ทรูบิสิเนส จับมือ อีซี่บาย ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการการเงินไทย เปิดตัว “Number Verification API” เชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศ ภายใต้มาตรฐานสากล GSMA Open Gateway ยกระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุดให้ทุกธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันยูเมะพลัส บนเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลที่ภัยไซเบอร์คุกคามรุนแรง ตั้งเป้าสร้างความเชื่อมั่นและประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งาน พร้อมปูทางสู่นวัตกรรมทางการเงินแห่งอนาคต
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางสถานการณ์ภัยทุจริตทางการเงินที่ทวีความรุนแรง สร้างความเสียหายมหาศาล ทรูบิสิเนส และ อีซี่บาย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการนำเทคโนโลยี Number Verification API มาใช้เป็นรายแรกในไทย เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวตนด้วยเบอร์มือถือทรูและดีแทคที่ใช้ในการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันยูเมะพลัส ช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อน เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และที่สำคัญคือเสริมความปลอดภัยให้ผู้ใช้บริการกว่า 1.5 ล้านราย รับมือมิจฉาชีพออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโซลูชัน API อื่นๆ เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย
ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะภัยหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ ได้กลายเป็นวาระสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันหาทางป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วน ข้อมูลจากศูนย์บริหารการแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 พฤษภาคม 2567 มีจำนวนผู้เสียหายจากภัยดังกล่าวสูงถึง 540,000 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 63,000 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาและผลกระทบในวงกว้างต่อความมั่นคงทางการเงินของประชาชน
ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมและผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำ ทรูบิสิเนส ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัย จึงได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการเชื่อมต่อ Number Verification API (ระบบตรวจสอบการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์มือถือ) เชิงพาณิชย์เป็นรายแรกในประเทศไทย ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือ GSMA Open Gateway ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกที่ช่วยให้การเชื่อมต่อ API ระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายและนักพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ยกระดับความปลอดภัยธุรกรรมการเงินบนแอปพลิเคชัน “ยูเมะพลัส”
หัวใจสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ คือการนำเทคโนโลยี Number Verification API มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับแอปพลิเคชัน “ยูเมะพลัส” ซึ่งปัจจุบันมีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 1.5 ล้านราย และมีปริมาณการทำธุรกรรมสูงถึง 1.5 ล้านรายการต่อเดือน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2.5 พันล้านบาทต่อเดือน การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการโจมตีของมิจฉาชีพที่จ้องจะปลอมแปลงตัวตนเพื่อเข้าถึงข้อมูลและทรัพย์สินของลูกค้า
Number Verification API จะเข้ามาปฏิวัติกระบวนการยืนยันตัวตนแบบเดิมๆ โดยระบบจะทำการตรวจสอบเบอร์มือถือทรูและดีแทคที่ลูกค้าใช้ในการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านยูเมะพลัส แอปพลิเคชันบนเครือข่ายทรู 5G โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนในการยืนยันตัวตนหลายชั้น (Multi-Factor Authentication) ที่ผู้ใช้อาจต้องกรอกรหัส OTP (One-Time Password) หรือตอบคำถามส่วนตัวหลายครั้ง ทำให้ประสบการณ์การใช้งานสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใช้งานยูเมะพลัสแอปพลิเคชันครั้งแรกบนมือถือ การโอนเงิน การเบิกถอนเงินสด หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ
เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังคงไว้ซึ่งระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุด การตรวจสอบเบอร์มือถือโดยตรงกับเครือข่ายของผู้ให้บริการจะช่วยป้องกันการดักจับข้อมูลหรือการโจมตีแบบ Phishing ที่มิจฉาชีพมักใช้เพื่อหลอกลวงเอารหัส OTP ทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้อย่างมั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัวและทรัพย์สินของตนจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด
