ไทยปักธงศูนย์กลางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งเอเชีย ผนึกกำลัง มทส. และ สอวน. เป็นเจ้าภาพจัด “Asian Science Camp 2025” ครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปี ดึง 3 นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล พร้อมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหัวกะทิ 22 ประเทศ สะท้อนศักยภาพไทยในการเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ระดับนานาชาติ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ MICE และการท่องเที่ยวโคราช โชว์ซอฟต์พาวเวอร์และโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง หวังจุดประกายการลงทุนและสร้างบุคลากรคุณภาพสูงขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศในระยะยาว
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ประเทศไทยเตรียมพร้อมต้อนรับการจัดงานวิชาการระดับนานาชาติครั้งสำคัญอีกครั้ง กับการเป็นเจ้าภาพจัด “ค่ายวิทยาศาสตร์เยาวชนภูมิภาคเอเชีย ประจำปี 2568” หรือ “Asian Science Camp 2025” (ASC2025) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2568 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 และเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จังหวัดนครราชสีมา การกลับมาเป็นเจ้าภาพในรอบทศวรรษนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นที่นานาชาติมีต่อประเทศไทย แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพทางเศรษฐกิจ การศึกษา และการท่องเที่ยวสู่สายตาชาวโลก
ในงานแถลงข่าวความพร้อมการจัดงาน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ณ กระทรวงศึกษาธิการ โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้รับเกียรติจาก
ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของงานนี้ว่า “กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับการยกระดับศักยภาพเยาวชนไทยสู่เวทีโลก โดยเฉพาะการเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ผ่านเวทีที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนต่างชาติและนักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้า” พร้อมชี้ว่า “ASC2025 จึงเป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับเยาวชนไทยที่จะได้เรียนรู้ ลงมือทำ และสร้างแรงบันดาลใจจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ระดับโลก และยังเป็นเวทีที่ประเทศไทยสามารถแสดงศักยภาพทางวิชาการและความพร้อมในระดับนานาชาติได้อย่างเต็มที่” ซึ่งการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี้ ถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในอนาคต
ดึง 3 นักวิทย์รางวัลโนเบล ปั้นเครือข่ายเยาวชนแห่งอนาคต
ไฮไลท์สำคัญที่สุดของงาน ASC2025 คือการรวมตัวของนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก ซึ่งรวมถึงผู้ได้รับรางวัลโนเบลถึง 3 ท่าน ที่จะมาร่วมบรรยายพิเศษและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนผู้เข้าร่วมกว่า 235 คน จาก 22 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีรายนามดังนี้
- Prof. Dr. Sir Gregory Paul Winter
(รางวัลโนเบลสาขาเคมี ปี 2018) จากผลงานการพัฒนาเทคนิค Phage Display ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมยาชีวภาพมูลค่ามหาศาล
- Prof. Dr. Drew Weissman
(รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปี 2023) ผู้บุกเบิกการพัฒนาเทคโนโลยีวัคซีน mRNA ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 และกำลังจะปฏิวัติวงการแพทย์
- Prof. Dr. Takaaki Kajita
(รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ปี 2015) จากการค้นพบปรากฏการณ์การแกว่งของนิวทริโน ซึ่งเป็นการเปิดพรมแดนใหม่ของความรู้ด้านฟิสิกส์อนุภาค
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ม.ร.ว.ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานฯ เปิดเผยว่า นอกจากการบรรยายโดยนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลแล้ว ยังมี Plenary Speakers ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังระดับโลกอีก 5 ท่าน และนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ชาวไทยที่มีชื่อเสียงอีก 15 ท่านมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การสร้างเครือข่ายระหว่างเยาวชนหัวกะทิและนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความร่วมมือทางวิชาการและนวัตกรรมข้ามพรมแดนในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานความรู้ของภูมิภาค
มทส. โชว์ความพร้อม ดัน “โคราช” สู่เมืองแห่งการเรียนรู้และ MICE
รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี มทส. ได้ยืนยันความพร้อมในทุกมิติ ทั้งด้านสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และประสบการณ์ในการจัดงานระดับนานาชาติ การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะแสดงศักยภาพของมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัด “นครชัยบุรินทร์” (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์)
“มทส. มีความพร้อมอย่างยิ่งในการเป็นเจ้าภาพ และรู้สึกเป็นเกียรติที่คณาจารย์ของเราถึง 6 ท่านได้รับเชิญเป็นวิทยากร ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับในผลงานวิจัยและนวัตกรรมระดับเอเชีย เรายังได้เปิดโอกาสให้นักเรียนและครูในพื้นที่กว่า 1,000 คน เข้าร่วมรับฟังการบรรยายจากนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อกระจายโอกาสและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในภูมิภาค อันเป็นการเชื่อมต่อวิทยาศาสตร์ระดับโลกสู่ท้องถิ่น” อธิการบดี มทส. กล่าว
การจัดงานระดับนานาชาติเช่นนี้ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions) ของจังหวัดนครราชสีมาและพื้นที่ใกล้เคียง ก่อให้เกิดการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ทั้งในภาคโรงแรม ที่พัก การขนส่ง อาหาร และบริการต่างๆ ซึ่งเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนโดยตรง
ผสานวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์
ศาสตราจารย์ ดร.สันติ แม้นศิริ คณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มทส. กล่าวเสริมว่า ASC2025 ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าค่ายวิทยาศาสตร์ แต่เป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสกับความเป็นไทยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ศิลปะป้องกันตัวมวยไทย, การทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน, ดนตรีพื้นบ้านโปงลาง, และการชิมอาหารท้องถิ่นอย่างหมี่โคราชและแมลงทอด
นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมทัศนศึกษาไปยังสถานที่สำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา อาทิ:
- อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่: แหล่งมรดกโลกที่สะท้อนความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy)
- อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย และแหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท: แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น
- พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน: แหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาและวิวัฒนาการ
- สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน): การเยี่ยมชมโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจของการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้
กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ แต่ยังเป็นการนำเสนอ “ซอฟต์พาวเวอร์” ของไทย ทั้งในมิติของวัฒนธรรม อาหาร และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาและประเทศไทยในเวทีโลก
เฉลิมพระเกียรติและแสดงศักยภาพชาติ
การจัดงาน ASC2025 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา โดยมหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการพระราชกรณียกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของพระองค์ ซึ่งสะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์ในการนำวิทยาศาสตร์มาพัฒนาประเทศผ่านความร่วมมือระดับนานาชาติ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา รองประธานมูลนิธิ สอวน. กล่าวทิ้งท้ายว่า “การได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพอีกครั้ง แสดงถึงความเชื่อมั่นในความสามารถและความพร้อมของประเทศไทยทั้งด้านบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และผลงานวิชาการระดับนานาชาติ”
โดยสรุป การเป็นเจ้าภาพจัดงาน Asian Science Camp 2025 ถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญของประเทศไทยในการแสดงบทบาทผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชีย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์คุณภาพสูง พร้อมทั้งยังเป็นการใช้เวทีวิชาการระดับโลกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรม MICE ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์และซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว
#AsianScienceCamp2025 #ASC2025 #เศรษฐกิจไทย #วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี #มทส #สอวน #รางวัลโนเบล #MICE #โคราช #ประเทศไทย #นวัตกรรม #การศึกษา #ซอฟต์พาวเวอร์