PETRONAS พลิกตำรา ยักษ์ใหญ่พลังงานแห่งอาเซียน เดิมพันอนาคตสู่ Net Zero

PETRONAS พลิกตำรา ยักษ์ใหญ่พลังงานแห่งอาเซียน เดิมพันอนาคตสู่ Net Zero

ท่ามกลางสมรภูมิพลังงานโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรุนแรง PETRONAS บริษัทพลังงานแห่งชาติมาเลเซียและผู้เล่นระดับโลกใน Fortune Global 500 กำลังเดินหน้าในสิ่งที่อาจเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์องค์กร ไม่ใช่แค่การประกาศเป้าหมาย แต่คือการ “ผ่าตัดใหญ่” ทางยุทธศาสตร์ เพื่อเปลี่ยนผ่านจากยักษ์ใหญ่แห่งยุคเชื้อเพลิงฟอสซิล สู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานและโซลูชันที่ยั่งยืน การเดินทางสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 นี้ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สองตัวที่แตกต่างแต่เกื้อหนุนกัน นั่นคือ “พลังงานสะอาด” และ “เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ใหม่ในการเป็น “พันธมิตรด้านพลังงานและโซลูชันที่ก้าวหน้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน”

เมื่อคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือทางรอด

ในยุคที่โลกเผชิญกับ “ภาวะสามเส้าด้านพลังงาน” (Energy Trilemma) ซึ่งประกอบด้วยความมั่นคงทางพลังงาน (Security), ความสามารถในการเข้าถึงในราคาที่เหมาะสม (Affordability) และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Sustainability) บริษัทพลังงานแบบดั้งเดิมทั่วโลกต่างถูกบีบให้ต้องเลือกว่าจะเป็นผู้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หรือจะเป็นผู้กำหนดอนาคต

สำหรับ PETRONAS ซึ่งมีรายได้มหาศาลกว่า 3.2 แสนล้านริงกิต (ประมาณ 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2024 และเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจมาเลเซียมานานหลายทศวรรษ การเปลี่ยนแปลงนี้มีความซับซ้อนยิ่งกว่าบริษัทเอกชนทั่วไป เพราะต้องสร้างสมดุลระหว่างภารกิจในการสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ กับความรับผิดชอบต่อประชาคมโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นี่จึงไม่ใช่แค่การปรับพอร์ตการลงทุน แต่เป็นการปฏิวัติโมเดลธุรกิจทั้งหมด เพื่อความอยู่รอดและเติบโตในศตวรรษที่ 21

PETRONAS

แก่นยุทธศาสตร์ 3 เสาหลัก: แปลงวิสัยทัศน์สู่แผนปฏิบัติการ

เพื่อนำทางองค์กรที่มีพนักงานกว่า 50,000 คน ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายนี้ PETRONAS ได้ตกผลึกยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition Strategy – ETS) ออกมาเป็น 3 เสาหลักที่ชัดเจนและทำงานประสานกันอย่างเป็นระบบ

  1. เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก (Strengthen Core Business): เสาหลักนี้คือการยอมรับความจริงที่ว่า การเปลี่ยนผ่านต้องใช้เงินทุนมหาศาล PETRONAS จึงยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัย และปล่อยคาร์บอนต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ธุรกิจหลักนี้เปรียบเสมือน “เครื่องยนต์ผลิตกระแสเงินสด (Cash Engine)” ที่จะหล่อเลี้ยงการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต และสร้างความมั่นคงทางพลังงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน

  2. สร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ (Grow New Business): นี่คือหัวใจของการสร้าง PETRONAS ในเวอร์ชันอนาคต โดยมุ่งเน้นไปที่สองกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ พลังงานสะอาด ผ่านหน่วยธุรกิจอย่าง Gentari ที่จะบุกเบิกด้านพลังงานหมุนเวียน ไฮโดรเจน และโซลูชันสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และอีกกลุ่มที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) ที่จะเปลี่ยนโฉมจากการเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์โภคภัณฑ์ไปสู่ผู้สร้างสรรค์โซลูชันมูลค่าสูง

  3. บรรลุเป้าหมาย Net Zero (Deliver Net Zero): เสาหลักนี้คือพันธสัญญาที่ครอบคลุมทุกการดำเนินงานขององค์กร เป็นเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดทิศทางของสองเสาหลักแรก โดย ปิโตรนาส ได้วางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้ในทุกขั้นตอน

เจาะลึก 4 กลยุทธ์ลดคาร์บอน: เครื่องมือช่างในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

