ปิโตรนาส (Petronas) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานแห่งมาเลเซีย ประกาศจุดยืนเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ชู “ก๊าซธรรมชาติเหลว” หรือ LNG ไม่ใช่เป็นเพียง “เชื้อเพลิงในช่วงเปลี่ยนผ่าน” แต่คือ “เชื้อเพลิงปลายทาง” (Destination Fuel) ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ความมั่นคงทางพลังงาน ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังพุ่งทะยาน ท่ามกลางความท้าทายด้านพลังงานหมุนเวียนและแหล่งก๊าซในประเทศที่ร่อยหรอลง พร้อมเปิดพอร์ตโซลูชันครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน ย้ำความพร้อมเป็นพันธมิตรระยะยาวของไทยและทุกประเทศในอาเซียน
กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย – ท่ามกลางภูมิทัศน์พลังงานโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย ปิโตรนาส ผู้นำด้านพลังงานระดับโลก ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงทิศทางและกลยุทธ์ขององค์กร โดยวางตำแหน่งให้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในระยะยาว
นายเอซราน มัลฮาเซียร์ (Ezran Malhazir) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Petronas LNG Limited ได้ให้สัมภาษณ์ TheReporterAsia ในงาน Energy Asia 2025 โดยฉายภาพอนาคตพลังงานของภูมิภาค พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ที่แตกต่างออกไป เขากล่าวอย่างหนักแน่นว่า LNG ไม่ได้มีบทบาทเป็นเพียง “เชื้อเพลิงในช่วงเปลี่ยนผ่าน” (Transition Fuel) เพื่อรอวันที่พลังงานหมุนเวียนจะเข้ามาแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่แท้จริงแล้ว LNG คือ “เชื้อเพลิงปลายทาง” (Destination Fuel) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบสุดท้ายสำหรับอนาคตพลังงานที่ยั่งยืนและเชื่อถือได้
“หลายคนมองว่าก๊าซเป็นเพียงเชื้อเพลิงในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะพาเราไปสู่ยุคพลังงานสะอาด แต่สำหรับปิโตรนาส เราไม่เชื่อเช่นนั้น เราเชื่อว่าก๊าซคือ ‘เชื้อเพลิงปลายทาง’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันที่สมบูรณ์” นายเอซรานกล่าว
“เหตุผลสำคัญคือ พลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์หรือลมนั้นยอดเยี่ยมในแง่ของความสะอาด แต่มีความท้าทายใหญ่หลวงในเรื่องของความไม่แน่นอน (Intermittency) ซึ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานที่ต้องมีเสถียรภาพตลอด 24 ชั่วโมงของภาคอุตสาหกรรมได้ แต่เมื่อคุณนำพลังงานหมุนเวียนมาทำงานร่วมกับก๊าซธรรมชาติ คุณจะได้โซลูชันด้านพลังงานที่ทั้งสะอาดและเชื่อถือได้อย่างแท้จริง”
มุมมองดังกล่าวถือเป็นการปรับกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญ และสะท้อนกลยุทธ์ของปิโตรนาสที่มองเห็นโอกาสมหาศาลในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งกำลังเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ความต้องการพลังงานในภูมิภาคนี้กำลังเติบโตในอัตราเร่งสูง โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลัก 3 ประการ ได้แก่ การขยายตัวของเมือง (Urbanization), การเติบโตของภาคอุตสาหกรรม (Industrialization) และ การเพิ่มขึ้นของประชากร ซึ่งคาดว่าจะพุ่งจาก 700 ล้านคนในปัจจุบัน เป็นเกือบ 760 ล้านคนภายในปี 2583
“เราเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมหนัก โรงงานผลิตรถยนต์ ปิโตรเคมี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ซึ่งต้องการพลังงานที่มั่นคงและเชื่อถือได้สูงสุด ไฟฟ้าดับแม้เพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงความเสียหายมหาศาล นี่คือจุดที่ก๊าซธรรมชาติเข้ามามีบทบาทสำคัญ” นายเอซรานอธิบาย
ความท้าทายที่สำคัญคือ ในขณะที่ความต้องการพลังงานกำลังพุ่งสูงขึ้น แหล่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตในประเทศ (Indigenous Gas) ของหลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทยและเวียดนาม กำลังลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิด “ช่องว่าง” ขนาดใหญ่ด้านอุปทานพลังงาน ซึ่ง นายเอซราน ยืนยันว่า “ช่องว่างนี้สามารถเติมเต็มได้ด้วย LNG เท่านั้น” นี่คือเหตุผลที่หลายประเทศเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการนำเข้า LNG เช่น คลังรับ-จ่ายก๊าซ (Regasification Terminal) ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงทิศทางของตลาดในอนาคต
