ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อนำโซลูชัน “Virtual Account” เข้ามาปฏิวัติระบบการบริหารจัดการเงินทุนวิจัย แก้ปัญหาคอขวดที่ล่าช้ายาวนาน 1-3 เดือน พร้อมยกระดับความโปร่งใส คล่องตัว และประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนงานวิจัยของชาติสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นับเป็นก้าวสำคัญของวงการการศึกษาและสถาบันการเงินไทย เมื่อธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อส่งมอบบริการบริหารจัดการเงินสดแบบดิจิทัล “Virtual Account” ให้กับฝ่ายวิจัยของมหาวิทยาลัย ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินทุนสำหรับโครงการวิจัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ
เปิดปมปัญหาใหญ่: ความล่าช้าในการบริหารทุนวิจัยของชาติ
ในปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำที่มีบทบาทอย่างสูงในด้านการวิจัยและพัฒนา โดยมีนักวิจัยในสังกัดมากถึงประมาณ 2,800 คน และมีโครงการวิจัยที่ดำเนินการในแต่ละปีมากกว่า 400 โครงการ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องและความรวดเร็วของงานวิจัย คือกระบวนการบริหารจัดการเงินทุนที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
ปัญหาหลักเกิดจากเงินทุนวิจัยที่มาจากหลากหลายแหล่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน จะถูกโอนเข้ามายังบัญชีกลางของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดความล่าช้าในการระบุที่มาของเงินทุนและกระทบยอดเพื่อจัดสรรไปยังโครงการวิจัยแต่ละโครงการได้อย่างถูกต้อง กระบวนการดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลานานถึง 1-3 เดือน ซึ่งกลายเป็นปัญหาคอขวดที่ทำให้นักวิจัยได้รับเงินทุนล่าช้า และส่งผลกระทบโดยตรงต่อความก้าวหน้าของโครงการวิจัยนั้นๆ
UOB Virtual Account: โซลูชันทางการเงิน ปลดล็อกศักยภาพงานวิจัย
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ธนาคารยูโอบีได้นำเสนอโซลูชันบริหารจัดการเงินสดแบบดิจิทัลVirtual Account ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรขนาดใหญ่ที่มีธุรกรรมซับซ้อนโดยเฉพาะ
ระบบVirtual Account ทำงานโดยการสร้างหมายเลขบัญชีเสมือน (Virtual Account Number) ที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละโครงการวิจัย เมื่อแหล่งทุนโอนเงินเข้ามายังหมายเลขบัญชีเสมือนดังกล่าว ระบบของธนาคารจะสามารถระบุได้ทันทีว่าเงินจำนวนนั้นเป็นของโครงการวิจัยใด โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกระทบยอดในบัญชีกลางที่ใช้เวลานานอีกต่อไป ซึ่งช่วยลดขั้นตอน ลดงานเอกสาร และทำให้กระบวนการรับ-จ่ายเงินทุนเป็นไปโดยอัตโนมัติและรวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Deputy CEO และ Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการนำความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการเงินสดของธนาคารมาช่วยยกระดับมาตรฐานของการทำงานวิจัยของทางมหาวิทยาลัย โซลูชันVirtual Account ได้รับการออกแบบมาให้ลดขั้นตอนการรับ-จ่ายเงินทุน สำหรับงานวิจัย อำนวยความสะดวกให้งานวิจัยต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวมากขึ้น”
คำกล่าวของนางวีระอนงค์สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยูโอบีในการใช้เทคโนโลยีทางการเงินเพื่อสนับสนุนภาคการศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ
จุฬาฯ ชี้ เพิ่มความโปร่งใส ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม
ทางด้านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมองว่า การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายใน แต่ยังสอดคล้องกับเป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยในการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมในวงกว้าง
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ทัศนะไว้อย่างน่าสนใจว่า “ในฐานะสถาบันการศึกษาของประเทศ หนึ่งในเป้าหมายของเรา คือช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ผ่านโครงการศึกษาวิจัยต่างๆ ของทางมหาวิทยาลัย การบริหารจัดการทุนวิจัยผ่านระบบVirtual Account ของธนาคารยูโอบี ช่วยลดขั้นตอนการทำงานเอกสาร และทำให้เกิดความโปร่งใส เนื่องจากนักวิจัยสามารถตรวจสอบกระบวนการเบิกจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้รับเงินทุนรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้สามารถพัฒนางานวิจัยได้อย่างต่อเนื่อง”
ประโยชน์ที่ได้รับจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การบริหารภายใน แต่ยังส่งผลดีต่อนักวิจัยโดยตรง ที่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระงานธุรการ และสามารถทุ่มเทสมาธิให้กับการวิจัยได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ระบบยังสร้างความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นหลักธรรมาภิบาลที่สำคัญสำหรับองค์กรขนาดใหญ่
ก้าวสู่ Digital Transformation ของสถาบันการศึกษา
ความร่วมมือระหว่างยูโอบีและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครั้งนี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำ Digital Transformation ในภาคสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นแนวโน้มที่องค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกกำลังมุ่งไป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และสร้างความคล่องตัวในการบริหารจัดการ การปรับเปลี่ยนกระบวนการทางการเงินจากรูปแบบเดิมที่พึ่งพาเอกสารและแรงงานคน ไปสู่ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล จะช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต
การที่สถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศสามารถเร่งกระบวนการพัฒนานวัตกรรมได้เร็วขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในด้านการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ การต่อยอดเชิงพาณิชย์ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก
ทั้งนี้ ธนาคารยูโอบีเป็นธนาคารชั้นนำในระดับภูมิภาคเอเชีย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์และมีเครือข่ายครอบคลุม 19 ประเทศทั่วโลก ธนาคารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงจากสถาบันชั้นนำอย่าง Moody’s (Aa1), Fitch Ratings (AA-) และ S&P Global Ratings (AA-) สำหรับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศ มีเครือข่ายสาขาและเครื่องเอทีเอ็มครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมมุ่งมั่นส่งมอบบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
#UOB #Chula #VirtualAccount #DigitalTransformation #CashManagement #Fintech #วิจัยและพัฒนา #ทุนวิจัย #ยูโอบี #จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #นวัตกรรม #เศรษฐกิจดิจิทัล