หัวเว่ย ประเทศไทย เปิดตัวรายงานเชิงลึก “Smart City Framework and Guidance for Thailand: แผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในจังหวัดภูเก็ต 2019” ในงาน ASEAN Smart Cities Network Conference & Exhibition 2019 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อเป็นคู่มือไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและดิจิทัลในจังหวัดภูเก็ต ทั้งข้อมูลเชิงลึกและเสนอข้อแนะนำเกี่ยวกับกรอบการทำงานที่ครบวงจร อันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพลิกโฉมเมืองให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
นายเติ้ง เฟิง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย กล่าวว่า หัวเว่ยเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี มีการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในทุกระดับมาอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยกำลังจะเป็นประเทศแรก ๆ ในภูมิภาคที่พัฒนาแผนเมืองอัจฉริยะ เราพร้อมให้คำแนะนำและโซลูชันที่จะช่วยให้การพัฒนาภูเก็ตและจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทยลุล่วงไปได้อย่างราบรื่น

โดยตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ และด้วยการทำงานที่มีประสิทธิภาพและการร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย เราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อสร้างโลกอันชาญฉลาดที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวถึงความร่วมมือจากคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และองค์กรอีกมากมายทั้งภาครัฐฯ และเอกชน ที่ทำให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เกิดขึ้นแล้วใน 6 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น และอีก 3 จังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

“ในฐานะจังหวัดนำร่อง ภูเก็ตต้องมีแผนการทำงานที่ชัดเจนและโมเดลการจัดการที่ยั่งยืน จึงจะสามารถพลิกโฉมเป็นเมืองอัจฉริยะได้ภายในปี 2020 รายงานเชิงลึกฉบับนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้การพัฒนาในภูเก็ตและในเมืองอื่น ๆ”
ด้านนายชาญชัย ถนัดค้าตระกูล หัวหน้าสำนักงาน บริษัท โรแลนด์ เบอร์เกอร์ จำกัด ประเทศไทย กล่าวว่า เรานำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดตามมาตรฐานระดับโลกมาใช้วิเคราะห์ปัญหาและข้อกำหนดต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตสำหรับการพัฒนาแผนการทำงานเพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่ายช่วยให้เราสามารถเสนอข้อแนะนำให้ตรงกับความต้องการของภูเก็ตและประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ด้วยความชัดเจนของเมืองภูเก็ตที่เน้นรองรับการท่องเที่ยวเป็นหลัก การพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความยั่งยืนจากการท่องเที่ยว จึงเน้นไปที่การสร้างจำนวนนักท่องเที่ยวที่แน่นอน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือในการกระตุ้นการใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวนั้นๆได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมทรัพยากรมารองรับการท่องเที่ยว อย่างที่นักท่องเที่ยวคาดการณ์ไว้ แน่นอนว่าด้วยความเฉพาะตัวของเมืองภูเก็ตเอง ทำให้โมเดลของภูเก็ตไม่สามารถที่จะนำทั้งรูปแบบฉบับเต็มมาใช้กับจังหวัดอื่นๆได้โดยไม่ประยุกต์
ด้านนายประชา อัศวธีระ รองประธานสำนักงานเขตภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระบุว่า การพัฒนาภูเก็ตมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในระยะหนึ่งแล้ว ทำให้เรามีข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และสร้างรูปแบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีการนำเข้าข้อมูลการเคลื่อนย้านนักท่องเที่ยวจากจุดหนึ่ไปสู่จุดหนึ่ง ตามข้อมูลที่ได้รับจากฟรีไวไฟกว่าพันจุดที่เปิดให้บริการ อีกทั้งยังมีข้อมูลการจัดการจากองค์กรท้องถิ่นเข้ามาร่วมด้วย

การได้ข้อเสนอรายงานจากหัวเว่ยในครั้งนี้ จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เรามองเห็นแนวทางการพัฒนาในอนาคตได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้ว่า Big Data จะเป็นหัวใจของการรับรู้และเข้าใจรูปแบบการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น และหากเรามีข้อมูลมาพอ มีแพลตฟอร์มการวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลที่ดีพอ เราจะสามารถคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวได้อย่างแม่นยำ และสร้างแคมเปญการโมโมทเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น
ทั้งนี้หัวเว่ยได้จัดทำรายงานเชิงลึกเรื่องแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในจังหวัดภูเก็ตฉบับนี้ ร่วมกับโรแลนด์ เบอร์เกอร์ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น โดยนำแนวคิดมาจากโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งรัฐบาลประกาศในปี 2559 รายงานฉบับนี้มุ่งเน้นการนำเสนอโรดแมปเชิงปฏิบัติการที่จะช่วยสนับสนุนชุมชนให้พร้อมรองรับโลกดิจิทัลแห่งอนาคต
หัวเว่ยตระหนักดีว่าการพัฒนาแบบครบวงจรนั้นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลและเอกชน หัวเว่ยในฐานะตัวขับเคลื่อนและตัวเร่งให้เกิดการทรานสฟอร์มสู่ดิจิทัล ได้ทำการประเมินเชิงลึกและกรณีศึกษาด้านบริการและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเมืองอัจฉริยะที่พัฒนาสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น รายงานฉบับนี้จึงให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุม พร้อมนำเสนอแผนการทำงานเพื่อเปลี่ยนภูเก็ตให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะโดยสมบูรณ์ภายในปี 2563
รายงานเชิงลึกฉบับนี้เน้นแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่วิจัยมาเพื่อจังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะ อันประกอบด้วยธุรกิจบริการ 5 ประเภทและตัวขับเคลื่อนบริการ 8 ประการสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะสำหรับภูเก็ตและทุกจังหวัดในประเทศไทย บริการที่กล่าวถึงในรายงานฉบับนี้ ได้แก่ พลังงานและสาธารณูปโภคอัจฉริยะ การขนส่งอัจฉริยะ สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ ความเป็นอยู่อัจฉริยะ และเศรษฐกิจอัจฉริยะ ส่วนตัวขับเคลื่อนประกอบไปด้วย การปกครองอัจฉริยะ โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ และประชากรอัจฉริยะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง