ETDA เปิด ร่างกฎหมาย AI ฉบับแรก เน้นกำกับความเสี่ยงสูง ไม่ละเมิดสิทธิ

ETDA เปิด ร่างกฎหมาย AI ฉบับแรก เน้นกำกับความเสี่ยงสูง ไม่ละเมิดสิทธิ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จับมือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการเทคโนโลยีไทย เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อ “(ร่าง) หลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์” ฉบับแรกของประเทศ มุ่งเน้นการกำกับดูแล AI ที่มี “ความเสี่ยงสูง” เป็นพิเศษ พร้อมผลักดันมาตรฐานการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม รับผิดชอบ และไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ตั้งเป้าสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมกับการคุ้มครองสังคมอย่างยั่งยืน เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมแสดงความเห็นถึงวันที่ 9 มิถุนายนนี้

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นับเป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ (ร่าง) หลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งแรกในการวางรากฐานทางกฎหมายเพื่อกำกับดูแลเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทชี้ขาดทิศทางของประเทศในทุกมิติ

ภาครัฐชี้ AI คือหัวใจขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สังคม ต้องมีธรรมาภิบาลกำกับ

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด ได้กล่าวถึงความสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ในฐานะกลไกหลักที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

“ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถือเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว” ศ.พิเศษวิศิษฏ์ กล่าว

ท่านปลัดกระทรวงฯ เน้นย้ำว่า โจทย์ใหญ่ของประเทศไทยในวันนี้ คือการสร้างจุดสมดุล (Balance) ระหว่างการวางกรอบกำกับดูแลเพื่อคุ้มครองสังคมและผู้บริโภค กับการเปิดพื้นที่ให้การพัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัลสามารถเติบโตได้อย่างไม่สะดุด ประเด็นด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance) จึงต้องอาศัยการพิจารณาอย่างลึกซึ้งและรอบด้าน ซึ่งจะถูกหยิบยกขึ้นเป็นวาระสำคัญในเวทีระดับโลก “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางความร่วมมือด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล AI ในระดับสากล

นอกจากกรอบกฎ หมายแล้ว ประเทศไทยยังต้องเร่งพัฒนาอีก 3 มิติสำคัญควบคู่กันไป ได้แก่:

  1. ด้านธรรมาภิบาล (Governance): การพัฒนากรอบกฎหมายที่ชัดเจน โปร่งใส และยืดหยุ่น ดังเช่นร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือให้ทุกภาคส่วนนำ AI ไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ
  2. ด้านบุคลากร (Personnel): การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาบุคลากรด้าน AI ให้มีความพร้อมทั้งในเชิงเทคนิค ความเข้าใจด้านจริยธรรม และความสามารถในการประยุกต์ใช้ในภาคส่วนต่างๆ
  3. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure): การให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบแบ่งปันข้อมูล (Data Sharing) และการออกแบบสถาปัตยกรรมที่คำนึงถึง อธิปไตยทางดิจิทัล (Digital Sovereignty) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเป็นเจ้าของข้อมูล การใช้ข้อมูลแบบเปิด (Open Source) และการควบคุมการไหลเวียนของข้อมูลภายในประเทศให้มีความมั่นคงปลอดภัย

เป้าหมายสูงสุดคือการนำความพร้อมทั้งสามมิตินี้ไปสู่การประยุกต์ใช้จริงในภาคเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ เช่น การเกษตรอัจฉริยะ, การแพทย์แม่นยำ, การยกระดับการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้ประโยชน์จาก AI กระจายไปสู่ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน

ETDA

ETDA เจาะลึก “(ร่าง) กฎหมาย AI” จาก Soft Law สู่การกำกับที่มีประสิทธิภาพ

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาอาวุโส ETDA ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาและความจำเป็นของร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยชี้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยใช้แนวทางการกำกับดูแลในรูปแบบของ Soft Law หรือแนวปฏิบัติ (Guideline) ซึ่งอาจไม่เพียงพออีกต่อไปในยุคที่ AI พัฒนาอย่างก้าวกระโดดและมีความซับซ้อนสูง

“ปัจจุบันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับ AI ในประเทศไทยยังอยู่ในรูปแบบ Soft Law แต่เนื่องจาก AI มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและมีความซับซ้อนมากขึ้น จึงอาจทำให้แนวปฏิบัติมีช่องโหว่และไม่สามารถกำกับการใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญ เช่น เรื่องความโปร่งใสในการทำงานของ AI การรับผิดชอบต่อความเสียหายอันเกิดจาก AI” ดร.ศักดิ์ กล่าว

