สำนักงาน กสทช. จัดซ้อมใหญ่การประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่านสำคัญ 850, 1500, 2100 และ 2300 MHz ก่อนถึงวันเคาะราคาจริง 29 มิถุนายนนี้ โดยมีเพียง 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ “AIS” และ “TRUE” เข้าร่วม ชูโรงด้วยกติกาใหม่ “Simultaneous Clock Auction” ประมูลพร้อมกันทุกย่าน หวังกระตุ้นการแข่งขัน สร้างมูลค่าคลื่นที่แท้จริง ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ
กสทช. จัดทัพใหญ่! ซ้อมประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่าน ก่อนเปิดศึกชิงดำ 29 มิ.ย. นี้
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – บรรยากาศในแวดวงโทรคมนาคมไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้จัด “การประชุมชี้แจงขั้นตอนการประมูล (Bidder Information Session)” ควบคู่ไปกับ “การประมูลรอบสาธิต (Mock Auction)” เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลครั้งสำคัญ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน 2568
การซ้อมประมูลในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมเพียง 2 รายใหญ่ของอุตสาหกรรม ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือ AIS และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ในเครือ TRUE ทำให้การประมูลที่กำลังจะมาถึงถูกจับตามองเป็นพิเศษในฐานะ “การชิงดำ” ของสองผู้เล่นหลักในตลาด ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อทิศทางการแข่งขันและการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของประเทศไทยในอนาคต
เปิดตัวกติกาใหม่ “Simultaneous Clock Auction” เพิ่มความยืดหยุ่น-กระตุ้นการแข่งขัน
ความพิเศษของการประมูลครั้งนี้อยู่ที่การนำรูปแบบการประมูลแบบ “Simultaneous Clock Auction” มาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการประมูลครั้งก่อนๆ ที่ใช้วิธีทยอยประมูลทีละย่านความถี่ (Sequential Auction)
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการประมูลใหม่นี้ว่า “วันนี้ผู้เข้าร่วมการประมูล จะได้รับทราบถึงขั้นตอน กระบวนการ การปฏิบัติตนในระหว่างการประมูล และจะได้ซักซ้อมทดลองใช้งานโปรแกรม Auction Software สำหรับการใช้ระบบจัดการใบอนุญาตสำหรับการประมูลคลื่นความถี่ฯ”
รองเลขาธิการ กสทช. อธิบายเพิ่มเติมว่า รูปแบบ Simultaneous Clock Auction คือการเปิดประมูลคลื่นความถี่ทุกกลุ่มในคราวเดียวกัน ทำให้ผู้เข้าร่วมประมูลมีความยืดหยุ่นสูง สามารถตัดสินใจเลือกสลับไปเสนอราคาในคลื่นความถี่ชุดอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ตลอดกระบวนการ
“การประมูลลักษณะนี้ จะทำให้ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถแสดงมูลค่าที่แท้จริงของคลื่นความถี่ที่ตนเสนอราคาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ความยืดหยุ่นนี้จะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการจัดสรร และเป็นรูปแบบการประมูลที่เอื้อให้มีการแข่งขันมากขึ้นในทุกชุดคลื่นความถี่ จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้ได้รับรายได้จากการประมูลมากขึ้น” นายสุทธิศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้รูปแบบการประมูลจะเปลี่ยนไป แต่กลไกการเคาะราคาในแต่ละรอบจะยังคงคล้ายคลึงกับครั้งที่ผ่านมา โดยผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องกดยืนยันรับราคาในรอบแรก ซึ่งเป็นราคาที่คำนวณจากราคาขั้นต่ำบวกเพิ่มไปอีก 1 ขั้นราคา (increment)
เจาะลึก 4 คลื่นความถี่ ขุมทรัพย์ดิจิทัลที่รอการจัดสรร
สำหรับคลื่นความถี่ที่นำมาจัดสรรในการประมูลครั้งนี้ ครอบคลุมทั้งย่านความถี่ต่ำและย่านความถี่กลาง รวมทั้งสิ้น 4 ย่าน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
-
กลุ่มคลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band): ย่าน 850 MHz
