ตอกย้ำความสำเร็จในการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) อย่างเต็มที่ เดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรมและโซลูชันดิจิทัลครบวงจร

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยสามารถพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาสร้างผลกำไรสุทธิหลังหักภาษีได้สูงถึง 1.6 พันล้านบาท นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนศักยภาพและความแข็งแกร่งขององค์กรหลังการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีวินัย การมุ่งเน้นผลการดำเนินงาน และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

จุดเปลี่ยนสำคัญหลังการควบรวม สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

การรายงานผลกำไรในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งของทรู คอร์ปอเรชั่น แสดงให้เห็นถึงทิศทางการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับผู้ถือหุ้น โดยหากพิจารณากำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit) จะอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาทสำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 ตัวเลขดังกล่าวตอกย้ำถึงพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรที่แท้จริงของบริษัทฯ

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนี้ มาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการมุ่งเน้นประสิทธิภาพและวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ (Synergy) ที่เริ่มปรากฏผลอย่างชัดเจนมากขึ้น ทั้งในด้านการปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัย การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อจัดจ้าง และการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “การผนวกรวมทรูและดีแทคเข้าด้วยกันถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการรวมสองผู้นำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเข้าเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้เป้าหมายที่ชัดเจนในการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การรักษาวินัยทางการเงิน และการสร้างคุณค่าและผลประโยชน์ร่วมกัน (Synergy) เราได้ปรับปรุงเครือข่ายของเราให้ทันสมัย ผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเสริมประสบการณ์ในทุกช่องทางการให้บริการลูกค้า และที่สำคัญเราได้สร้างทีมที่เป็นหนึ่งเดียวกันด้วยเป้าหมายร่วมกัน ที่พร้อมขับเคลื่อนการทำงานให้เร็วขึ้นและสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากในความทุ่มเทและความมุ่งมั่นของทีมงานตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่สามารถพลิกฟื้นธุรกิจสร้างผลกำไรได้ในไตรมาสที่ 1/2568”

คำกล่าวของนายซิกเว่ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน

เจาะลึกผลการดำเนินงานรายธุรกิจ: สัญญาณบวกและความท้าทาย

เมื่อพิจารณารายละเอียดผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ พบว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมรายได้จากค่าบริการเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC) ในไตรมาสแรกของปี 2568 ปรับตัวดีขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการเติบโตของรายได้ในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจออนไลน์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิกยังคงเผชิญกับความท้าทายและมีรายได้ลดลง

เป็นที่น่าสังเกตว่า รายได้จากการให้บริการในไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยตามฤดูกาลและรายได้จากการโรมมิ่งภายในประเทศที่ลดลง แต่หากไม่รวมผลกระทบดังกล่าว รายได้จากการให้บริการยังคงปรับตัวดีขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้รวมของบริษัทเติบโต 0.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การปรับตัวดีขึ้นของรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ได้รับผลกระทบบางส่วนจากรายได้ค่าเช่าเครือข่ายที่ลดลง อันเป็นผลจากการโอนย้ายผู้ใช้บริการออกจากคลื่น 850 MHz ซึ่งจะหมดอายุสัมปทานในเดือนสิงหาคม 2568

ในส่วนของจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 48.8 ล้านเลขหมาย ลดลง 638,000 เลขหมาย หรือ 1.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเพิ่มผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2567 โดยผู้ใช้บริการระบบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อยู่ที่ 15.3 ล้านเลขหมาย ขณะที่ผู้ใช้บริการระบบเติมเงินลดลง 2.0% จากปัจจัยตามฤดูกาล มาอยู่ที่ 33.5 ล้านเลขหมาย สำหรับผู้ใช้บริการออนไลน์ยังคงเติบโตได้ดี โดยเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อยู่ที่ 3.8 ล้านราย และที่สำคัญคือจำนวนผู้ใช้บริการ 5G ได้เพิ่มขึ้นเป็น 14.2 ล้านเลขหมาย สะท้อนถึงความต้องการใช้งานเทคโนโลยี 5G ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: กุญแจสู่ความสำเร็จ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง คือการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาส 1/2568 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A) ลดลงถึง 5.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้นทุนเครือข่ายลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและการปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ยังลดลงอย่างน่าประทับใจถึง 16.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากผลประโยชน์ของการประหยัดต้นทุนจากการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความทันสมัยและคล่องตัวมากขึ้น การริเริ่มกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ที่เน้นประสิทธิภาพและความคุ้มค่า รวมถึงประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ที่ดีขึ้น การบูรณาการกรอบการดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือการเพิ่มขึ้นของ EBITDA จำนวน 5.8 พันล้านบาทนับตั้งแต่การควบรวมกิจการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2568 EBITDA เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน การเติบโตของ EBITDA นี้เป็นผลโดยตรงจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการและวินัยทางการเงินที่เข้มแข็ง ส่งผลให้อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 4.0 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 61.2% ในไตรมาสแรกของปี 2568

