Cloudflare พลิกสมการ AI ปิดทางใช้ข้อมูลเว็บฟรี ปูทางโมเดลธุรกิจใหม่

Cloudflare พลิกสมการ AI ปิดทางใช้ข้อมูลเว็บฟรี ปูทางโมเดลธุรกิจใหม่

Cloudflare ประกาศเปลี่ยนสมการการเข้าถึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตของ AI Crawlers จากที่เคยดึงไปใช้ได้อย่างอิสระ สู่โมเดลที่ต้องได้รับอนุญาต (Permission-Based Model) เป็นค่าเริ่มต้น ปิดฉากการนำเนื้อหาไปใช้โดยพลการ พร้อมปูทางสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยุติธรรมสำหรับผู้สร้างสรรค์เนื้อหาและบริษัท AI

กรุงเทพฯ, ประเทศไทยCloudflare, Inc. (NYSE: NET) บริษัทชั้นนำด้านคลาวด์เพื่อการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (Connectivity Cloud) ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล ด้วยการประกาศเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตรายแรกที่บล็อก AI crawlers ที่เข้าถึงเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนตามค่าเริ่มต้น การเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์นี้มีเป้าหมายเพื่อคืนอำนาจการควบคุมข้อมูลสู่มือของเจ้าของเว็บไซต์และผู้สร้างสรรค์เนื้อหา พร้อมทั้งสร้างสมดุลใหม่ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าของเว็บไซต์ที่ใช้บริการของ Cloudflare จะสามารถตัดสินใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะอนุญาตให้ AI crawlers จากบริษัทใดเข้าถึงเนื้อหาของตนได้บ้าง และจะให้นำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้อย่างไร ในขณะเดียวกัน บริษัท AI ก็สามารถระบุวัตถุประสงค์ของ crawler ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลไปใช้เพื่อการฝึกฝน (Training), การอนุมาน (Inference) หรือการค้นหา (Search) ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่โปร่งใสยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกฝ่ายในระบบนิเวศอินเทอร์เน็ต

เมื่อสมการเก่าพังทลาย: วิกฤตของผู้สร้างเนื้อหาในยุค AI

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่อินเทอร์เน็ตดำเนินอยู่บนหลักการแลกเปลี่ยนที่เรียบง่ายและเป็นประโยชน์ร่วมกัน เครื่องมือค้นหา (Search Engines) จะรวบรวมและจัดทำดัชนีเนื้อหา จากนั้นนำผู้ใช้งานไปยังเว็บไซต์ต้นทางเพื่อดูข้อมูลฉบับเต็ม เป็นการสร้างปริมาณการเข้าชม (Traffic) และรายได้จากการโฆษณาให้กับผู้สร้างเนื้อหาทุกขนาด วงจรนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิดเนื้อหาคุณภาพสูงและหลากหลายบนโลกออนไลน์

ทว่าการมาถึงของ AI crawlers ได้ทำลายสมดุลดังกล่าวลงอย่างสิ้นเชิง บอทเหล่านี้จะกวาดข้อมูลมหาศาล ทั้งข้อความ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ไปใช้ฝึกฝนโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อสร้างคำตอบของตัวเองโดยตรง โดยไม่มีการส่งผู้ใช้งานกลับไปยังแหล่งข้อมูลต้นฉบับ ผลลัพธ์คือผู้สร้างเนื้อหาต้องสูญเสียทั้งรายได้และแรงจูงใจในการผลิตผลงานที่มีคุณภาพ ดังที่ นิโคลัส ทอมป์สัน, CEO ของ The Atlantic กล่าวว่า “เป็นเวลานานเกินไปแล้วที่บริษัท AI ยักษ์ใหญ่ได้สร้างธุรกิจขึ้นมาจากข้อมูลการเทรนที่พวกเขาไม่เคยจ่ายค่าตอบแทน และด้วยการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่พวกเขาไม่เคยขออนุญาตด้วยซ้ำ” สถานการณ์นี้กำลังกัดกร่อนรากฐานของอินเทอร์เน็ต และหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่การล่มสลายของสังคมข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพในที่สุด

