สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการกฎหมายไทย จับมือ ไมโครซอฟท์ นำเทคโนโลยีคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เปิดตัวระบบ “TH2OECD” วิเคราะห์กฎหมายกว่า 70,000 ฉบับ เทียบมาตรฐานสากลแบบเรียลไทม์ ปูทางประเทศไทยสู่การเป็นสมาชิก OECD อย่างยั่งยืน หวังปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุน และสร้างความโปร่งใสให้ภาครัฐ
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ณ อาคารอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของภูมิภาค วันนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการปฏิรูปเชิงดิจิทัลครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ซึ่งมีภารกิจในการดูแลโครงสร้างกฎหมายของประเทศมาอย่างยาวนานกว่าศตวรรษ กำลังเดินหน้าครั้งสำคัญในการนำพาประเทศสู่ยุคใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์ เพื่อปฏิรูประบบกฎหมายไทยให้ทันสมัย และที่สำคัญคือการเร่งผลักดันเป้าหมายของประเทศในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD)
ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงเป็นการยกระดับกระบวนการยกร่างและปรับปรุงกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ประเทศไทยบนเวทีโลก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมนานาชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจ โดยเน้นย้ำว่าหัวใจของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อยู่ที่ “คน” เป็นหลัก “การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือเรื่องของคน และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น และสนับสนุนความก้าวหน้าของประเทศไทย” คำกล่าวนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ความท้าทายมหาศาลของระบบกฎหมายไทย
ระบบกฎหมายของประเทศไทยมีความซับซ้อนอย่างยิ่ง ด้วยจำนวนกฎหมายที่มีอยู่มากกว่า 70,000 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติ, กฎกระทรวง, พระราชกฤษฎีกา, ประกาศ และแนวทางปฏิบัติอีกมากมายมหาศาล ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่จำนวนเท่านั้น แต่อยู่ที่ความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนระหว่างกฎหมายแต่ละฉบับ
“เอกสารทางกฎหมายเหล่านี้มีจำนวนมากและมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างยิ่ง” นายปกรณ์ อธิบาย “กฎหมายแต่ละฉบับอาจมีผลต่อหรือถูกจำกัดโดยกฎหมายอื่น ๆ อีก และทุกฉบับต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมถึงมาตรฐานสากล การดูแลให้ทุกอย่างเชื่อมโยงและสอดคล้องกันจึงเป็นภารกิจที่สำคัญมาก”
ในอดีต กระบวนการตรวจสอบและเปรียบเทียบกฎหมายต้องอาศัยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ค้นคว้าจากเอกสารฉบับพิมพ์ และองค์ความรู้ที่สั่งสมมาภายในองค์กรเป็นหลัก แม้จะมีการริเริ่มสร้างฐานข้อมูลกฎหมายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดด้านการสืบค้นข้อมูลเชิงลึก การจัดโครงสร้างที่ไม่เอื้อต่อการวิเคราะห์ และการเข้าถึงที่ยังไม่สะดวกนัก อุปสรรคเหล่านี้ไม่เพียงทำให้กระบวนการทำงานล่าช้า แต่ยังเป็นความเสี่ยงต่อการสร้างกฎหมายที่อาจไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ
TH2OECD: AI พลิกโฉมการเปรียบเทียบกฎหมาย
เพื่อก้าวข้ามความท้าทายดังกล่าว สคก. ได้จับมือกับ ไมโครซอฟท์ และบริษัท STelligence ซึ่งเป็นพันธมิตร พัฒนาระบบ “TH2OECD” ซึ่งถือเป็นหัวใจของการปฏิรูปครั้งนี้ TH2OECD คือระบบ AI เพื่อการเปรียบเทียบกฎหมาย ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Microsoft Azure OpenAI ซึ่งมีความสามารถในการวิเคราะห์และเปรียบเทียบกฎหมายไทยกว่า 70,000 ฉบับ กับข้อกำหนดและเครื่องมือทางกฎหมายของ OECD กว่า 270 ฉบับ ได้แบบเรียลไทม์
หนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการยกระดับกฎหมายไทยสู่สากลคือ “กำแพงด้านภาษา” นายปกรณ์กล่าวว่า “ที่ผ่านมาภาษาเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการทำให้กฎหมายไทยสอดคล้องกับมาตรฐานสากล แต่วันนี้ ด้วยเครื่องมือแปลภาษาและเปรียบเทียบที่ขับเคลื่อนด้วย AI เราสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้นได้”