ทำไมต้องเป็นปิโตรนาส? คำตอบคือ “ความน่าเชื่อถือ” และ “โซลูชันครบวงจร”
เมื่อตลาด LNG กลายเป็นสมรภูมิแข่งขันที่ดุเดือด ปิโตรนาสได้ชูจุดแข็งที่คู่แข่งยากจะทัดเทียมได้ ประการแรกคือ ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และความน่าเชื่อถือที่พิสูจน์ได้ โรงงานผลิต LNG หลักของบริษัทที่บินตูลู (Bintulu) ในรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นศูนย์กลางการผลิตที่อยู่ใกล้กับตลาดอาเซียนมากที่สุด ทำให้สามารถขนส่งได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ยกตัวอย่างเช่น การขนส่งมายังมาบตาพุดของไทยใช้เวลาเพียงวันครึ่งเท่านั้น
“เรามีประสบการณ์ในธุรกิจ LNG มากว่า 40 ปี ส่งมอบสินค้าไปแล้วกว่า 16,000 เที่ยวเรือ และเราภูมิใจที่จะบอกว่าเราไม่เคยพลาดการจัดส่งแม้แต่ครั้งเดียว” นายเอซรานกล่าว “สำหรับเรา การส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้คือคำมั่นสัญญาที่สำคัญที่สุด”
ประการที่สองคือ การเป็น ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานครบวงจร (One-Stop Solutions Provider) ปิโตรนาสไม่ได้เป็นเพียงผู้ขาย LNG แต่เป็นพันธมิตรที่สามารถนำเสนอโซลูชันได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหา LNG จากพอร์ตโฟลิโอทั่วโลก (นอกเหนือจากมาเลเซีย ยังมีแหล่งจากออสเตรเลีย อียิปต์ สหรัฐอเมริกา และแคนาดาในอนาคตอันใกล้) การมีกองเรือขนส่งของตนเองกว่า 30 ลำเพื่อควบคุมโลจิสติกส์ ไปจนถึงโซลูชันสำหรับอนาคต
ที่น่าสนใจคือความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ปิโตรนาสกำลังพัฒนาเทคโนโลยี การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage – CCS) อย่างจริงจัง โดยมีโครงการ Kasawari นอกชายฝั่งซาราวักเป็นโครงการนำร่อง ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่จะให้บริการแบบครบวงจร คือ ไม่เพียงขาย LNG ที่สะอาดขึ้น แต่ยังสามารถรับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากโรงไฟฟ้าของลูกค้ากลับมากักเก็บไว้ใต้ดินได้อีกด้วย
ปักหมุดไทย-อาเซียน พร้อมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์
สำหรับประเทศไทย ปิโตรนาสย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีกับ บมจ.ปตท. (PTT) มาอย่างยาวนาน และยังคงมองหาโอกาสความร่วมมือกับผู้เล่นรายอื่นๆ ในตลาดไทยเสมอ เมื่อถูกถามถึงการแข่งขันในตลาด LNG ของไทยที่เปิดเสรีมากขึ้น นายเอซรานตอบว่า “ทุกตลาดต้องแข่งขันได้ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการซื้อพลังงานในราคาตลาดโลก แต่สิ่งที่ทำให้ปิโตรนาสแตกต่างและเป็นข้อได้เปรียบคือความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมานาน และความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ เราสามารถมอบความยืดหยุ่นและความมั่นคงในการจัดหาได้ดีกว่า”
ในขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามกำลังก้าวเข้ามาเป็นผู้นำเข้า LNG รายใหม่ที่สำคัญ ปิโตรนาสแสดงความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเข้าไปเป็นพันธมิตร “เราเปิดรับทุกโอกาสในการหารือ ทั้งในด้านการจัดหา LNG และการร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น แต่ข้อตกลงจะต้องเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายและมีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์”
บทสรุปจากการประกาศกลยุทธ์ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ปิโตรนาสไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงผู้ขายสินค้าโภคภัณฑ์ แต่กำลังวางตำแหน่งตัวเองในฐานะ “พันธมิตรด้านพลังงาน” ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า ด้วยอาวุธที่ครบมือทั้งในด้านความน่าเชื่อถือ ความยืดหยุ่น พอร์ตโฟลิโอระดับโลก และวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่พลังงานที่สะอาดและยั่งยืนขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
#Petronas #LNG #พลังงาน #ข่าวเศรษฐกิจ #อาเซียน #ก๊าซธรรมชาติ #DestinationFuel #EnergyTransition #ปิโตรนาส #ความมั่นคงทางพลังงาน #เศรษฐกิจไทย #EnergyAsia2025