NTT Limited เปิดตัวบริการคลาวด์มาตรฐานโลกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ชู 3 จุดแข็งที่น่าจับตามอง ทั้งเรื่องของความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ช่วยธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลมาแล้วทั่วโลก และการมีพาร์ทเนอร์ที่แนบแน่นด้านแพลตฟอร์มอัจฉริยะในระดับโกลบอล รวมทั้งการมีโครงสร้างหรือระบบนิเวศน์ด้านเทคโนโลยีของตัวเองที่เชื่อมโยงโลกเทคโนโลยีเข้าด้วยกันมากที่สุด
นายสุทัศน์ คงดำรงเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว บริษัท เอ็นทีที จำกัด กล่าวว่าวันนี้การควบรวมกิจการธุรกิจ เอ็นทีทีทั้งหมด ให้มาอยู่ในชื่อเดียวภายใต้ชื่อ NTT Limited สะท้อนให้เห็นความตั้งใจของการทำ ‘ไดนามิคลูป’ ซึ่งหมายถึงการโฟกัส ลูกค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้าก้าวข้ามอุปสรรคของการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกดิจิทัลได้อย่างสำเร็จ สามารถทรานส์ฟอร์มเมชั่นด้วยเครื่องมือเทคโนโลยี ตลอดจนประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญของเอ็นทีทีทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญเราตั้งใจที่จะสร้างโลกให้น่าอยู่ด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ความเป็นอยู่ของผู้คนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยจุดแข็งของเราที่สั่งสมมานาน ทั้งการเป็นเจ้าของไฟเบอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของทั้งโลก และเป็นเจ้าของดาต้าเซ็นเตอร์กว่า 140 แห่งทั่วโลก รวมไปถึงการมี SoC หรือศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยกระจายอยู่ในทั่วโลก อีกทั้งยังมีบุคคลากรจำนวนมากที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อนำพาให้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น
อีกทั้งเรายังมีพาร์ทเนอร์ระดับโลกในการให้บริการร่วมกับเอ็นทีที ทั้งในส่วนของเน็ตแอพ เจเนซิส ซิสโก้ เอสเอพี และอื่นๆอีกากมาย ที่พร้อมจะให้บริการบนระบบเอ็นทีทีคลาวด์ได้อย่างมั่นใจ เพื่อส่งเสริมให้การขับเคลื่อนประเทศไทยและประเทศรอบข้างสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีศูนย์อินโนเวชั่นในญี่ปุ่นและอเมริกา ตลอดจนการมี VC ที่ญี่ปุ่นและอเมริกา เพื่อสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นการพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต
ในประเทศไทย เอ็นทีทีอยู่มากว่า 60 ปี และมีลูกค้าอยู่ในทุกระดับ เรามีพนักงานกว่า 1,000 คน และมีรายได้กว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 700 คน ที่จะคอยให้บริการ รวมทั้งมีดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกของตัวเองในประเทศไทยถึง 2 แห่งในการให้บริการ
แน่นอนว่าคลาวด์จะเข้ามาตอบโจทย์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เร็ว และคุ้มค่ามากขึ้นในทางธุรกิจ แต่ปัญหาของการใช้คลาวด์ระดับโลกในประเทศไทย ก็คือการมีที่ตั้งของบริการคลาวด์นั้นอยู่นอกประเทศ ซึ่งความเร็วในการเชื่อมต่อของเรายังไม่เร็วพอที่จะลดข้อด้อยเหล่านี้ ทำให้เกิดอาการหน่วงเมื่อต้องเชื่อมต่อระหว่างกัน
การมีคลาวด์ในประเทศแต่มาตรฐานระดับโลก ทำให้สามารถเข้ามาตอบโจทย์เช่นนี้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเอ็นทีที เป็นคลาวด์มาตรฐานระดับโลก ที่มีที่ตั้งในประเทศไทย ทำให้เกิดความพร้อมในอินฟาสตรัคเจอร์ต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว และยังมาพร้อมพาร์ทเนอร์แอปพลิเคชั่นที่ทำงานบนคลาวด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบในระดับสากล
สำหรับการให้บริการคลาวด์ เรามุ่งไปยังองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งในภาคการเงิน ธนาคาร ภาคอุตสาหกรรม ผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูล หรือ Contact Centre ธุรกิจที่มีหลายสาขา และภาครัฐที่ต้องการความปลอดภัยในระดับสูง รวมถึงกลุ่มธุรกิจที่ใช้งานบนแพลทฟอร์มของ SAP เป็นหลัก เพื่อต้องการตอบสนองข้อมูลที่รวดเร็ว แม่นยำ มีความปลอดภัยสูง และมีความยืดหยุ่นในทำงาน สามารถเพิ่มจำนวนของแอพพลิเคชั่นบนแพลทฟอร์มที่หลากหลาย และพร้อมรองรับการเพิ่มปริมาณข้อมูลจำนวนมากๆได้
“เราเห็นความต้องการใช้บริการคลาวด์ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม SAP ซึ่งการใช้งาน SAP บนคลาวด์ในปัจจุบันคิดเป็น 24 เปอร์เซ็นต์ ของการใช้ SAP ทั้งหมดทั่วโลก และมีแนวโน้มความต้องการใช้งานที่คาดว่าจะเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยเพิ่มขึ้น”
สำหรับในประเทศไทยการให้บริการด้านศูนย์บริการข้อมูล หรือคอนแทคเซ็นเตอร์ จะเป็นบริการที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้งานและกระตุ้นการตัดสินใจที่จะย้ายการทำงานแอพพลิเคชั่นไปยังคลาวด์มากขึ้น โดยคาดการณ์ขนาดตลาดรวมของศูนย์บริการข้อมูลจะเพิ่มขึ้นจาก 16.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2559 เป็น 27.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 7.4 เปอร์เซ็นต์ โดยเราคาดการณ์ว่ามากกว่า 50% จะย้ายมาใช้บริการคลาวด์ในประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
“แต่ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับลูกค้าองค์กรในการปรับมาใช้คลาวด์ เอ็นทีทีจึงได้พัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและขจัดข้อกังวลดังกล่าว ด้วยแพลตฟอร์มบริหารจัดการคลาวด์แบบครบวงจร ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับการให้บริการในระดับองค์กร โดยสามารถสร้างระบบการทำงานแบบส่วนตัวในรูปแบบที่ต้องการได้ รวมไปถึงการจัดการระดับความปลอดภัยขั้นสูงโดยเอ็นทีทีได้มีการคำนึงถึงระบบความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ, การบริหารจัดการ ไปจนถึงการเชื่อมโยงข้อมูลที่อยู่บนเครือข่ายคลาวด์อื่นๆ ทำให้การจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณในการลงทุนสูงในคราวเดียว
ทั้งนี้บริการคลาวด์ของ NTT ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับแอพพลิเคชันในระดับองค์กรที่สำคัญ เช่น ศูนย์บริการข้อมูล (contact centre) และแอพพลิเคชั่นอัจฉริยะในอนาคต เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, AI และ IoT เป็นต้น
บริการดังกล่าวมาพร้อมกับการบริหารจัดการอัตโนมัติเต็มรูปแบบเพื่อลดความซับซ้อนของการดำเนินงานและเพิ่มความปลอดภัยระดับสูงภายใต้มาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยบนคลาวด์ (CSA-STAR) โดย NTT พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานบนคลาวด์ได้อย่างราบรื่น ด้วยบริการให้คำปรึกษา บริการย้ายข้อมูลบนคลาวด์ (migration service) และการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศและจากทั่วโลก
นอกจากนี้บริการคลาวด์ของเรายังผสานการทำงานร่วมกับศูนย์ข้อมูล Thailand Bangkok 2 Data Center หรือ “NexcenterTM” ที่เป็นมาตรฐานบริการและความปลอดภัยของเอ็นทีที และยังได้รับมาตรฐานการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (ISO 27001), มาตรฐานสำหรับศูนย์ข้อมูลเพื่อความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศจากการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (PCI DSS) และรายงานผลการรับรองเกี่ยวกับการควบคุมการให้บริการในองค์กร (SOC) รวมถึงมาตรฐานการจัดการระบบพลังงานด้วยมาตรฐานสากล Energy Management System หรือ ISO 50001 ในการบริหารจัดการพลังงานภายในศูนย์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