AIS Business เดินเกมรุกครั้งสำคัญ ประกาศความพร้อมในการเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ เปิดตัว “AIS Cloud powered by Oracle Cloud Infrastructure” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็น THAI Hyperscale Cloud มาตรฐานระดับโลกรายแรกและรายเดียวในไทย ที่มีศูนย์ข้อมูลในประเทศ ดำเนินการโดยบริษัทไทย 100% ภายใต้กฎหมายไทย ตอบโจทย์ความมั่นคงทางไซเบอร์และรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI แห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างฉับพลัน (Digital Disruption), ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Green & Sustainability) องค์กรธุรกิจทั่วโลกต่างเร่งปรับตัว โดยมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การพัฒนา AI จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลมหาศาล ซึ่งนำมาสู่โจทย์ใหญ่ด้านความมั่นคงและการจัดการข้อมูล
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและลดความเสี่ยงดังกล่าว AIS Business ในฐานะผู้นำบริการด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อองค์กรธุรกิจ ได้ประกาศยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวบริการ
“AIS Cloud powered by Oracle Cloud Infrastructure” ซึ่งนับเป็น Hyperscale Cloud สัญชาติไทยมาตรฐานสากล ที่จะเข้ามาเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรภาครัฐและเอกชนไทยสู่ยุค AI อย่างมั่นคงและยั่งยืน
กำเนิด THAI Hyperscale Cloud: เมื่อความมั่นคงทางข้อมูลคือหัวใจ
จุดเด่นที่ทำให้ AIS Cloud กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ประเทศไทยในยุคนี้ได้อย่างแท้จริง คือการเป็น
Hyperscale Cloud รายเดียวในประเทศที่มีศูนย์ข้อมูลตั้งอยู่ภายในประเทศ (Local Data Center) ให้บริการโดยบุคลากรชาวไทย 100% และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามกฎหมายไทยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่า ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนขององค์กรไทยจะถูกจัดเก็บและประมวลผลอยู่ภายในประเทศ ไม่รั่วไหลออกไปต่างแดน
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางดิจิทัลของชาติ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในเชิงนโยบาย การกำกับดูแล และการดำเนินธุรกิจในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
นายภูผา เอกะวิภาต หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ว่า “วันนี้ AIS ได้ก้าวสู่อีกขั้นของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ควบคู่กับการพัฒนาคน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องมี AI เป็นของตัวเอง เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีในอนาคต เพราะ AIS เชื่อว่า
‘โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เป็นของคนไทย’ คือหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล จึงเป็นที่มาในการเดินหน้าลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่องผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลก สู่การให้บริการ AIS Cloud powered by Oracle Cloud Infrastructure แพลตฟอร์มคลาวด์มาตรฐานระดับโลกรายแรกของไทย ที่ดำเนินการโดยคนไทย 100%”
นายภูผายังได้เน้นย้ำถึงประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับว่า “ศูนย์ข้อมูลในประเทศ (Local Data Center) ซึ่งช่วยให้องค์กรภาครัฐและเอกชนสามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมั่นใจในความปลอดภัย และเป็นไปตามกฎหมายไทยทุกประการ”
ปลดล็อกศักยภาพองค์กรด้วยบริการที่เหนือกว่า
นอกเหนือจากความโดดเด่นด้าน Sovereignty หรืออธิปไตยทางข้อมูลแล้ว AIS Cloud ยังถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่องค์กรไทยในทุกมิติ ได้แก่:
- ลดอุปสรรคทางภาษาและกฎหมาย: สามารถทำสัญญาเป็นภาษาไทย ทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
- ลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน: ค่าบริการคิดเป็นสกุลเงินบาท ทำให้องค์กรสามารถวางแผนงบประมาณได้อย่างแม่นยำ
- บริการโดยคนไทยเพื่อคนไทย: มีทีมงานคนไทยคอยให้บริการหลังการขายและให้คำปรึกษาด้วยภาษาไทย
- ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงสุด: รองรับ Workload ขนาดใหญ่ มีฟังก์ชัน Auto Scaling ที่สามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรได้อัตโนมัติตามความต้องการใช้งานจริง พร้อมรับประกันมาตรฐานความปลอดภัยและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่อัปเดตอย่างสม่ำเสมอ
- พร้อมสำหรับอนาคต: รองรับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI, Machine Learning และ Big Data ได้อย่างครบวงจร
depa การันตีมาตรฐาน dSURE 3 ดาว ตอกย้ำความเชื่อมั่น
ความมุ่งมั่นในการสร้างคลาวด์ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ของ AIS Business ยังได้รับการยืนยันจากหน่วยงานภาครัฐอย่าง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการใหญ่ depa กล่าวว่า “depa มีพันธกิจสำคัญในการส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น Cloud Computing, AI, Big Data, IoT ไปประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาครัฐ โดยเราได้มีการออกมาตรฐาน dSURE เพื่อรับรองมาตรฐานผู้ให้บริการคลาวด์ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูงสุดคือ dSURE Cloud ระดับ 3 ดาว ซึ่งหมายถึงมาตรฐานความปลอดภัยด้านข้อมูล Sovereign Cloud ที่เก็บข้อมูลอยู่ภายในประเทศ โดยไม่มีการส่งข้อมูลออกนอกประเทศ ซึ่งปัจจุบัน
AIS Business เป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ในประเทศไทย ที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน dSURE 3 ดาวนี้”
การได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดนี้ ถือเป็นการตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของบริการ AIS Cloud ในระดับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ต่อยอดสู่เครือข่ายอัจฉริยะด้วย AIS NaaS
เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัลให้สมบูรณ์แบบ AIS Business ยังได้เปิดตัวบริการ
AIS NaaS (Network as a Service) ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการระบบเครือข่ายได้ด้วยตนเองผ่าน Portal ออนไลน์ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนหรือขยายโครงข่ายและจุดใช้งานทั้งในและต่างประเทศ สามารถเชื่อมโยงสู่ AIS Cloud ได้อย่างปลอดภัยผ่านเทคโนโลยีที่หลากหลายทั้งแบบมีสาย (Fiber Optic) และไร้สาย (5G) พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
นายภูผา กล่าวสรุปว่า “AIS Business พร้อมเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการพัฒนาดิจิทัลและ AI ให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนเต็มรูปแบบ ด้วยการผสานเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Connect) การเก็บข้อมูลและประมวลผล (Compute) พร้อมต่อยอดทุกความต้องการของ Cloud ทั้ง Hybrid / Multi Cloud ไปจนถึง API ครบวงจร เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาคนี้อย่างยั่งยืน”
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ AIS Businessไม่เพียงแต่จะเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือการวางรากฐานสำคัญให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย เพื่อให้องค์กรไทยสามารถเติบโตและแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างทัดเทียม ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นของคนไทย เพื่อคนไทยอย่างแท้จริง
#AISBusiness #AISCloud #ThaiHyperscaleCloud #Oracle #OracleCloudInfrastructure #AI #DigitalTransformation #เศรษฐกิจดิจิทัล #คลาวด์ไทย #โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล #ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ #depa #SovereignCloud