ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เดินหน้าปรับรูปแบบการทำงานสู่วิถีการทำงานยุคใหม่ โดยออกนโยบาย Remote Work ให้พนักงานกว่า 2,000 คน ทำงานจากที่ใดก็ได้สูงสุด 2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้พนักงานรักษาสมดุลที่ดีระหว่างการทำงานและสุขภาวะจิต ซึ่งจะมีผลตั้งแต่มกราคม 2565 เป็นต้นไป
คุณศศิวิมล อารยวัฒนาพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรัพยากรบุคคล ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ธนาคารยูโอบีให้ความสำคัญต่อการดูแลซึ่งกันและกัน เรามุ่งสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ช่วยให้พนักงานสามารถบาลานซ์เรื่องงานกับชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกัน เราเชื่อว่าเมื่อคนมีความสุขย่อมสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพและยิ่งมีส่วนร่วมต่อองค์กรมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่เรานำรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดมาใช้ คือการผสมผสานระหว่างการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote Work) และการทำงานที่สำนักงาน เพราะเราเชื่อว่าการทำงานแบบ Remote Work อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์จะช่วยให้พนักงานยังคงความรู้สึกผูกพันกับเพื่อนร่วมงานและต่อองค์กร ในขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการงานของตนเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นิยามของคำว่าสถานที่ทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลายๆ องค์กรเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบที่ทำงานจากเดิม เป็นแบบที่เปิดโอกาสให้พนักงานทำงานจากที่ใดก็ได้ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวและสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น เราจึงเดินหน้าปรับรูปแบบการทำงานสู่วิถีการทำงานยุคใหม่ เพื่อให้เพื่อนพนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ไม่ว่าจะในที่ทำงานหรือจากที่บ้านก็ตาม”
นโยบายการทำงานแบบ Remote Work นี้ตอบรับความคาดหวังทางสังคมที่กำลังเปลี่ยนไป รายงาน UOB ASEAN Consumer Sentiment Study ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา พบว่า ในประเทศไทยพนักงานมากกว่าร้อยละ 80 ต้องการให้องค์กรปรับรูปแบบการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น หลังเกิดโรคระบาด
นอกจากนโยบายการทำงานแบบ Remote Work นี้ ธนาคารยูโอบี ให้ความยืดหยุ่นและอิสระแก่พนักงาน ด้วยแผนทางเลือก Flexi-2 ซึ่งอนุญาตให้พนักงานทุกคนสามารถลางานได้ 2 ชั่วโมงต่อเดือน ระหว่างวันทำงานเพื่อไปจัดการกับเรื่องส่วนตัวได้ นอกจากนี้ พนักงานยังสามารถเลือกเวลาเริ่มทำงานระหว่าง 07:30 น. ถึง 10:00 น. เพื่อให้อิสระในการจัดการตารางการทำงานของตนเองอีกด้วย