จากแผนการบนกระดาษ PETRONAS ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ในปี 2024 เพียงปีเดียว บริษัทได้ดำเนิน โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 41 โครงการ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซได้ถึง 1.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2e) โดยมี 4 กลยุทธ์หลักเป็นเครื่องมือสำคัญ

  1. การลดการเผาทิ้งและปล่อยก๊าซ (Zero Routine Flaring and Venting): ถือเป็น “ผลไม้ที่เก็บเกี่ยวง่ายที่สุด (Low-Hanging Fruit)” ในการลดการปล่อยก๊าซ PETRONAS ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง โดยธุรกิจต้นน้ำในมาเลเซียสามารถบรรลุเป้าหมาย “การหยุดเผาก๊าซทิ้งโดยไม่จำเป็น” ได้ 100% ซึ่งในปี 2024 กลยุทธ์นี้เพียงอย่างเดียวสามารถลดการปล่อยก๊าซได้ถึง 1.131 MtCO2e

  2. ประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency): คือการ “ทำมากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง” บริษัทได้นำมาตรฐานสากล ISO 50001 มาใช้ในการจัดการพลังงาน และปรับปรุงกระบวนการในโรงงานอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือโครงการริเริ่มด้านประสิทธิภาพที่ Pengerang Integrated Complex ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซได้อย่างมหาศาล คิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซได้ 0.165 MtCO2e ในปีเดียว

  3. การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด (Electrification): เป็นการเปลี่ยนแหล่งพลังงานสำหรับกระบวนการผลิต จากเดิมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ มาสู่การใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซที่หน้างาน (Scope 1) ได้อย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างสำคัญคือการวางแผนนำไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้าพลังน้ำของรัฐซาราวักมาใช้ใน โรงงาน Petronas LNG Complex ที่เมืองบินตูลู

  4. การดักจับและจัดเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage – CCS): นี่คือกลยุทธ์ที่มองไปข้างหน้าและอาจเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer)” PETRONAS ไม่ได้มอง CCS เป็นเพียงแค่เครื่องมือลดคาร์บอน แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยตั้งเป้าผลักดันให้มาเลเซียกลายเป็น ศูนย์กลาง CCS ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การเข้าถือครองที่ดินสำหรับศูนย์กลางทางตอนใต้ และการลงนามข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจถึง 11 ฉบับ เพื่อพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของ CCS เป็นเครื่องยืนยันถึงความทะเยอทะยานนี้

นอกจากคาร์บอนไดออกไซด์ PETRONAS ยังแสดงบทบาทผู้นำในการจัดการ ก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบรุนแรงกว่า CO2 ในระยะสั้น ผ่านการริเริ่มโครงการระดับภูมิภาคอย่าง ASEAN Energy Sector Methane Roundtable และการร่วมมือกับองค์กรระดับโลก

PETRONAS

เส้นทางสู่ Net Zero: เป้าหมายที่ชัดเจนและความก้าวหน้าที่จับต้องได้

ความน่าเชื่อถือของกลยุทธ์นี้อยู่ที่เป้าหมายที่ชัดเจนและผลลัพธ์ที่วัดผลได้ ปิโตรนาส ได้เปิดเผยตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม:

  • เป้าหมายปี 2024: จำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Scope 1 & 2) ไว้ที่ 49.5 MtCO2e
    • ผลสำเร็จล่าสุด (ปี 2023): ทำได้ดีกว่าเป้า โดยปล่อยก๊าซเพียง 46.55 MtCO2e
  • เป้าหมายปี 2025: ลดการปล่อยก๊าซมีเทนลง 50% จากระดับปี 2019
  • เป้าหมายปี 2030: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมลง 25% และลดก๊าซมีเทนลงถึง 70%
  • เป้าหมายสูงสุดปี 2050: บรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

จนถึงปัจจุบัน บริษัทสามารถ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้แล้วมากกว่า 21 MtCO2e นับตั้งแต่ปี 2012 และที่น่าประทับใจอย่างยิ่งคือสามารถ ลดการปล่อยก๊าซมีเทนในห่วงโซ่คุณค่าก๊าซธรรมชาติได้แล้วกว่า 60% จากระดับปี 2019

กรณีศึกษา: PCG Specialty Chemicals – ขุมพลังขับเคลื่อนการเติบโตแห่งอนาคต

การเดิมพันใน “เคมีภัณฑ์แห่งอนาคต” สะท้อนให้เห็นชัดเจนผ่านการปฏิวัติของ Petronas Chemical Group (PCG) ซึ่งได้ยกระดับหน่วยธุรกิจ “เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ” ให้กลายเป็น “หน่วยธุรกิจขับเคลื่อนการเติบโตเชิงกลยุทธ์” ของทั้งกลุ่มบริษัท