ย้ำความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์
นายฮาว ริ เร็น หัวหน้าสายงานการพาณิชย์ พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และเทเลคอม-เทค บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “ความสำเร็จในการพัฒนา Number Verification API จนสามารถเชื่อมต่อด้วย API มาตรฐานเดียวกันกับผู้ให้บริการเครือข่ายอื่นๆทั่วโลก และพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ได้เป็นรายแรกในประเทศไทย สะท้อนศักยภาพของทรูคอร์ปอเรชั่น ผู้นำเทคคอมปานีไทย ในการยกระดับเครือข่ายเทียบระดับสากล”
“เรายังคงเดินหน้าพัฒนา Network Open Gateway API ใหม่ๆ อย่างจริงจังต่อเนื่อง รวมถึงเสริมสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่แข็งแกร่ง เพื่อให้องค์กรธุรกิจและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์ม สามารถเชื่อมต่อและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของทรูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนเข้าถึงและโต้ตอบกับฟังก์ชันและข้อมูลของเครือข่ายทรูได้แบบเรียลไทม์”
นายฮาว ริ เร็น ยังเน้นย้ำถึงประโยชน์ของความร่วมมือกับอีซี่บายว่า “ความร่วมมือกับอีซี่บายในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการนำเทคโนโลยี API ใหม่ มาช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มความปลอดภัย สร้างความมั่นใจในทุกครั้งที่ทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านยูเมะพลัส แอปพลิเคชันบนเครือข่ายทรู 5G แต่ยังขับเคลื่อนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ให้พร้อมรองรับนวัตกรรมดิจิทัลที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้บริโภค ตลอดจนสนับสนุนการขยายธุรกิจอย่างไร้พรมแดนผ่านการเชื่อมต่อ Networks API กับผู้ให้บริการเครือข่ายอื่นๆ ทั่วโลก”
ด้าน นายนุชัย เกษแก้ว ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวางแผนธุรกิจ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และฝ่ายศูนย์ปฏิบัติการอนุมัติสินเชื่อ บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งในการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ บนยูเมะพลัส แอปพลิเคชัน รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานของลูกค้า จะเห็นได้ว่าจำนวนธุรกรรมที่ต้องผ่านการยืนยันตัวตนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงความเสี่ยงต่อภัยคุกคาม จากการถูกปลอมแปลงตัวตนโดยเหล่ามิจฉาชีพนั้น ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้น นอกเหนือจากการสร้างความตระหนักรู้แก่ลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อให้ลูกค้าไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทฯ ยังมีการนำเทคโนโลยี API ใหม่มาใช้ เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บริการแอปพลิเคชัน”
นายนุชัยยังได้กล่าวถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับโดยตรงว่า “โดยร่วมมือกับทรูบิสิเนส เชื่อมต่อ Number Verification API ด้วยมาตรฐาน API ระดับโลก ช่วยตรวจสอบการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์มือถือทรู ดีแทค ที่ลูกค้าใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันบนเครือข่ายทรู 5G ได้เรียลไทม์แบบอัตโนมัติ ซึ่งลดขั้นตอนการทำธุรกรรม ไม่ว่าจะเปิดใช้งานแอปพลิเคชันบนมือถือ โอนเงิน เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว หรือเบิกถอนเงิน ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น”
“และด้วยเทคโนโลยี API ใหม่นี้ จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายจากการถูกปลอมแปลงตัวตนในการทำธุรกรรมการเงินบนมือถือ ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของอีซี่บาย ผู้ให้บริการทางการเงินรายแรกในประเทศไทยที่เชื่อมต่อ Number Verification API ที่จะมาช่วยยกระดับทั้งความปลอดภัย คุณภาพการบริการ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมการเงินอีกด้วย”
ก้าวต่อไป: ขยายความร่วมมือสู่ Mobile Network Open APIs อื่นๆ
ความมุ่งมั่นของทรูบิสิเนสและอีซี่บายไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ Number Verification API เท่านั้น แต่ยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปสู่การเชื่อมต่อ API เครือข่ายมือถือแบบเปิด (Mobile Network Open APIs) อื่นๆ ที่อยู่ภายใต้กรอบ GSMA Open Gateway เช่นกัน ตัวอย่างเช่น:
