กสทช. ผนึกมหาดไทย ปฏิวัติหอกระจายข่าวสู่ดิจิทัล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

กสทช. ผนึกมหาดไทย ปฏิวัติหอกระจายข่าวสู่ดิจิทัล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

กสทช. จับมือกระทรวงมหาดไทย เปิดตัวโครงการยักษ์ใหญ่ พัฒนาต้นแบบ “หอกระจายข่าว” ที่ทันสมัย หรือ “Vill-Tale Post” ปฏิวัติระบบสื่อสารชุมชนกว่า 60,000 แห่งทั่วประเทศ จากระบบอนาล็อกสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจร ตั้งเป้าลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร สร้างความเสมอภาค พร้อมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแจ้งเตือนภัยพิบัติ และกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการประชุมครั้งสำคัญที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของระบบการสื่อสารระดับรากหญ้าของประเทศไทย โดยมี พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. เป็นประธาน ร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาต้นแบบโครงการ “หอกระจายข่าว” ที่ทันสมัย ภายใต้ชื่อ “Vill-Tale Post” (Village News Broadcasting Post) ซึ่งถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจในระดับหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปฏิรูป “หอกระจายข่าว” ที่มีอยู่เดิมกว่า 60,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันเปรียบเสมือนเส้นเลือดฝอยในการสื่อสารของชุมชน ให้กลายเป็นโครงข่ายการสื่อสารดิจิทัลที่ทรงประสิทธิภาพ เป้าหมายคือเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการสาธารณะได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างประโยชน์ในมิติของการเมืองการปกครอง แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า โครงการนี้สอดคล้องโดยตรงกับแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ของประเทศ ในยุทธศาสตร์ที่ 1 ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนากิจการกระจายเสียงของไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากลและสามารถปรับตัวเข้ากับบริบทของโลกดิจิทัลได้อย่างมีพลวัต โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทางเลือกในการรับบริการกระจายเสียงประเภทอื่นๆ ให้แก่ประชาชน

เจาะลึกปัญหา “หอกระจายข่าว” ระบบเดิม จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

ในปัจจุบัน “หอกระจายข่าว” ถือเป็นช่องทางการสื่อสารที่สำคัญในระดับหมู่บ้าน เนื่องจากใช้งบประมาณในการจัดตั้งและดูแลรักษาน้อยกว่าสถานีวิทยุชุมชน อย่างไรก็ตาม ระบบที่ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ใช้คลื่นความถี่ในย่าน 420.200 MHz ซึ่งมีข้อจำกัดหลายประการ

จากข้อมูลของ กสทช. พบว่าปัญหาสําคัญของระบบเดิม ได้แก่:

  • คุณภาพสัญญาณต่ำและไม่เสถียร: ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปถึงประชาชนอาจขาดความคมชัดหรือขาดหายไประหว่างทาง
  • การบริหารจัดการเนื้อหาที่ยุ่งยาก: การผลิตและควบคุมเนื้อหาในระดับท้องถิ่นยังขาดประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
  • การเข้าถึงที่จำกัด: ประชาชนจะรับฟังข่าวสารได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงหอกระจายข่าวเท่านั้น ทำให้เกิดข้อจำกัดในการรับรู้ข้อมูลสำหรับผู้ที่อยู่นอกพื้นที่หรือเดินทาง
  • ขาดการมีส่วนร่วม: เป็นการสื่อสารทางเดียว (One-way communication) ที่ประชาชนเป็นเพียงผู้รับสาร ไม่สามารถโต้ตอบหรือแสดงความคิดเห็นได้
  • ต้นทุนในการปรับปรุงสูง: หากต้องการยกระดับคุณภาพด้วยเทคโนโลยีเดิม อาจต้องใช้งบประมาณสูงในการเปลี่ยนอุปกรณ์ทั้งหมด

ปัญหาเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในการสร้างสังคมข้อมูลข่าวสารที่เข้มแข็งในระดับชุมชน และเป็นที่มาของแนวคิดในการพัฒนาต้นแบบ “Vill-Tale Post” เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมทั้งหมด

กสทช.

“Vill-Tale Post” ต้นแบบหอกระจายข่าวยุคดิจิทัล สู่มิติใหม่ของการสื่อสารชุมชน

สำนักงาน กสทช. ได้เสนอแนวทางการพัฒนาต้นแบบ “หอกระจายข่าว” ที่ทันสมัย โดยออกแบบให้เป็นระบบนิเวศการสื่อสารที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลักดังนี้:

1. ระบบการส่ง (Transmission) ที่ชาญฉลาด: จะมีการติดตั้งสถานีส่งและระบบบริหารการออกอากาศในหมู่บ้านและชุมชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเนื้อหารายการได้จากในพื้นที่เอง ขณะเดียวกันก็สามารถรับเนื้อหาจากส่วนกลางได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารมีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น