นี่คือการก้าวข้ามจากการผลิตสารตั้งต้นพื้นฐาน ไปสู่การสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ของโลกโดยตรง เช่น:

  • ยานยนต์ไฟฟ้า (EVs): พัฒนาวัสดุน้ำหนักเบาและสารหล่อเย็นสำหรับแบตเตอรี่
  • ปัญญาประดิษฐ์และดาต้าเซ็นเตอร์ (AI & Data Centers): ผลิตของเหลวสำหรับระบายความร้อน (Coolant Fluids) ประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการประมวลผลที่ร้อนระอุ
  • ความยั่งยืนและสุขภาพ: สร้างสรรค์สารเคลือบผิวที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กลยุทธ์นี้ไม่เพียงสร้างการเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังทำให้ ปิโตรนาส กลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีอัตรากำไรและศักยภาพในการเติบโตสูงกว่าธุรกิจเคมีภัณฑ์แบบดั้งเดิมอย่างมาก

กรอบการทำงานด้านความยั่งยืน: จิตวิญญาณที่ขับเคลื่อนกลยุทธ์

เบื้องหลังการลงมือปฏิบัติทั้งหมดคือกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมและเป็นองค์รวม ซึ่งเปรียบเสมือนจิตวิญญาณขององค์กรในยุคใหม่ ประกอบด้วย 3 มิติสำคัญ:

  1. การเติบโตไปพร้อมกับธรรมชาติ (Thriving with Nature): PETRONAS ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าการดูแลสภาพภูมิอากาศและธรรมชาติเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ โดยตั้งเป้าหมายเชิงบวกต่อธรรมชาติ (Nature-Positive) ที่ท้าทาย เช่น “ไม่มีการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพสุทธิ (No Net Loss)” สำหรับโครงการปัจจุบัน และ “สร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิ (Net Positive Impact)” สำหรับโครงการใหม่ โครงการ “Blue Carbon Collective” ที่ร่วมมือกับบราซิลในการวิจัยและปลูกป่าชายเลน 100,000 ต้น คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการนำเป้าหมายนี้ไปสู่การปฏิบัติ

  2. การส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Fostering a Just Transition): นี่คือมิติทางสังคมที่แสดงถึงวุฒิภาวะขององค์กร ปิโตรนาส เข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงาน ห่วงโซ่อุปทาน และชุมชน การจัดตั้ง “คณะทำงานเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม” (Just Transition Task Force) ในเดือนพฤษภาคม 2024 และการยึดมั่นใน “นโยบายสิทธิมนุษยชนของปิโตรนาส” คือคำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เคารพต่อสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง

  3. การส่งมอบเป้าหมาย Net Zero (Delivering Net Zero): คือพันธสัญญาหลักที่ได้แสดงให้เห็นผ่านเป้าหมายและผลการดำเนินงานที่ชัดเจน ซึ่งเป็นแกนกลางที่ยึดโยงทุกกิจกรรมขององค์กรไว้ด้วยกัน

บทสรุป: พิมพ์เขียวสำหรับอนาคต

การพลิกยุทธศาสตร์ครั้งประวัติศาสตร์ของ ปิโตรนาส ไม่ใช่แค่เรื่องราวของบริษัทเดียว แต่ยังเป็นกรณีศึกษาที่น่าจับตาสำหรับบริษัทน้ำมันแห่งชาติ (NOCs) อื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา มันคือบทพิสูจน์ว่าความเป็นผู้นำด้านพลังงานในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้วัดกันที่ปริมาณการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกต่อไป แต่วัดกันที่ความสามารถในการปรับตัว การสร้างสรรค์นวัตกรรม และความรับผิดชอบต่อโลก

การเดินทางของ ปิโตรนาส ยังอีกยาวไกลและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ทิศทางได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว การเดิมพันอนาคตด้วยพลังงานสะอาดและเคมีภัณฑ์แห่งอนาคต คือการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่จะเปลี่ยนยักษ์ใหญ่แห่งโลกเก่าให้กลายเป็นผู้กำหนดนิยามใหม่ของ “พลังงาน” สำหรับคนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง

#Petronas #ข่าวเศรษฐกิจ #พลังงาน #NetZero2050 #ความยั่งยืน #EnergyTransition #การเปลี่ยนผ่านพลังงาน #ลดคาร์บอน #CCS #เคมีภัณฑ์ #Gentari #JustTransition #ESG #มาเลเซีย #พลังงานสะอาด #ภาวะโลกร้อน

Related Posts