ซีดีจีชี้ 5 Mega trends กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของของผู้บริโภคและจะเป็นตัวผลักดันให้ธุรกิจต้องปรับตัวตาม เผยจะเปลี่ยนแปลงบริบทของผู้บริโภคอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะรัฐและรัฐวิสาหกิจต้องเปลี่ยนแปลงองค์กรเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งซีดีจีได้ติดตามความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และเลือกนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสมกับความต้องการสำหรับธุรกิจของลูกค้า
ในมุมที่น่าสนใจที่สุดคือ The Future of Smart หรือการที่ AI เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีความสามารถมากกว่าหรือเท่ากับศักยภาพของมนุษย์ พร้อมที่จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้
โดยจะเข้ามาเรียนรู้ คิด วิเคราะห์ รวมไปถึงการวางแผนกลยุทธ์ และในปัจจุบันเริ่มมีบทบาทในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ วงการโลจิสติกส์ การแพทย์ การบริการ การธนาคาร อีคอมเมิร์ซ
ประเด็นต่อมาคือเรื่องของ Behavioral Revolution การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของปัจเจกบุคคล ที่เป็นผลมาจากการเข้ามาของเทคโนโลยี ซึ่งธุรกิจสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคทางช่องทางออนไลน์
เพื่อนำมาปรับใช้ในการให้บริการได้ตรงตามความต้องการของบุคคลในแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังนำพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวทางสังคม เช่นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมในคนรุ่นใหม่ เป็นต้น
3.Empowered Citizen ประชาชนมีบทบาทสำคัญ ต้องกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อสร้างนวัตกรรมทางสังคมและประชาชนทันสมัย (Smart citizen)
ซึ่งเห็นได้จากตัวอย่างแถบประเทศยุโรป ที่เปิดให้ประชาชนได้มีส่วนรวมในการเสนอข้อกฎหมายหรือข้อบังคับใช้ต่างๆ โดยการทำผ่านระบบออนไลน์ ข้อมูลเปิดเผยและประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
4.Urban World เมืองเล็ก ๆ จะได้รับการพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองที่มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล เมืองในอนาคตจะถูกสร้างบนสาธารณูปโภคอัจฉริยะ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี มีความสะดวก และปลอดภัยสูง
และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่นการปรับรูปแบบเมืองให้เป็น Smart City ในหลายประเทศ
5.Resourceful Planet การใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานทดแทน ด้วยเทคโนโลยีอย่าง IoT และ Machine Learning เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เช่น การติดตั้งแผงโซลาเซลล์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือก
โดยเปิดให้ผู้อยู่อาศัยเลือกที่จะติดตั้งแผงโซลาเซลล์ เพื่อการใช้งานภายในครัวเรือน และหากเหลือจากการใช้งานแล้วยังสามารถขายพลังงานทางเลือกนี้ให้เพื่อนบ้านได้อีกด้วย
นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีดีจี กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือแม้แต่ภาคเอกชนจะต้องเผชิญ และต้องเร่งปรับเปลี่ยนให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน
ซึ่งซีดีจีพร้อมที่จะนำความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจรแก่หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ มาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและใช้เทคโนโลยีโซลูชันเป็นธงขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ตามเทรนด์ทั้ง 5 เทรนด์ดังกล่าว
“ซีดีจีในฐานะ System Integrator ที่ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 51 แล้ว ปัจจุบันมีลูกค้าหลักเป็นภาครัฐประมาณ 90% ซึ่งการตอบสนองต่อการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลนี้ ซีดีจีพร้อมที่จะนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
รวมไปถึงการออกแบบระบบสารสนเทศสำหรับองค์กรเพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน และการเพิ่มศักยภาพด้านงานบริการสำหรับประชาชน”
โดยในปีที่ผ่านมาซีดีจีมีรายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะโต 10% สำหรับการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ซีดีจีได้เตรียมพร้อมที่จะเพิ่มพูนองค์ความรู้ของบุคลากรในองค์กร ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล
พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้เป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริงอย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำเสนอในการทำโครงการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า ซึ่งรวมไปถึงการนำเทคโนโลยีและโซลูชันที่เหมาะสมมาใช้เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขี้นระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ
ผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน และที่สำคัญที่สุดคือการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล