Microsoft ได้ประกาศเปิดตัว Windows11 โดยจะเปิดให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ Windows 10 ทุกคน ซึ่งรวมฟีเจอร์ใหม่มากมาย และการปรับปรุงจาก Windows เวอร์ชันปัจจุบัน
Microsoft กล่าวว่าคาดว่าจะเริ่มจัดส่งพีซี Windows 11 ใหม่ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ขณะที่ผู้ใช้ Windows 10 ก็จะได้เริ่มการอัปเกรดฟรีในเวลาเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการอัปเดตในทันที และการอัปเกรดเป็น Windows 11 ก็สามารถเลือกได้ว่าจะอัปเกรดหรือไม่ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ Windows 10 จะยังคงอยู่ใน Windows 10 ได้จนกว่าการสนับสนุนจะยุติลงในปี 2568
ตอนนี้คุณสามารถดูว่าพีซีของคุณตรงตามข้อกำหนดขั้นต่ำใหม่สำหรับ Windows 11 หรือไม่ โดยสามารถเข้าไปเช็กได้ที่เว็บ windows.com แล้วดาวน์โหลดโปรแกรม pc health check เพื่อตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ว่าเข้าข่ายการได้รับการอัพเกรดฟรีไปสู่การใช้งาน Windows 11 ได้หรือไม่
ซึ่งราววันที่ 28 มิถุนายน 2564 ผู้ที่ลงทะเบียนใน Windows Insider Dev Channel ก็จะสามารถเริ่มทดสอบ Windows 11 ได้แล้ว
คุณสมบัติใหม่ของ Windows 11
Windows 11 มีฟีเจอร์และการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มากมายที่สร้างความแตกต่างจาก Windows 10 ในการเริ่มต้น Windows 11 มีการออกแบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (UI) ใหม่ล่าสุด โดยสร้างขึ้นจากพื้นฐานที่คำนึงถึงความเรียบง่ายและใช้งานง่าย ซึ่งไมโครซอฟท์ได้พยายามลดความซับซ้อนของอินเทอร์เฟซผู้ใช้ในหลายพื้นที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อสร้างพื้นที่ที่สะอาดและลื่นไหลสำหรับการทำงานและความบันเทิง
Microsoft กล่าวว่า อินเทอร์เฟซผู้ใช้ใหม่จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความคิดสร้างสรรค์ของคุณ เนื่องจากระบบปฏิบัติการพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่จำเป็น และเพิ่มคุณสมบัติการทำงานใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คุณเรียกใช้เพื่อการทำงานที่สะดวกมากขึ้น เช่นเมนู “Snap Navigator”ที่เมื่อเลื่อนลงมาจากปุ่มขยายใหญ่สุดของหน้าต่างแอป จะช่วยให้คุณสามารถสแนปแอปไปยังชุดเลย์เอาต์กริดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องลากหน้าต่างไปที่ขอบจอแสดงผล ช่วยให้สามารถสร้างช่องทางลัดในรูปแบบของตนเองได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ยังมีแอป Chat ใหม่ที่สร้างขึ้นในแถบงาน ซึ่งช่วยให้คุณแชร์ไฟล์ ข้อความ และวิดีโอกับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานผ่าน Microsoft Teams และสำหรับผู้บริโภคไมโครซอฟท์ก็กำลังจะรวม Teams เข้ากับ Windows 11 ด้วยฟีเจอร์หลายๆส่วน เช่น ความสามารถในการแชร์หน้าต่างแอปในการโทรของ Teams ได้โดยตรงจากแถบงาน ตลอดจนปิดเสียงไมโครโฟนของคุณจากพื้นที่ System Tray เพื่อการทำงานทั้งสองสอดประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Microsoft ได้สร้างเมนู Start และประสบการณ์แถบงานใหม่ให้อยู่ตรงกลางตามค่าเริ่มต้น