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้บรรลุเป้าหมายที่สำคัญในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยเป็นครั้งแรกที่รายงานกำไรสุทธินับตั้งแต่การควบรวมกิจการ บริษัทฯ สามารถสร้างกำไรสุทธิหลังหักภาษี 1.6 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่บริษัทได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษาแนวโน้มการทำกำไรไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดย EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสนี้ แม้จะมีความท้าทายจากรายได้รวมที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยตามฤดูกาล”

ก้าวต่อไป: มุ่งสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ (Telecom-Tech Company)

ความสำเร็จในการพลิกฟื้นธุรกิจและสร้างผลกำไรในไตรมาสแรกของปี 2568 นี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของทรู คอร์ปอเรชั่น ในการก้าวไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม นั่นคือการพัฒนาองค์กรจากผู้ให้บริการโทรคมนาคม สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ (Telecom-Tech Company) ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าในทุกภาคส่วนของสังคมไทย

นายซิกเว่ เบรกเก้ ได้กล่าวถึงทิศทางในอนาคตของบริษัทว่า “ปัจจุบัน ทรู คอร์ปอเรชั่น มีความพร้อมทั้งด้านการดำเนินงาน และสถานะการเงินเพื่อรองรับการเติบโตในระยะต่อไป เป้าหมายของเราคือการพัฒนาองค์กรจากผู้ให้บริการโทรคมนาคม สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ (Telecom-tech company) ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าในทุกภาคส่วนของสังคม เรามุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยนวัตกรรม และสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ความก้าวหน้าที่เราได้บรรลุจนถึงปัจจุบัน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบุคลากรของเรา และเป็นรากฐานที่สำคัญในการก้าวต่อไปด้วยเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม”

วิสัยทัศน์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทรู คอร์ปอเรชั่น ในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท โดยเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เป็นต้นทุนการบูรณาการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง การลงทุนนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของบริษัท และรองรับการเติบโตของบริการต่างๆ ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี 5G และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

เป็นที่น่าจับตามองว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น จะสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตและสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และความท้าทายทางเศรษฐกิจต่างๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งจากการควบรวมกิจการ การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เชื่อว่าทรู คอร์ปอเรชั่น จะยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัลของประเทศไทยต่อไป

ทรู คอร์ปอเรชั่น

ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญสำหรับไตรมาส 1/2568 โดยสรุป:

  • รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC): 41.3 พันล้านบาท (ปรับตัวดีขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน)
  • EBITDA: 25.3 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน)
  • อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการ: 61.2%
  • กำไรสุทธิหลังหักภาษี (NPAT): 1.6 พันล้านบาท
  • กำไรสุทธิหลังหักภาษี (ภายหลังการปรับปรุงจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว): 4.3 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย มุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพเพื่อทุกคนและธุรกิจด้วยโซลูชันการเชื่อมต่อที่ช่วยพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน บริการด้านเสียงและดาต้าชั้นนำระดับโลกของทรู เปิดประตูสู่ระบบนิเวศด้านไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ความบันเทิงระดับโลก สิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิก ไปจนถึงการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ ด้วยนวัตกรรมที่ผสานพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทรูมีส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับสุขภาพ และเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม

#ทรูคอร์ปอเรชั่น #TRUE #ผลประกอบการTRUE #กำไรสุทธิ #เทเลคอมเทคคอมพานี #True5G #ข่าวเศรษฐกิจ #หุ้นTRUE #การควบรวมทรูดีแทค #เทคโนโลยีAI #นวัตกรรมดิจิทัล

Related Posts