ระบบ TH2OECD ใช้เทคโนโลยี AI ในการแปลกฎหมายไทยเป็นภาษาอังกฤษ และแปลข้อกำหนดของ OECD กลับเป็นภาษาไทยโดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงในการทำความเข้าใจและวิเคราะห์ภาษาของมนุษย์ เพื่อเปรียบเทียบเนื้อหาของกฎหมายทั้งสองฝั่งและชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างหรือช่องว่างได้อย่างชัดเจน กระบวนการนี้ช่วยให้นักกฎหมายของ สคก. สามารถประเมินความสอดคล้องและเสนอแนวทางการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิมอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ การดำเนินงานทั้งหมดอยู่บนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure ทำให้ สคก. สามารถเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลกฎหมายจากเดิมที่เป็นไฟล์ PDF ซึ่งค้นหาเนื้อหาได้ยาก ไปสู่การจัดเก็บในรูปแบบที่เป็นโครงสร้างและสามารถสืบค้นได้ทันที อีกทั้งยังมีการนำเครื่องมืออย่าง Microsoft 365 และ Copilot มาใช้เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันของทีมงาน ทำให้สามารถอัปเดตเอกสารและวิเคราะห์นโยบายร่วมกันได้จากทุกที่ทั่วประเทศ
มุมมองพันธมิตร: ตอกย้ำความเป็นผู้นำของไทย
ความสำเร็จและความรวดเร็วของโครงการนี้ได้รับการยอมรับจากพันธมิตรระดับโลกอย่าง ไมโครซอฟท์ โดย นายไมค์ เย รองประธานภูมิภาคฝ่ายกิจการองค์กรภายนอกและกฎหมาย กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการนำ AI มาใช้เพื่อปรับกฎหมายไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐาน OECD ภารกิจในการเปรียบเทียบกฎหมายไทยกว่า 70,000 ฉบับกับเครื่องมือทางกฎหมายของ OECD กว่า 276 รายการภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายประเทศต้องใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ ขณะที่ สคก. ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าและความเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
คำกล่าวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของหน่วยงานภาครัฐของไทยที่พร้อมจะปรับตัวและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
ก้าวสู่สมาชิก OECD และอนาคตที่ยั่งยืน
เป้าหมายสูงสุดของการปฏิรูปกฎหมายครั้งนี้ คือการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสมาชิก OECD อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางการค้าใหม่ๆ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่มีคุณภาพ และการยกระดับความร่วมมือในระดับโลก
“การเป็นสมาชิก OECD ไม่ใช่เพียงการได้เครื่องหมายรับรอง แต่เป็นคำมั่นสัญญาว่าเราจะยึดมั่นในมาตรฐานสากล ความโปร่งใส และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” นายปกรณ์กล่าวเสริม “ระบบ TH2OECD กำลังช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้เร็วขึ้น ด้วยการปรับโครงสร้างกฎหมายให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติระดับโลก”
ในอนาคต สคก. ยังมีแผนที่จะขยายผลความสำเร็จนี้ต่อไป โดยจะขยายการใช้งานระบบไปยังหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ พร้อมทั้งเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาไปสู่ “ศูนย์รวมข้อมูลกฎหมายส่วนกลาง” ที่ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลกฎหมายได้อย่างสะดวกและเท่าเทียม โดยมี AI เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ
การเดินทางครั้งนี้ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า เมื่อภาครัฐมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและร่วมมือกับพันธมิตรที่เชื่อถือได้ เทคโนโลยีอย่าง AI และคลาวด์ก็สามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างประโยชน์สาธารณะได้อย่างแท้จริง
นายปกรณ์ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าประทับใจว่า “เราไม่เชื่อในการเปลี่ยนแปลงเพียงเพราะต้องเปลี่ยน แต่เราเชื่อในการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยส่งเสริมพลังของผู้คน ให้ทุกกฎหมายไม่ใช่แค่มีอยู่ในเล่ม แต่สามารถเข้าถึงและปกป้องทุกคนได้จริง” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความยุติธรรม ความยั่งยืน และความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยในระยะยาว
#ข่าวเศรษฐกิจ #สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา #AI #กฎหมายไทย #OECD #ไมโครซอฟท์ #MicrosoftAzure #TH2OECD #เศรษฐกิจดิจิทัล #การลงทุน #DigitalTransformation