___noise___ 1000

‘ซีพีแรม’ มากกว่าอาหารสำเร็จรูปคือการสร้างอาชีพที่มั่นคง

ซีพีแรม

อาหารพร้อมรับประทานเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่อาหารประเภทนี้มักจะมาในรูปแบบของการแช่แข็ง ซึ่งหลังจากนำเข้าในไมโครเวฟเพื่ออุ่นแล้วแม้จะมีรสชาติที่อร่อย แต่ก็ไม่สามารถสร้างความว๊าวได้เท่ากับอาหารที่ปรุงแบบสดๆ ซึ่งซีพีแรมได้มองเห็นเรื่องดังกล่าว จึงได้มุ่งการพัฒนาอาหารพร้อมทานรูปแบบที่ใกล้เคียงกับอาหารปรุงสดมากที่สุด มีอายุสั้นกว่าอาหารแช่แข็ง แต่ก็ได้รสชาติที่สดกว่าเช่นกัน นำเสนอในแพ็คเกจสีแดงจำหน่ายในร้าน 7-11 เป็นหลัก แตกต่างจากอาหารของบริษัทแม่อย่างซีพีที่จะมาในแพ็คเกจสีดำ

นอกจากนี้การที่ซีพีแรมทำหน้าที่ผลิตและจำหน่ายอาหารพร้อมทานและชิลล์ฟู้ดแล้ว ยังให้ความสำคัญกับชุมชน โดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่ที่ซีพีแรมเข้าไปดำเนินธุรกิจ อย่างเช่น การยกระดับเกษตรกรด้วยการเพิ่มมูลค่าใบกะเพราถือเป็นสิ่งแรกเริ่มที่ซีพีแรมเข้าไปส่งเสริม พร้อมกับการตั้งโรงงานซีพีแรม จังหวัดลำพูน เมื่อปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันได้มีการสร้างกลุ่มในชุมชนของเกษตรกรในพื้นที่ และเดินหน้าจดทะเบียนเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกะเพรายั่งยืน” ให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรทำให้มีอาชีพที่มั่นคง และยั่งยืนในอนาคต

ซีพีแรม
แปลงกระเพราซีพีแรมลำพูน

“จากวันแรกที่เกษตรกรผลิตวัตถุดิบใบกะเพราเริ่มต้นที่ 8 กิโลกรัมต่อวัน ปัจจุบันสามารถรองรับการผลิตได้ถึง 50 กิโลกรัมต่อวัน โดยซีพีแรมให้คำปรึกษาแนะนำ มีเจ้าหน้าที่ภายในและกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้องค์ความรู้ ในการพัฒนาแปลงเกษตร พร้อมสิ่งต่าง ๆ ที่จะเพิ่มผลผลิตได้ตามมาตรฐาน ลดต้นทุนการผลิต ขณะนี้กลุ่มแม่บ้านที่สามารถตัดใบกะเพราส่งได้ทุกวัน วันละ 40 – 50 กิโลกรัม และซีพีแรม ยังการันตีรายได้ในที่ราคาเท่าตลาด หรือสูงกว่าท้องตลาดอีกด้วย วันนี้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกะเพรายั่งยืน จังหวัดลำพูน ได้เริ่มรวมกลุ่มพัฒนาพื้นที่พลิกฟื้นที่ดินปลูกกะเพราไปแล้วที่ 3 – 4 ไร่ ยังเหลืออีก 3 ไร่ ในการพัฒนาให้เกิดรายได้ในอนาคต”

นายภานุวัฒน์ วิชัยรัตน์ ผู้ริเริ่มกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกะเพรายั่งยืน จังหวัดลำพูน กล่าวว่า ปัจจุบันได้นำกลุ่มชาวบ้านกว่า 22 คน นำที่ดินรกร้างจากพื้นที่ศาลาสวดพระอภิธรรมศพเดิมในชุมชน มาสร้างแปลงกะเพราสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ตัดใบกะเพราส่งขายให้กับโรงงานซีพีแรม จังหวัดลำพูน จากเดิมได้ทดลองปลูกพืชชนิดอื่นมาหลายครั้งแต่ไม่ประสบผลสำเร็จจนเกือบถอดใจ จนได้รับคำปรึกษาจากหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น และพบที่ดินรกร้างที่บ้านหนองปลาขอ ตำบลป่าสัก จังหวัดลำพูน กว่า 7 ไร่ จึงได้ตกลงทำสัญญาเช่ากับพื้นที่ในการพัฒนาเป็นแปลงกะเพรา