โดยจะไม่มีรายชื่อโปรแกรมแสดงให้เห็นเหมือนเช่นเคย แต่จะแทนที่ด้วยไอคอนแอปแบบตารางที่สามารถจัดเรียงใหม่ได้เองตามชอบใจ ซึ่งแอปที่ปักหมุดและใช้งานอยู่ในแถบงานก็จะถูกจัดไว้ที่โซนกึ่งกลางด้วยเช่นกัน และจะมีแอนิเมชั่นใหม่ๆ มากมายเมื่อคลิกและเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ ไปรอบๆ System Tray และ Action Center ก็ได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เข้ากันด้วย โดยตอนนี้การแจ้งเตือนและ Quick Actions ถูกแบ่งออกเป็น 2 เมนูแยกจากกันอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ Quick Actions ได้ถูกเรียกใหม่ว่าการตั้งค่าด่วน (Quick Settings) และจะปรากฏขึ้นต่อเมื่อคุณคลิกที่ไอคอนระบบที่ด้านขวาสุดของแถบงาน จากจุดนี้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ Wi-Fi หรืออุปกรณ์บลูทูธ เปิดใช้งานไฟกลางคืน กำหนดค่าโหมดโฟกัส และอื่นๆ อีกมากมาย การคลิกที่วันที่และเวลาจะเป็นการเปิดมุมมองปฏิทินและการแจ้งเตือนของคุณ
นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ใหม่แกะกล่องที่เพิ่มเติมเข้ามา ทั้งเรื่องของการล็อกหน้าจอ และ File Explorer UI ที่ทันสมัย รวมทั้งการเปิดตัวแผง “วิดเจ็ต” ใหม่ที่มีคุณลักษณะต่างๆ เช่น สิ่งที่ต้องทำ ปฏิทิน รูปภาพ และข่าวสารจาก MSN
ซึ่งโดยรวมแล้ว Windows 11 ถูกพัฒนาให้เป็นระบบที่เปิดมากกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับ Windows 10 และรุ่นก่อน ๆ และไมโคซอฟท์ ยังได้พูดถึงวิธีที่ Windows 11 สร้างขึ้นสำหรับเกมเมอร์ด้วยคุณสมบัติใหม่ เช่น Auto HDR, Direct Storage และ DirectX 12 Ultimate
ใน Windows 11 ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มท่าทางการสัมผัสและคุณสมบัติใหม่จำนวนหนึ่ง ที่ออกแบบมาเพื่อให้ Windows11 รู้สึก รวดเร็วและลื่นไหล บนแท็บเล็ต มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ ยังได้เพิ่มขนาดของพื้นที่โดยรอบของหน้าต่างแอป เพื่อให้ปรับขนาดได้ง่ายขึ้นเมื่อใช้การสัมผัส นอกจากนี้ยังมีแอนิเมชั่นใหม่ๆ ที่ละเอียดอ่อนจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหน้าต่าง เพื่อให้ประสบการณ์การสัมผัสมีความลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้นในระบบปฏิบัติการใหม่นี้
ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้สามารถใช้ท่าทางสามหรือสี่นิ้วเพื่อปัดแอปออกและเปิดมุมมองงานใหม่ โดย ไมโครซอฟท์ ได้เพิ่ม Touch Keyboard ใหม่เอี่ยม พร้อมการสนับสนุนชุดรูปแบบที่คล้ายกับ SwiftKey และการรวมแผงอิโมจิใหม่ พร้อมการรองรับสิ่งต่าง ๆ เช่น gif สำหรับผู้ใช้ปากกา Pen Workspace ได้รับการอัปเดตด้วย UI ใหม่และความสามารถในการปักหมุดแอปใดๆ ลงในแถบเปิดใช้ด่วนของ Pen โดยเฉพาะ
คุณยังสามารถกำหนดค่าการแตะเพียงครั้งเดียว แตะสองครั้ง และแตะค้างไว้บนปากกา Surface ของคุณ โดยสามารถสั่งการให้เปิดแอปหรือฟังก์ชั่นใดก็ได้ที่คุณต้องการที่จะสร้างขึ้นใน Windows 11
Windows 11 มี Microsoft Store ใหม่