ด้วยเหตุนี้ ETDA โดยความร่วมมือกับศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AIGC by ETDA) และผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วน จึงได้ศึกษาแนวทางจากต่างประเทศและพัฒนาหลักการกฎหมายฉบับนี้ขึ้น โดยพบว่าแนวทางการกำกับดูแล AI ที่ดีที่สุดไม่ใช่การออกกฎหมายที่แข็งทื่อแบบ “One size fits all” แต่ควรเป็นแนวทางแบบผสมผสานที่มีความยืดหยุ่นและปรับระดับความเข้มข้นได้ตามบริบท ตั้งแต่ระดับ Guideline, Soft Law ไปจนถึง Hard Law โดยเฉพาะกับ AI ประเภทต่างๆ

ประเด็นสำคัญ 3 ประการในการออกแบบร่างกฎหมาย AI ของไทย คือ:

  1. การปลดล็อกอุปสรรค: แก้ไขข้อกฎหมายเดิมที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาหรือประยุกต์ใช้ AI ในประเทศ
  2. การส่งเสริมอย่างชัดเจน: กำหนดมาตรการส่งเสริมที่เป็นรูปธรรม เช่น การให้ทุนสนับสนุน, การลดหย่อนภาษี และการสร้างแรงจูงใจอื่นๆ เพื่อเร่งการพัฒนาและใช้งาน
  3. การคุ้มครองและธรรมาภิบาล: สร้างกลไกคุ้มครองผู้ใช้งานและสังคม โดยยึดหลักธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์เป็นสำคัญ

ส่องเนื้อหาหลัก: มุ่งเน้นคุม “AI ความเสี่ยงสูง” เปิดทางนวัตกรรม

หัวใจสำคัญของ “(ร่าง) หลักการกฎหมายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ฉบับนี้ คือการใช้ แนวทางการกำกับตามระดับความเสี่ยง (Risk-based Approach) โดยจะมุ่งเน้นการกำกับดูแล AI ที่มีความเสี่ยงสูง (High-Risk AI) เป็นหลัก ซึ่งหมายถึงระบบ AI ที่หากทำงานผิดพลาดอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิทธิขั้นพื้นฐาน เสรีภาพ หรือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น AI ในระบบการพิจารณาคดี, AI ในการวินิจฉัยทางการแพทย์ หรือ AI ที่ควบคุมระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ

สำหรับเนื้อหาหลักในร่างกฎหมายจะครอบคลุมประเด็นต่างๆ ดังนี้:

  • หลักการพื้นฐาน: วางกรอบและนิยามที่สำคัญสำหรับระบบกฎหมาย AI ของไทย
  • มาตรการส่งเสริม: กำหนดกลไกสนับสนุนนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม เช่น Text and Data Mining เพื่อการวิจัย และ Regulatory Sandbox เพื่อทดสอบเทคโนโลยี AI ในสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุม
  • การกำกับความเสี่ยง: สร้างแนวทางการกำกับดูแล AI โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (High-Risk AI)
  • ส่งเสริมการใช้งานอย่างรับผิดชอบ: ผลักดันให้เกิดการสร้างกลไกกำกับดูแลตนเอง (Self-regulation) และแนวปฏิบัติที่ดีในแต่ละอุตสาหกรรม
  • บทบาทหน่วยงานกำกับ: ให้อำนาจหน่วยงานกำกับดูแลเฉพาะด้าน (Sectoral Regulators) สามารถออกมาตรการที่เหมาะสมกับบริบทของตนเองได้อย่างยืดหยุ่นและทันท่วงที
  • องค์กรสนับสนุน: กำหนดให้มีองค์กรกลางเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายและขับเคลื่อนระบบนิเวศ AI ของประเทศ

ดร.ศักดิ์ ได้เน้นย้ำในตอนท้ายว่า “ร่างกฎหมายนี้ไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางกฎหมาย แต่คือการสร้าง ‘สมดุล’ ระหว่างการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประโยชน์ของสังคม กับการคุ้มครองความปลอดภัย สิทธิ และศักดิ์ศรีของมนุษย์ในยุคดิจิทัล”

ทั้งนี้ ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดอนาคต AI ของประเทศไทย โดยร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ “(ร่าง) หลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์” ผ่านระบบกลางทางกฎหมายได้ที่ http://bit.ly/4kBjBTU ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 และสามารถติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับประวัติศาสตร์นี้ได้ในทุกช่องทางของ ETDA Thailand ต่อไป

#กฎหมายAI #AILaw #ETDAThailand #กระทรวงดีอี #AIforThais #AIGovernance #เศรษฐกิจดิจิทัล #ดิจิทัลไทยแลนด์ #ปัญญาประดิษฐ์

Related Posts