ซีพีแรม

โดยในขณะนั้นบริษัท ซีพีแรม จำกัด มาตั้งโรงงานที่จังหวัดลำพูน พร้อมแนะนำการปลูกต้นกะเพราป่าที่มีพัฒนาสายพันธ์ลักษณะใบเล็ก รสชาติเผ็ด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงได้เริ่มทำแปลงกะเพรา และรวมกลุ่มในชุมชนเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา และได้เดินหน้าพัฒนาที่ดินผืนนี้ตั้งแต่เริ่มต้นที่ไม่มีไฟฟ้า ปรับปรุงผืนดินให้เหมาะกับการเพาะปลูกต้นกะเพรา โดยซีพีแรมให้เจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญลงมาให้คำแนะนำตั้งแต่กระบวนการปลูก การตัดแต่ง การคัดแยก การวางโรงเรือนที่เหมาะสม ตลอดจนสอนการใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วย วางระบบ Sensor ควบคุมการใช้น้ำอัตโนมัติ การบันทึกข้อมูล Online ติดตามควบคุมผลผลิตทำให้วันนี้แปลงกะเพราผืนนี้ก่อเกิดรายได้ให้ชุมชน

ด้านนายสาธิต แสงเรืองอ่อน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รองสายงานยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า แปลงกะเพราในพื้นที่จังหวัดลำพูน ซีพีแรม จึงได้ลงพื้นที่ร่วมพัฒนาไปกับเกษตรกร พร้อมนำต้นกล้ากะเพราที่ซีพีแรมได้พัฒนาให้เกิดความเฉพาะตัวมอบให้เกษตรกร โดยมีนายภานุวัฒน์ วิชัยรัตน์ รับมอบนำไปปลูกทั้งสิ้น 5,200 ต้น เพื่อเป็นการเริ่มต้นสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกะเพรายั่งยืน จังหวัดลำพูน และเป็นหนึ่งในโครงการเกษตรกรคู่ชีวิต หวังเกิดวิถีเกษตรที่ยั่งยืนในชุมชน ต้องการให้เกษตรกรในพื้นที่มีอาชีพ มีรายได้ที่แน่นอน

“โครงการเกษตรกรคู่ชีวิตในพื้นที่จังหวัดลำพูน เราต้องการแบ่งปันองค์ความรู้ ให้คำแนะนำในการเพาะปลูกกะเพรา ให้ความรู้เกษตรกรถึงระบบมาตรฐาน GAP เพื่อให้เกษตรกร มีความรู้ ความเข้าใจ ในการทำการเกษตรที่ดีและเหมาะสม ต้องการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น เรามุ่งหวังให้ชุมชนสามารถการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ซึ่งแนวทางของ ซีพีแรม หากโรงงานไปถึงพื้นที่ไหน ซีพีแรมต้องไปสร้างรายได้ ความยั่งยืนให้กับชุมชน”
ทั้งนี้การส่งเสริมการปลูกกะเพราในพื้นที่ทำให้ทราบถึงแห่งผลิต ลดปัญหาการเน่าเสีย ผลผลิตปลอดภัยปลอดสาร ก่อนถึงผู้บริโภค

ซีพีแรม
นายภานุวัฒน์ วิชัยรัตน์ ผู้ริเริ่มกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกะเพรายั่งยืน จังหวัดลำพูน

ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่ธุรกิจที่ซีพีแรมให้ความสำคัญเสมอมา เรียกได้ว่า Supply chain management ด้วยแนวทาง 3S คือ อาหารปลอดภัย Food safety อาหารมั่นคง Food security) และอาหารยั่งยืน Food sustainability
นายสาธิต กล่าวว่า ปัจจุบันซีพีแรมมีโรงงาน 7 แห่ง ประกอบด้วย ลำพูน ขอนแก่น ลาดหลุมแก้ว ลาดกระบัง ชลบุรี สุราษฎร์ธานี การบริหารมาจากส่วนกลาง

โดยสาขาลำพูนนั้น เปิดวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 มีพื้นที่ 80 ไร่ กำลังการผลิต 120,000 ชิ้นต่อวัน รองรับการขยายตัวของตลาดที่เพิ่มขึ้นในภาคเหนือ ผลิตสินค้าพร้อมรับประทานส่งสาขา 7-11 ในภาคเหนือ ที่มีอยู่ประมาณ 1,040 มีกลุ่มสินค้า ข้าวถาด ข้าวถ้วย ข้าวปั้น ซูชิโรล และจะเพิ่มกลุ่มเบอร์เกอร์ข้าวเหนียวในอนาคต

banner Sample

Related Posts