Cloudflare ก้าวสู่บทบาทผู้สร้างสมดุล: คืนอำนาจสู่ผู้สร้าง

แมทธิว พรินซ์, ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Cloudflare กล่าวถึงวิสัยทัศน์เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “ถ้าเราต้องการให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่รอดปลอดภัยในยุค AI เราจำเป็นต้องมอบเครื่องมือในการควบคุมการนำเนื้อหาไปใช้ให้กับผู้เป็นเจ้าของ ผู้เผยแพร่เนื้อหาและสร้างโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เหมาะกับทุกคน… เนื้อหาต้นฉบับคือสิ่งที่ทำให้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ผ่านมา และเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สร้างสรรค์จะต้องสร้างสรรค์มันต่อไป การที่ AI crawlers รวบรวมข้อมูลเนื้อหาได้อย่างไม่มีขีดจำกัดทำให้เรามีเป้าหมายที่จะส่งมอบอำนาจคืนสู่มือของผู้สร้างสรรค์เนื้อหา และยังสามารถให้บริษัท AI สร้างสรรค์นวัตกรรมได้เหมือนเดิม นี่เป็นเรื่องของการปกป้องอนาคตของการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเสรีและมีสีสันด้วยโมเดลใหม่ที่เหมาะกับทุกคน”

Cloudflare อาศัยเครือข่ายขนาดมหึมาที่จัดการปริมาณการใช้งานเว็บถึง 20% ทั่วโลก และเทคโนโลยีการจัดการบอทที่ล้ำสมัยในการแยกแยะระหว่างผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์กับ AI crawlers ได้อย่างแม่นยำ บริษัทได้เริ่มนำร่องด้วยฟีเจอร์บล็อก AI crawlers แบบคลิกเดียวเมื่อเดือนกันยายน 2567 ซึ่งมีลูกค้ากว่าหนึ่งล้านรายเลือกใช้งาน

และในวันนี้ Cloudflareได้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยการบังคับใช้โมเดลที่ต้องขออนุญาต (Permission-based model) อย่างเต็มรูปแบบ โดยโดเมนใหม่ทุกโดเมนที่สมัครใช้งาน Cloudflareจะถูกตั้งคำถามตั้งแต่แรกว่าจะอนุญาตให้ AI crawlers เข้าถึงหรือไม่ ถือเป็นการตั้งค่าการควบคุมเป็นค่าเริ่มต้น (default setting) ซึ่งเปลี่ยนจากเดิมที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องเข้าไปตั้งค่าปิดกั้นด้วยตนเอง

เสียงสะท้อนจากยักษ์ใหญ่สื่อและเทคโนโลยี: การสนับสนุนท่วมท้น

การตัดสินใจของ Cloudflareได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมสื่อ เทคโนโลยี และผู้สร้างสรรค์เนื้อหากว่า 40 แห่งทั่วโลก ซึ่งมองว่านี่คือการเคลื่อนไหวที่จำเป็นต่อการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของเว็บ