- SIM Swap API: ระบบนี้จะช่วยตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงซิมการ์ดครั้งล่าสุดของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มิจฉาชีพมักใช้ในการเข้าควบคุมบัญชีของเหยื่อ (SIM Swap Fraud) โดย SIM Swap API จะช่วยยืนยันความเป็นเจ้าของซิมการ์ดที่แท้จริงก่อนที่จะอนุญาตให้ทำธุรกรรมสำคัญ หรือก่อนส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไปยังเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ของลูกค้า
- Device Location API: เทคโนโลยีนี้จะช่วยยืนยันตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ (สมาร์ทโฟน) และซิมการ์ดที่กำลังใช้งานอยู่ในขณะนั้น หากมีการพยายามทำธุรกรรมจากตำแหน่งที่ผิดปกติหรือไม่ตรงกับข้อมูลที่เคยลงทะเบียนไว้ ระบบสามารถแจ้งเตือนหรือระงับธุรกรรมเพื่อป้องกันความเสียหายได้
การนำ API เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ จะช่วยยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงินบนมือถือให้แก่ลูกค้าชาวไทยได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสภาวะที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ความสำคัญของ GSMA Open Gateway ต่อระบบนิเวศดิจิทัล
API เครือข่ายแบบเปิด (Mobile Network Open APIs) ภายใต้กรอบความร่วมมือ GSMA Open Gateway ถือเป็นความคิดริเริ่มที่สำคัญของสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกที่รวบรวมผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือชั้นนำทั่วโลกไว้ด้วยกัน เป้าหมายหลักคือการสร้างมาตรฐานกลางที่เปิดให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือองค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงและโต้ตอบกับฟังก์ชันและข้อมูลของเครือข่ายผู้ให้บริการได้ด้วยชุด API เดียวกัน
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจาก GSMA Open Gateway นั้นมีหลายมิติ:
- ส่งเสริมนวัตกรรม: นักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์แอปพลิเคชันและบริการดิจิทัลใหม่ๆ ที่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายมือถือต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องพัฒนาแยกตามแต่ละผู้ให้บริการเครือข่าย
- ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้: ผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีความเฉพาะตัวมากขึ้น
- สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจโทรคมนาคม: ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถสร้างรายได้ใหม่จากข้อมูลเชิงลึกและความสามารถของเครือข่ายที่เปิดให้ใช้งานผ่าน API
- ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล: การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายและนักพัฒนาจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของระบบนิเวศดิจิทัลโดยรวม และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทรูบิสิเนสพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนมาตรฐานนี้ในประเทศไทย โดยเปิดให้กลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน และองค์กรธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการยกระดับความปลอดภัยในการยืนยันตัวตนลูกค้า สามารถเชื่อมต่อ Mobile Network Open API บนเครือข่ายทรู 5G พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
บทสรุปและอนาคตของการเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย
การผนึกกำลังระหว่าง ทรูบิสิเนส และ อีซี่บาย ในการเปิดตัว Number Verification API เชิงพาณิชย์ครั้งแรกในไทย ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล การดำเนินการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของยูเมะพลัสเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณบวกไปยังอุตสาหกรรมการเงินและโทรคมนาคมโดยรวม ถึงความพร้อมของประเทศไทยในการรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการก้าวไปสู่นวัตกรรมบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ความต้องการของอนาคต
ในขณะที่ภัยคุกคามออนไลน์ยังคง εξελίσσονται การลงทุนในเทคโนโลยีและการสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างเกราะป้องกันที่มั่นคง และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศต่อไป
สำหรับองค์กรธุรกิจ สตาร์ทอัพ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์ม ที่สนใจเชื่อมต่อ Mobile Network Open API บนเครือข่ายทรู 5G สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://truebusiness.truecorp.co.th/th/solution/truesolutions/trueapis
#ทรูบิสิเนส #อีซี่บาย #ยูเมะพลัส #NumberVerificationAPI #GSMAOpenGateway #ความปลอดภัยธุรกรรมออนไลน์ #True5G #สินเชื่อส่วนบุคคล #ภัยทางการเงิน #APINetwork #ดิจิทัลโซลูชัน #ฟินเทค #เทคโนโลยีการเงิน #ความปลอดภัยไซเบอร์ #TrueCorporation #EASYBUY #UmayPlus