กระทรวงดีอีเดินหน้าเต็มสูบ เปิด “ศูนย์ดิจิทัลชุมชน” โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ชูเป็นโมเดลต้นแบบยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในระดับท้องถิ่น หวังใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำดิจิทัลอย่างยั่งยืน พร้อมประกาศแผนระยะยาว 5 ปี อัปเกรดศูนย์ฯ ทั่วประเทศกว่า 1,700 แห่ง ปูพรมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทัดเทียมนานาชาติ
พิษณุโลก, ประเทศไทย – กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตอกย้ำภารกิจสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับประชาชนทั่วประเทศ ล่าสุดได้จัดพิธีเปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชน ณ โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม จังหวัดพิษณุโลก อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และให้บริการด้านดิจิทัลครบวงจรแก่เยาวชนและประชาชนในพื้นที่ หวังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ฯ พร้อมนำคณะผู้บริหารและสื่อมวลชนเยี่ยมชมการดำเนินงาน โดยมีนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) หรือ ONDE และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริหารจังหวัดพิษณุโลก คณะครู นักเรียน และประชาชนในพื้นที่
นโยบายรัฐบาลสู่การปฏิบัติ: ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยดิจิทัล
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า เป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมี “ศูนย์ดิจิทัลชุมชน” เป็นหัวใจหลักในการส่งมอบบริการดิจิทัลของภาครัฐสู่ประชาชน
“ภายใต้การขับเคลื่อนของนโยบายรัฐบาล ‘ศูนย์ดิจิทัลชุมชน’ มีบทบาทสำคัญในการให้บริการด้านดิจิทัลของรัฐบาลในด้านต่างๆ ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน การส่งเสริมเศรษฐกิจรากฐานของประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม” ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ กล่าว
ปลัดกระทรวงดีอี ย้ำว่า กระทรวงฯ มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมผ่านโครงการนี้ โดยการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนเดิมที่มีอยู่ทั่วประเทศให้กลายเป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนที่มีศักยภาพสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge Base Society) ในระดับท้องถิ่น ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการต่างๆ ของภาครัฐได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว อันจะเป็นรากฐานที่มั่นคงในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพัฒนาในทุกมิติ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก
เจาะลึกภารกิจ “ศูนย์ดิจิทัลชุมชน” เครื่องมือสร้างโอกาสและลดช่องว่าง
ทางด้าน นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการ สดช. ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทและพันธกิจของศูนย์ดิจิทัลชุมชนว่า ศูนย์ฯ เหล่านี้ถูกจัดตั้งขึ้นตามนโยบายและแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของกระทรวงฯ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดช่องว่างทางดิจิทัล (Digital Divide)
นายเวทางค์ อธิบายว่า “ศูนย์ดิจิทัลชุมชนมีบทบาทในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ดิจิทัล การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล และส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับชุมชน เพื่อลดช่องว่างทางด้านดิจิทัลกับชุมชนให้สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา ด้านการส่งเสริมอาชีพ การสร้างและเพิ่มพูนรายได้ เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงข่าวสาร และบริการดิจิทัล ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมสำหรับคนทุกกลุ่ม”
สำหรับศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมแห่งนี้ ได้เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ นักเรียนของโรงเรียนกว่า 4,000 คน และประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าทองอีกกว่า 14,000 คน กิจกรรมหลักของศูนย์ฯ ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการสืบค้นข้อมูล การจัดอบรมให้ความรู้ด้านดิจิทัลแก่ประชาชน ไปจนถึงการเป็นหน่วยบริการรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์ และให้บริการด้านดิจิทัลต่างๆ ของสำนักงานศาลปกครองสูงสุด
ติดอาวุธดิจิทัลให้ชุมชน: จากการอบรมสู่การค้าออนไลน์
จุดเด่นที่น่าสนใจและสะท้อนถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม คือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services) ของภาครัฐ ควบคู่ไปกับการให้คำปรึกษาและจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอนให้กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มแม่บ้านในชุมชนสามารถสร้างและบริหารจัดการเพจ Facebook และช่อง TikTok ของตนเอง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการโปรโมทและจำหน่ายสินค้าของชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างช่องทางการตลาดใหม่ๆ และยังเชื่อมโยงการขายเข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของไปรษณีย์ไทย (www.thailandpostmart.com) อีกด้วย นับเป็นการสร้างรายได้เสริมและพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการยุคดิจิทัลให้กับคนในชุมชนโดยตรง
แผนแม่บท 5 ปี กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
โครงการนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่จังหวัดพิษณุโลกเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้วางแผนดำเนินการในช่วงปี พ.ศ. 2566 – 2571 เพื่อยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเดิมให้กลายเป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนที่มีมาตรฐานรวมทั้งสิ้น 1,722 แห่งทั่วประเทศ
ศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม เป็นหนึ่งในศูนย์ฯ ที่ได้รับการคัดเลือกให้รับการสนับสนุนด้านอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทการใช้งานในปัจจุบัน โดยอุปกรณ์ที่จัดสรรให้นั้นมีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของคนในชุมชน ประกอบด้วย:
- เครื่องคอมพิวเตอร์ PC พร้อมระบบปฏิบัติการและโปรแกรมสำนักงาน
- เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน (พิมพ์/ถ่ายเอกสาร/สแกน/แฟกซ์)
- สมาร์ททีวี มัลติมีเดียโปรเจคเตอร์ และหน้าจอสมาร์ทบอร์ด
- ชุดสตูดิโอถ่ายภาพพร้อมกล้องดิจิทัล สำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์และถ่ายภาพสินค้า
- ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อความปลอดภัย
- ชุดโต๊ะประชุมและเครื่องขยายเสียงแบบเคลื่อนที่
- การจัดสรรพื้นที่สร้างสรรค์ผลงาน (Co-working space) เพื่อเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในชุมชน
นอกจากการเปิดศูนย์ฯ แล้ว ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ และคณะยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมการใช้งานระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (e-Office) ของเทศบาลเมืองพิษณุโลก และร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องข่าวปลอม (Fake News) แก่นักเรียนโรงเรียนวังทองพิทยาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงดีอีในการสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
การเดินหน้าจัดตั้งและยกระดับศูนย์ดิจิทัลชุมชนทั่วประเทศในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เป็นเพียงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน แต่คือการลงทุนใน “คน” เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เตรียมความพร้อมให้คนไทยทุกคนสามารถก้าวทันโลกดิจิทัลและคว้าโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเท่าเทียม
#กระทรวงดีอี #ศูนย์ดิจิทัลชุมชน #เศรษฐกิจฐานราก #ลดความเหลื่อมล้ำดิจิทัล #พิษณุโลก #DigitalForAll #ONDE #เศรษฐกิจดิจิทัล #พัฒนาชุมชน