  • กลุ่มผู้เผยแพร่เนื้อหาและสำนักข่าว:
    • Roger Lynch, CEO ของ Condé Nast กล่าวว่า “แนวทางสร้างสรรค์ของ Cloudflare ในการบล็อก AI crawlers นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับเจ้าของผู้เผยแพร่เนื้อหา และกำหนดมาตรฐานใหม่ในการให้ความเคารพเนื้อหาทางออนไลน์”
    • Neil Vogel, CEO ของ Dotdash Meredith ย้ำว่า “แพลตฟอร์ม AI จะต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เผยแพร่ต้นทางและผู้สร้างสรรค์อย่างยุติธรรม… ตอนนี้เราสามารถจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาของเราให้เฉพาะกับพันธมิตรด้าน AI ที่เต็มใจจะตกลงกันอย่างยุติธรรมเท่านั้น”
    • Renn Turiano, Chief Consumer and Product Officer ของ Gannett Media (ผู้พิมพ์ USA TODAY) ระบุว่า “การปิดกั้นการดึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตและการใช้เนื้อหาต้นฉบับของเราโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่ยุติธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง”
    • Kristin Heitmann, Chief Revenue Officer ของ The Associated Press ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในกรอบการทำงานนี้ “ซึ่งจะช่วยให้แน่ใจว่าทรัพย์สินทางปัญญาได้รับการคุ้มครอง และผู้สร้างเนื้อหาทุกคนได้รับค่าตอบแทนผลงานของตนอย่างยุติธรรม”
    • Anastasia Nyrkovskaya, CEO ของ Fortune สนับสนุนความคิดริเริ่มนี้ในการ “จัดเตรียมกรอบการทำงานที่รองรับการใช้งานเนื้อหาอย่างเท่าเทียมกันโดยบริษัท AI และส่งเสริมความยั่งยืนในหมู่เจ้าของผู้เผยแพร่เนื้อหา”
  • กลุ่มแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและพันธมิตร:
    • Steve Huffman, ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Reddit ให้ความเห็นว่า “แพลตฟอร์มใด ๆ บนเว็บควรมีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้ใครนำเนื้อหาของตนไปใช้ทำอะไร… ความพยายามของ Cloudflare นับเป็นก้าวย่างในทิศทางที่ถูกต้องสำหรับทุกคน”
    • Bill Ready, CEO ของ Pinterest มุ่งมั่นที่จะ “สร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่แข็งแรง ที่ซึ่งเนื้อหาจะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ เพื่อให้ผู้สร้างและผู้เผยแพร่สามารถเติบโตได้”
    • Boyd Muir, Chief Operating Officer ของ Universal Music Group กล่าวต้อนรับความคิดริเริ่มนี้ที่จะ “ช่วยแก้ไขปัญหาการดึงข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์และเชิงพาณิชย์โดยนักพัฒนาโมเดล AI อย่างไม่เลือกหน้า”
    • Prashanth Chandrasekar, CEO ของ Stack Overflow ชี้ว่า “แพลตฟอร์มชุมชนที่สนับสนุน LLM ควรได้รับค่าตอบแทนสำหรับการสนับสนุนที่มอบให้ เพื่อนำมาตอบแทนให้กับชุมชนของพวกเขาได้”
  • กลุ่มองค์กรและผู้สนับสนุนสิทธิในเนื้อหา:
    • Danielle Coffey, President & CEO ของ News/Media Alliance มองว่าเครื่องมือของCloudflare “มอบกรอบการทำงานที่แข็งแกร่ง รองรับการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมมากขึ้น”
    • Jason Kint, CEO ของ Digital Content Next กล่าวอย่างชัดเจนว่า “การอนุญาตคือกฎหมายเมื่อพูดถึงเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ การเคลื่อนไหวของ Cloudflare ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่ยุติธรรม”

ปูทางสู่โมเดลธุรกิจใหม่: Pay-Per-Crawl และอนาคตของเว็บ

นอกจากการบล็อกโดยค่าเริ่มต้นแล้ว Cloudflareยังได้นำเสนอแนวคิดโมเดลธุรกิจใหม่ที่อาจมาพลิกโฉมวงการ นั่นคือ

“การคิดเงินตามจำนวนครั้งที่เข้าไปเก็บข้อมูล” (Pay-Per-Crawl) ซึ่งเป็นระบบที่เปิดโอกาสให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจาก AI crawlers ในการเข้าถึงเนื้อหาได้โดยตรง โมเดลนี้ไม่เพียงแต่สร้างช่องทางรายได้ใหม่ให้กับผู้สร้าง แต่ยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้บริษัท AI เลือกใช้ข้อมูลคุณภาพสูงอย่างมีความรับผิดชอบ

พร้อมกันนี้ Cloudflareยังทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างระบบนิเวศที่โปร่งใสยิ่งขึ้น โดยได้เสนอวิธีการใหม่ๆ ให้บอท AI สามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนได้อย่างน่าเชื่อถือ รวมถึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาโปรโตคอลมาตรฐานสาธารณะเพื่อให้เจ้าของบอทสามารถระบุตัวตนและวัตถุประสงค์ของตนเองได้อย่างเป็นระบบ

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของ Cloudflareไม่ใช่เป็นเพียงแค่การอัปเดตฟีเจอร์ทางเทคนิค แต่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังทั้งอุตสาหกรรมว่า ยุคของการนำข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตไปใช้ฟรีๆ โดยปราศจากการยินยอมกำลังจะสิ้นสุดลง และกำลังจะเริ่มต้นยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “การอนุญาต” “ความโปร่งใส” และ “การแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม” ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการรักษาระบบนิเวศอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้างและเปี่ยมด้วยเนื้อหาคุณภาพสูงให้คงอยู่ต่อไปในยุคของปัญญาประดิษฐ์

#Cloudflare #AICrawler #DigitalContent #Copyright #FairCompensation #PermissionBased #FutureOfInternet #TechNews #เศรษฐกิจดิจิทัล #ข่าวเศรษฐกิจ

Related Posts