หนึ่งในประกาศสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของ Windows 11 คือ Microsoft กำลังสร้างร้านแอปใหม่เอี่ยม โดยในส่วนของ Microsoft Store ใหม่นี้มี UI แบบไหลใหม่ที่ตรงกับความสามารถของ Windows 11 โดยเฉพาะ ซึ่งนั่นหมายความว่า Microsoft กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่างที่ควบคุมว่าแอปประเภทใดที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่หน้าร้านใหม่ได้นั่นเอง
ด้วย Microsoft Store ใหม่ นักพัฒนาแอปสามารถส่งแอป Win32 ที่ไม่ได้อยู่ในแพ็คเกจรูปแบบ .exe หรือ .MSI ได้ โดยนักพัฒนายังสามารถใช้เครือข่ายการจัดส่งเนื้อหาของตนเองและแพลตฟอร์มการค้าของตนเอง โดยที่ ไมโครซอฟท์ ไม่ได้ลดรายได้ลง การดำเนินการเช่นนี้จะเปิดประตูสู่เกือบทุกแอปบนแพลตฟอร์ม Windows ที่จะแสดงรายการและพบได้ใน Microsoft Store โดยผู้ใช้งานโดยตรง
Microsoft กล่าวว่ากำลังเพิ่มแอปของตนเอง เช่น Teams, Office และ Visual Studio ลงใน Microsoft Store ใหม่เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าความพยายามของ Store ใหม่นี้จริงจัง และหวังว่านักพัฒนาแอปรายอื่นๆ เช่น Mozilla และ Adobe จะปฏิบัติตาม
Microsoft ยังประกาศว่าแอป Android เช่น TikTok จะได้รับการสนับสนุนบน Windows 11 และ Microsoft Store ใหม่!
Windows 11 จะกลับมาอัปเดตฟีเจอร์หลักเพียงหนึ่งครั้งต่อปี
Microsoft ได้ประกาศว่าด้วย Windows 11 บริษัทจะกลับมาปล่อยการอัปเดตคุณสมบัติหลักเพียงหนึ่งครั้งต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับตอนที่เราใช้ Windows 10 ไมโครซอฟท์พยายามส่งการอัปเดตคุณสมบัติใหม่ราว 2 ครั้งต่อปีไปยังระบบปฏิบัติการ แต่ก็มักจะกลายเป็นความพยายามที่ทำให้เกิดข้อบกพร่องที่สร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ปลายทาง
การย้อนกลับไปที่การอัปเดตหลักหนึ่งครั้งต่อปีจะทำให้ Windows 11 สอดคล้องกับส่วนที่เหลือของการแข่งขัน และทำให้ Microsoft มีเวลามากขึ้นในการสร้างคุณลักษณะใหม่ๆ สำหรับรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ทำให้ทุกเวอร์ชันใหม่มีความหมายมากกว่าเดิม ซึ่ง Windows 11 คาดว่าจะวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ร่วงนี้ นั่นหมายความว่าเราจะได้รับการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ในช่วงปลายปีของทุกปี
Windows 11 จะเป็นการอัปเกรดฟรี
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น Windows 11 จะวางจำหน่ายในปลายปีนี้ และจะมีการเสนอให้อัปเกรดฟรีสำหรับผู้ใช้ Windows 10 โดยประเด็นนี้ ไมโครซอฟท์ กล่าวว่าไม่มีการจำกัดเวลาในเรื่องนี้ หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเป็น Windows 11 ทันที หากคุณไม่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม OEM ยังคงต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ Windows 11 ใบอนุญาตนั้นไม่ได้ฟรีด้วยตัวมันเอง แต่ถ้าคุณอัปเกรดจาก Windows 10 คุณจะสามารถคงสิทธิ์การใช้งานไว้และยังคงสามารถเปิดใช้งานได้อยู่โดยไม่เป็นปัญหา เรื่องนี้เป็นเหมือนกับวิธีการเปลี่ยนจาก Windows 7 และ Windows 8 ไปเป็น Windows 10 นอกจากนี้ก็คาดการณ์ว่า Windows 11 จะพร้อมสำหรับการซื้อแบบสแตนด์อโลนสำหรับผู้บริโภค เช่นเดียวกับ Windows 10 ในอนาคต