2. ระบบการรับและการกระจายเสียง (Reception and Distribution) คุณภาพสูง: หัวใจสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัญญาณด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดสัญญาณรูปแบบใหม่ ทำให้เสียงที่กระจายออกไปมีความคมชัดและมีคุณภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ที่สำคัญคือการออกแบบชุดอุปกรณ์เสริม (Add-on kit) ที่สามารถติดตั้งเข้ากับเสากระจายข่าวเดิมของชุมชนได้ทันที ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการปรับปรุงได้อย่างมหาศาล เพราะไม่จำเป็นต้องรื้อถอนโครงสร้างเดิม นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกในการติดตั้งป้ายแสดงผล LCD สำหรับแจ้งข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ เช่น ราคาสินค้าเกษตร พยากรณ์อากาศ หรือการแจ้งเตือนต่างๆ และระบบเซ็นเซอร์เพื่อตรวจวัดสภาพแวดล้อมได้อีกด้วย

3. ระบบสนับสนุนการบริหารการออกอากาศ (Broadcast Management Support System) แบบรวมศูนย์: เบื้องหลังของระบบคือแพลตฟอร์มบริหารจัดการเนื้อหาแบบรวมศูนย์ ที่สามารถควบคุมการออกอากาศไปยังสถานีรับสัญญาณไร้สายทุกแห่งได้จากส่วนกลาง รองรับการจัดการเนื้อหาทั้งแบบสด (Live) และแบบรับชมย้อนหลัง (On-Demand) พร้อมทั้งมีโปรแกรม API (Application Programming Interface) สำหรับเชื่อมต่อกับระบบบริการอื่นๆ ของภาครัฐ ซึ่งจะเปิดประตูสู่การบูรณาการบริการสาธารณะต่างๆ ผ่านหอกระจายข่าวในอนาคต

4. แอปพลิเคชันสำหรับประชาชน (Public Service Application) สร้างการมีส่วนร่วม: นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุด คือการเปลี่ยนผู้ฟังให้กลายเป็นผู้มีส่วนร่วม ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ประชาชนจะสามารถตรวจสอบผังรายการล่วงหน้า, รับฟังการออกอากาศสดได้จากทุกที่ทุกเวลา, เข้าถึงเนื้อหารายการย้อนหลังได้ตามต้องการ ตลอดจนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น การโหวตแสดงความคิดเห็นต่อโครงการของชุมชน หรือการส่งข้อเสนอแนะต่างๆ ไปยังผู้นำท้องถิ่นได้โดยตรง

เชื่อมโยงข้อมูลเตือนภัยพิบัติ-กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

นายคณิต คงเมือง ผู้อำนวยการกลุ่มงานเทคโนโลยีการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยระบุว่าเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องการให้ “หอกระจายข่าว” มีบทบาทมากกว่าแค่การแจ้งข้อมูลข่าวสารทั่วไป แต่ต้องสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากส่วนกลางเพื่อใช้ในการแจ้งเตือนกรณีเกิดภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที

ในประเด็นนี้ ทาง กสทช. ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมประชาสัมพันธ์ ในการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน (SOP) สำหรับเชื่อมสัญญาณการแจ้งเตือนภัยไปยังสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกแห่งที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. และในอนาคตอันใกล้นี้ ระบบเตือนภัยดังกล่าวจะถูกต่อยอดมายังเครือข่าย “หอกระจายข่าว” ที่ทันสมัยนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้การแจ้งเตือนภัยพิบัติในประเทศไทยมีความครอบคลุมและลงลึกถึงระดับหมู่บ้านได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจากภัยพิบัติ ถือเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ประเมินค่ามิได้

ในมิติทางเศรษฐกิจ โครงการ “Vill-Tale Post” จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและแม่นยำจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตและตรวจสอบราคากลางของพืชผลได้ดีขึ้น ผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน (OTOP) สามารถรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ หรือช่องทางการตลาดใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที การประกาศข่าวสารการท่องเที่ยวในชุมชน เช่น งานเทศกาล หรือตลาดนัดกลางคืน ดังที่ปรากฏในภาพตัวอย่าง จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงคนในวงกว้างมากขึ้นผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่

บทสรุปและก้าวต่อไป

โครงการพัฒนาต้นแบบ “หอกระจายข่าว” ที่ทันสมัยนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงการยกระดับทางเทคโนโลยี แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาและเศรษฐกิจที่สำคัญให้กับประเทศ การลดช่องว่างทางข้อมูลข่าวสารระหว่างเมืองและชนบท คือกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างทั่วถึงและยั่งยืน

ทั้งกสทช.และกระทรวงมหาดไทยต่างมุ่งมั่นที่จะเร่งรัดการจัดทำต้นแบบดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อนำไปสู่การขยายผลและยกระดับการกระจายเสียงในหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศให้สำเร็จตามเป้าหมาย ดังวิสัยทัศน์ของโครงการที่ว่า “ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมเปลี่ยนแปลง ร่วมขับเคลื่อน” (COLLABORATE to create, change, champion) ซึ่งจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการสื่อสารชุมชนที่ประชาชนไม่ได้เป็นเพียงผู้รับสารอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างแท้จริง

#กสทช #กระทรวงมหาดไทย #หอกระจายข่าว #VillTalePost #เศรษฐกิจดิจิทัล #เศรษฐกิจฐานราก #DigitalThailand #เตือนภัยพิบัติ #การสื่อสารชุมชน #ยกระดับคุณภาพชีวิต

Related Posts