Infineon (อินฟิเนียน) เทคโนโลยีส์ เอเชีย แปซิฟิก จับมือคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ลงนามบันทึกข้อตกลง(MOA) ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KMITL-Infineon Automotive Electronics Cooperation (KIAEC) ตั้งเป้าพัฒนาระบบนิเวศด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์เพื่อสร้างวิศวกรด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ในอนาคตพร้อมต่อยอดความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
แอนโตนีโอ โมเน็ตติ ผู้อำนวยการการตลาด แผนกยานยนต์ และผู้อำนวยการส่วนการพัฒนาธุรกิจประเทศไทย บริษัทอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นทั้งศูนย์กลางด้านยนต์ และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
โดยมีรากฐานระบบนิเวศที่มั่นคงสำหรับยานยนต์ ทั้งรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์โดยสาร และรถจักรยานยนต์ นับเป็นโอกาสถึงสองชั้น ทั้งในเรื่องของการจำหน่ายภายในประเทศ และยังเป็นฐานในการสรรหาวัตถุดิบ (Sourcing Base)เพื่อการส่งออก
แนวคิดเริ่มต้นหลักของศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KIAEC คือการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์แห่งแรกในอาเซียน โดยในความร่วมมือครั้งนี้ อินฟิเนียนจะให้การสนับสนุนเทคโนโลยีล้ำหน้าด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์แก่ศูนย์ฝึกอบรมฯ พร้อมทั้งถ่ายทอดความรู้ให้กับทีมฝึกอบรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
“สจล. ได้รับการกล่าวขวัญ และเป็นที่ยอมรับในฐานะสถาบันชั้นนำที่เป็นผู้บุกเบิกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยสถิติการสร้างวิศวกรมืออาชีพที่เป็นที่ยอมรับเป็นจำนวนมากให้กับทุกภาคอุตสาหกรรม”
ความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะมุ่งเน้นที่การสร้างงานวิจัยและพัฒนาด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์แล้ว ยังรวมถึงการสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะครบถ้วนเพื่อรองรับการพัฒนารถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco-cars) และรถยนต์อัจฉริยะ (Smart Cars)ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยานยนต์ยุคหน้า (Next Generation Automotive) ภายใต้นโยบายการขับเคลื่อนนวัตกรรม Thailand 4.0 ของรัฐบาล
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. ก่อตั้งมากว่า 56 ปี โดยยึดถือหลักปรัชญา “การศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ”
ด้วยความมุ่งมั่นในการผลิตวิศวกรที่มีพร้อมทั้งจริยธรรม ความรู้และทักษะปฏิบัติ โดยสจล. เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นสถาบันการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและนักศึกษามีอัตราการได้งานสูงกว่า 90%
โดยความร่วมมือกับ อินฟิเนียนเทคโนโลยีส์ ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์นี้ สอดคล้องกับแผนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศไทยซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนา ผลิต และประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในปี 2564
“การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ คือก้าวย่างที่สมบูรณ์แบบในการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสำหรับยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ และนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล สำหรับสจล. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นหัวใจของความสำเร็จสำหรับการพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์สำหรับอนาคตเราสร้างโครงการวิจัยและพัฒนา
พร้อมทั้งหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับประเทศในการมุ่งหน้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Industry 4.0 ดังนั้นอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้าต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้”รศ.ดร.คมสันกล่าว
ดร.สมภพ ผลไม้ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า กรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสจล. และ อินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำการผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำสำหรับยานยนต์
ประกอบด้วย 1) พัฒนาการให้การศึกษาด้านไมโครคอนโทรลเลอร์และไอซีสำหรับยานยนต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักศึกษาและองค์กรต่างๆ ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพการวิจัยและพัฒนาด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ 2) โครงการที่ร่วมมือกันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการนำไปใช้งาน หนึ่งในหัวข้อที่มุ่งเป้าคือการประยุกต์ใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไฮบริด ได้แก่ อินเวอร์เตอร์ ระบบการจัดการแบตเตอรี่ และอุปกรณ์แปลงผันระดับแรงดัน
3) การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KMITL-Infineon Automotive Academy เป็นครั้งแรกในกลุ่มประเทศอาเซียน 4) ผู้ให้การอบรมแก่นักศึกษาหรือวิศวกรจากหน่วยงานภายใน และองค์กรหรือบุคลากรจากภายนอก คืออาจารย์และผู้เชี่ยวชาญจาก สจล. ศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ จะแล้วเสร็จและเปิดการอบรมในปี 2561 เป็นต้นไป
และนอกเหนือจากรายวิชาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์กำลังซึ่งเป็นพื้นฐานของอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์แล้ว นักศึกษาสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจะสามารถเลือกเรียนวิชาด้านไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับยานยนต์โดยเฉพาะได้อีกด้วย