- รายละเอียด: ช่วงความถี่ 824 – 834 MHz คู่กับ 869 – 879 MHz
- จำนวน: 2 ชุดคลื่นความถี่ ขนาดชุดละ MHz
- ราคาขั้นต่ำ: 7,738.23 ล้านบาทต่อชุด
- ความสำคัญ: คลื่นย่านต่ำมีคุณสมบัติเด่นในการครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างไกลและทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมประชากรในพื้นที่ห่างไกลและเสริมคุณภาพสัญญาณภายในอาคาร ถือเป็นคลื่นยุทธศาสตร์ที่ทุกค่ายต้องการ
-
กลุ่มคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ที่มีการใช้งานในปัจจุบัน:
- ย่าน 2100 MHz:
- รายละเอียด: ช่วงความถี่ 1965 – 1980 MHz คู่กับ 2155 – 2170 MHz
- จำนวน: 3 ชุดคลื่นความถี่ ขนาดชุดละ MHz
- ราคาขั้นต่ำ: 4,500 ล้านบาทต่อชุด
- ความสำคัญ: เป็นคลื่นความถี่หลักที่ใช้ให้บริการ 3G/4G/5G ในปัจจุบัน การได้คลื่นย่านนี้เพิ่มเติมจะช่วยเพิ่มความจุของโครงข่าย (Capacity) เพื่อรองรับการใช้งานข้อมูลที่หนาแน่นในเขตเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ
- ย่าน 2300 MHz:
- รายละเอียด: ช่วงความถี่ 2300 – 2370 MHz
- จำนวน: 7 ชุดคลื่นความถี่ ขนาดชุดละ 10 MHz
- ราคาขั้นต่ำ: 2,596.15 ล้านบาทต่อชุด
- ความสำคัญ: เป็นคลื่นที่ช่วยเสริมศักยภาพด้านความจุของโครงข่ายได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในรูปแบบ 4G LTE และ 5G
- ย่าน 2100 MHz:
-
กลุ่มคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ใหม่: ย่าน 1500 MHz
- รายละเอียด: ช่วงความถี่ 1452 – 1507 MHz
- จำนวน: 11 ชุดคลื่นความถี่ ขนาดชุดละ 5 MHz
- ราคาขั้นต่ำ: 1,057.49 ล้านบาทต่อชุด
- ความสำคัญ: เป็นคลื่นความถี่ใหม่ที่ยังไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการในการนำไปพัฒนาบริการใหม่ๆ และเป็นคลื่นเสริมสำหรับเทคโนโลยี 5G ในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและขีดความสามารถในการให้บริการ
ไทม์ไลน์และเงื่อนไขสำคัญที่ผู้ชนะการประมูลต้องปฏิบัติตาม
ภายหลังจากการซ้อมประมูลในวันนี้ (23 มิ.ย. 68) กระบวนการจะเดินหน้าสู่ วันประมูลจริงในวันที่ 29 มิถุนายน 2568 โดยมีไทม์ไลน์สำคัญดังนี้:
- ภายใน 6 ก.ค. 68: กสทช. รับรองผลการประมูล
- 7 – 29 ก.ค. 68: ผู้ชนะการประมูลเข้ามาชำระเงินค่าคลื่นความถี่งวดที่ 1
- 4 ส.ค. 68: วันเริ่มต้นการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่
นอกเหนือจากภาระทางการเงินแล้ว ผู้ที่ชนะการประมูลจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กสทช. กำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายในการกระจายทรัพยากรอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยมีเงื่อนไขสำคัญประกอบด้วย:
- การขยายโครงข่าย: ต้องครอบคลุมประชากรให้ได้ 50% ภายใน 2 ปี, 80% ภายใน 4 ปี และ 90% ภายใน 5 ปี ของจำนวนประชากรในแต่ละตำบล
- มาตรการส่งเสริมการแข่งขัน: สนับสนุนการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน (Infrastructure Sharing) และต้องจัดสรรความจุของโครงข่าย 10% เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการรายย่อย (MVNO)
- มาตรการเพื่อสังคมและผู้บริโภค: ต้องมีแผน Green ICT เพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, แผน Digital Inclusion เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล, และแผนคุ้มครองผู้บริโภคที่ชัดเจน
- ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์: ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการจัดสรรทรัพยากรของชาติ แต่เป็นหมุดหมายสำคัญในการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้พร้อมรับกับความท้าทายในโลกยุคใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยไปอีกหลายปีข้างหน้า
#กสทช #ประมูลคลื่น #ประมูลคลื่น5G #AIS #TRUE #เศรษฐกิจดิจิทัล #โทรคมนาคม #คลื่น850MHz #คลื่น2100MHz #SimultaneousClockAuction #ข่าวเศรษฐกิจ