วงการอุดมศึกษาไทยสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ 5 มหาวิทยาลัยไทย ผงาดติดอันดับ Top 100 ของโลก จากการจัดอันดับ THE Impact Rankings 2025 สะท้อนความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) สู่เวทีสากล โดยเฉพาะ “มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์” ที่สร้างชื่อเสียงกระหึ่ม คว้าอันดับ 1 ของโลกด้านความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5) ด้านรัฐบาลชี้เป็นความสำเร็จที่สอดรับนโยบายพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของแวดวง มหาวิทยาลัยไทย เมื่อ Times Higher Education (THE) หน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลก ได้ประกาศผล “THE Impact Rankings ประจำปี 2568” ซึ่งเป็นเพียงการจัดอันดับเดียวที่ประเมินมหาวิทยาลัยทั่วโลกจากผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยในปีนี้มีสถาบันอุดมศึกษากว่า 2,526 แห่งจาก 130 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม
ผลปรากฏว่า มหาวิทยาลัยของไทยสามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีสถาบันอุดมศึกษาถึง 5 แห่ง ทะยานขึ้นติด 100 อันดับแรกของโลกในคะแนนภาพรวม (Overall Score) ตอกย้ำถึงศักยภาพและบทบาทที่สำคัญของสถาบันอุดมศึกษาไทยในการเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
5 มหาวิทยาลัยไทย ผงาด Top 100 โลก ตอกย้ำคุณภาพระดับสากล
ความสำเร็จในภาพรวมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของมหาวิทยาลัยไทยที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดย 5 มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ Top 100 ของโลก ได้แก่
- อันดับที่ 44 ร่วม: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- อันดับที่ 64 ร่วม: มหาวิทยาลัยมหิดล และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- อันดับที่ 93: มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
การที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยสามารถเข้ามาอยู่ใน 100 อันดับแรกของโลกพร้อมกันถึง 5 แห่ง ถือเป็นสัญญาณบวกที่ชี้ให้เห็นว่า การดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษาไทยในด้านการวิจัย การเรียนการสอน การบริการวิชาการ และการบริหารจัดการองค์กร กำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและตอบโจทย์ความท้าทายของโลกยุคใหม่
“ม.วลัยลักษณ์” สุดยอด! คว้าอันดับ 1 โลกด้านความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5)
นอกเหนือจากความสำเร็จในภาพรวมแล้ว สิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง คือการที่ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สามารถคว้า อันดับที่ 1 ของโลก ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 5 (SDG 5: Gender Equality) ว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเสริมอำนาจให้แก่สตรีและเด็กหญิง
ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติประวัติของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศให้โลกได้เห็นถึงความก้าวหน้าของสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนและครอบคลุม การได้รับการยอมรับในระดับโลกเช่นนี้ จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่เปิดกว้างและให้เกียรติในความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนและบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลก
รัฐบาลชื่นชมความสำเร็จ ยกเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศ
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อความสำเร็จครั้งนี้ โดยระบุว่ารัฐบาลชื่นชมในความมุ่งมั่นและศักยภาพของทุกสถาบันอุดมศึกษาไทย ทั้งคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนิสิตนักศึกษา ที่ร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs จนเป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล
“ความสำเร็จของสถาบันอุดมศึกษาไทยในเวทีโลกครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของสถาบันอุดมศึกษาไทย…ในการร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผลงานที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของสถาบันอุดมศึกษาไทยในการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายอนุกูลกล่าว
รองโฆษกฯ ยังเน้นย้ำว่า ผลงานดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมให้อุดมศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของสถาบันอุดมศึกษาไทยอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นกับสังคมและประเทศชาติในทุกมิติ
เจาะลึกความโดดเด่นรายด้าน (SDGs) ของมหาวิทยาลัยไทย
นอกเหนือจากภาพรวมและอันดับ 1 ของโลกใน SDG 5 แล้ว มหาวิทยาลัยไทยอีกหลายแห่งยังสร้างผลงานที่โดดเด่นติดอันดับสูงในเป้าหมายด้านอื่นๆ ซึ่งสะท้อนความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี): มหาวิทยาลัยมหิดล คว้า อันดับที่ 3 ของโลก ตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและการแพทย์ของประเทศและภูมิภาค
- SDG 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ): มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ใน อันดับที่ 17 ของโลก แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการสร้างหลักประกันทางการศึกษาที่ครอบคลุมและเท่าเทียม
- SDG 2 (ขจัดความหิวโหย): สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ติด อันดับที่ 18 ของโลก จากผลงานด้านการสร้างความมั่นคงทางอาหารและส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
- SDG 1 (ขจัดความยากจน): มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ติด อันดับที่ 32 ของโลก สะท้อนบทบาทในการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่
- SDG 6 (น้ำสะอาดและสุขอนามัย): มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อยู่ใน อันดับที่ 44 ของโลก จากการทำงานด้านการบริหารจัดการน้ำและสุขาภิบาลที่ยั่งยืน
- SDG 7 (พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้): มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยังคงมีผลงานที่โดดเด่นในด้านนี้เช่นกัน
“รัฐบาลพร้อมผลักดันการศึกษาไทยให้มีมาตรฐานเดียวกับระดับโลก เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทยให้ยั่งยืนและความเท่าเทียมทางเพศไปพร้อม ๆ กัน ผลการจัดอันดับในครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของประเทศ และเป็นแรงบันดาลใจให้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายอนุกูลกล่าวทิ้งท้าย
บทสรุปความสำเร็จจากเวที THE Impact Rankings 2025 ไม่เพียงแต่เป็นตัวเลขและอันดับ แต่คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่าสถาบันอุดมศึกษาของไทยกำลังเป็นมากกว่า “หอคอยงาช้าง” แต่ได้แปรเปลี่ยนเป็น “พลังขับเคลื่อน” สำคัญ ที่จะนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง และได้รับการยอมรับบนเวทีโลกอย่างแท้จริง
#มหาวิทยาลัยไทย #THEImpactRankings2025 #การศึกษาไทย #SDGs #ความยั่งยืน #Top100 #มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ #ความเท่าเทียมทางเพศ #จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #มหาวิทยาลัยมหิดล #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ #เศรษฐกิจยั่งยืน #ข่าวเศรษฐกิจ