ก้าวสู่ปีที่ 30 เอไอเอสพร้อมเดินหน้าบทบาทใหม่ Good Citizen

ก้าวสู่ปีที่ 30 เอไอเอสพร้อมเดินหน้าบทบาทใหม่ Good Citizen

เอไอเอสดำเนินธุรกิจมาจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 แล้ว แม้จะครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 มีลูกค้ากว่า 42 ล้านราย แต่การนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันยุคทันสมัย

ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งในการก้าวขึ้นสู่เลข 3 นี้ มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ คือการวางเป้าหมายที่จะที่จะทำธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม ลดมลพิษที่จะเกิดขึ้น เริ่มต้นจากการเน้นเรื่องภารกิจเพื่อความยั่งยืน “Mission Green 2020” ขับเคลื่อนสังคมไทยสู่วิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ภารกิจ Mission Green 2020 ผ่านโครงการ E-Waste ที่จะทำการรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธี โดยเอไอเอสตั้งเป้าว่าภายในปี 2020 บริษัทจะสามารถลดค่า CO2 ได้จำนวน 1 ล้าน kgCO2e และจัดการกับขยะ E-Waste ได้ทั้งสิ้น 1 แสนชิ้น

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ในโอกาสที่เอไอเอสครบรอบ 29 ปี และก้าวสู่ปีที่ 30 นี้ เอไอเอสได้วางเป้าหมายของธุรกิจไว้ 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.การนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ที่ทันยุคสมัยอย่างเช่นบริการ 5G รวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตที่ดีขึ้น โดยเน้นร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่ปัจจุบันมีความแข็งแรงและหลากหลาย 2.ด้วยความเป็นเบอร์ 1 และมีสถานะการเงินที่แข็งแรง นับจากนี้เอไอเอสจะมุ่งสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแม้จะต้องลงทุนเพิ่มแต่ก็พร้อมที่จะทำ เพื่อได้ต้นทุนทางสังคม และ 3.การสร้างน้องอุ่นใจเวอร์ชันใหม่ที่จะมีนิ้ว และตาโตขึ้น อันเป็นการสื่อว่าเอไอเอสไม่เคยคิดจะหยุดพัฒนาทางด้านการดูแลลูกค้า และนับจากนี้จะเน้นให้อุ่นใจมากขึ้น

“ในโอกาสฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 นี้ เอไอเอสจะเดินหน้าอีกบทบาทหนึ่งอย่างเต็มที่ในฐานะ Good Citizen ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายสังคมให้ตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของทุกคนบนโลกใบนี้ ด้วยการผลักดันรณรงค์เรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านโครงการ E-Waste เป็นโครงการระยะยาวที่ตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมาย เบื้องต้นที่จะช่วยลดค่า CO2 ให้กับโลกใบนี้ ถึงจำนวน 1 ล้าน kgCO2e”

สำหรับภารกิจ Mission Green 2020 เกิดขึ้นเนื่องจากเอไอเอสมองว่า ปัจจุบันประชาชนคนไทยให้ความตระหนักถึงเรื่องของขยะมากขึ้น ทั้งการแยกขยะและอันตรายจากขยะพลาสติกทั้งการทิ้งไม่ถูกวิธี และการกำจัดไม่ถูกวิธี แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถือเป็นขยะอีกชนิดที่อยู่ใกล้ตัวพวกเรา และเป็นอีกหนึ่งปัญหาประชากรของโลกที่ยังขาดความใส่ใจเกี่ยวกับอันตราย ทำให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้รับการทิ้งให้ถูกที่ และจัดการอย่างถูกวิธี จึงก่อให้เกิดปัญหาสภาพแวดล้อม สังคม และส่งผลเสียในระยะยาว

นายสมชัย กล่าวว่า เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลพร้อมที่จะสร้างองค์ความรู้เพื่อให้คนไทย ตระหนักถึงผลเสียของการทิ้งขยะอย่างไม่ถูกวิธี และรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของทุกคน และลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างในไทย โดยคนไทยสามารถทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ได้ที่ ถังขยะ E-Waste จากเอไอเอสที่จะตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ อาทิ AIS Shop และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล และในอนาคตจะถูกกระจายไปยังมหาวิทยาลัยในประเทศไทย

โดยขยะจากถัง จะถูกนำไปจัดการ และทำลายอย่างถูกวิธี ด้วยกระบวนการ Zero landfill (กระบวนการจัดการขยะ ทำให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ให้เกิดมูลค่าได้อีก) ซึ่งถังขยะ E-Waste วัสดุทำมาจากไม้อัดรีไซเคิล โดยเป็นการดีไซน์จากนิสิตนักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และทีมงานโครงการ AIAP (AIS IoT Alliance Program) โดย AIS ได้ต่อยอดนำเทคโนโลยี IoT เข้ามามีส่วนช่วยในการนับชิ้นขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบ Real-time เพื่อ Convert ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ลดลงและแสดงบนเว็บไซต์ www.ewastethailand.com

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 62 จะมีวางถังขยะ E-Waste จำนวนทั้งสิ้น 81 จุด ที่ AIS Shop (ในกรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ) และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล (เฉพาะในกรุงเทพฯ) รวมถึงในอนาคต เอไอเอสจะจับมือร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ นำถังขยะ E-Waste ไปตั้งในแหล่งศึกษาตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เอไอเอสยังมีแผนที่จะไปรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้คนไทยถึงที่บ้าน โดยนำขยะที่ได้ไปส่งให้กับพาร์ทเนอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการกำจัดขยะเหล่านี้อย่างถูกวิธี และนำเงินที่ได้รับจากการขายขยะไปบริจาคให้กับมูลนิธิ

โดยสามารถดูจำนวนของขยะที่ถูกเก็บ และศึกษาองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ www.ewastethailand.com นอกจากนี้ ในส่วนการให้บริการลูกค้า บริษัทยังได้ทยอยเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการใช้พลาสติก อาทิ เปลี่ยนจากขวดน้ำพลาสติก เป็น แก้วกระดาษและเครื่องกดน้ำ ตลอดจนการรณรงค์ให้พนักงานGood Citizenภายในองค์กร ตระหนักสิ่งแวดล้อม และปรับวิถีไลฟ์สไตล์ในที่ทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อม

 

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

เอไอเอส

Related Posts