ผลการจัดอันดับท็อป 20 แอปของไทยที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดสูงสุด

ผลการจัดอันดับท็อป 20 แอปของไทยที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดสูงสุด

การเปิดตัว Apple App Store และ Google Play Store เมื่อหลายสิบปีก่อน ได้เปิดประตูให้ผู้คนและธุรกิจ สามารถก้าวสู่โลกดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ด้วยการคิดค้นและเสนอไอเดียต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์สมาร์ตโฟนไปยังผู้คนทั่วโลก ทำให้วิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ และการทำงานของผู้คนเปลี่ยนไปตลอดกาล

นับตั้งแต่การเปิดตัว App Store เมื่อ 15 ปีที่แล้ว จนถึงการเปิดตัวของ Play Store 4 ปีถัดมา แอปพลิเคชันบนมือถือกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การพักผ่อน ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการทำงานและทำธุรกิจ แอปพลิเคชันบนมือถือได้เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนสัมผัสกับเทคโนโลยี และวิธีที่ธุรกิจสามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้า จากที่ครั้งหนึ่งเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมนี้เคยเป็นแค่โทรศัพท์ แต่แอปพลิเคชันได้เปลี่ยนมือถือให้เป็นกระเป๋าสตางค์ เป็นเครื่องเล่นเกม เป็นโทรทัศน์ และเป็นอีกหลายอย่างตามแต่ที่จินตนการจะนึกถึง

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นของปี 2567 แอ๊พซินท์ (Appsynth) หนึ่งในที่ปรึกษาด้านดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและผู้เชี่ยวชาญด้านแอปบนสมาร์ตโฟนของไทย ได้ร่วมกับ data.ai แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลมือถือ เปิดเผยผลการจัดอันดับข้อมูลท็อป 20 แอปขององค์กรไทยที่มีการดาวน์โหลดสูงสุด นับตั้งแต่เปิดสโตร์จนถึงปัจจุบัน โดยรายงานนี้จะจัดกลุ่มแอปที่มีการดาวน์โหลดสูงสุดตามหมวดหมู่ และดูปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดความสำเร็จ นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตสำหรับแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน

ท็อป 20 แอปของไทยที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดสูงสุด

(รวม Apple App Store และ Google Play Store)

ลำดับ แอปพลิเคชัน บริษัท
1 TrueMoney True Corporation
2 K PLUS KASIKORNBANK
3 Krungthai NEXT Krung Thai Bank
4 SCB EASY Siam Commercial Bank
5 7-Eleven TH CP ALL
6 myAIS MIMO Tech
7 TruelD True Corporation
8 MyMo by GSB Government Savings Bank
9 PaoTang Krung Thai Bank
10 Bangkok Bank Mobile Banking Bangkok Bank
11 LINE MAN LINE MAN
12 AIS PLAY MIMO Tech
13 dtac DTAC
14 Ch7HD BBTV New
15 ShopeePay AirPay
16 Major Cineplex Major Cineplex
17 True iService True Corporation
18 BUGABOO.TV BBTV New
19 CH3 Plus BECi
20 KMA – Krungsri Mobile App Bank of Ayudhya

แอปบริการทางการเงินครองแชมป์

จากรายชื่อแอปพลิเคชันมือถือที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด 20 อันดับของไทย พบว่ามีแอปพลิเคชันในภาคบริการทางการเงินถึง 9 แอปจากธนาคาร 7 แห่ง ซึ่งครอบคลุมถึงบริการกระเป๋าเงินดิจิทัล บริการการชำระเงิน และแอปพลิเคชันธนาคารบนสมาร์ตโฟน โดยมี 2 แอปที่ให้บริการโดยหน่วยงานที่ไม่ใช่ธนาคาร

แม้แอปพลิเคชันส่วนใหญ่ในหมวดนี้จะเป็นแอปที่ให้บริการโดยธนาคารพาณิชย์ แต่เป็นที่น่าสนใจว่าแอปพลิเคชันที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุด คือแอป TrueMoney ให้บริการโดย ทรู คอร์ปอเรชัน โดยเมื่อ 5 ปีที่แล้วแอป TrueMoney เคยอยู่ในลำดับที่ 6 การไต่ระดับสู่แอปพลิเคชันที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดของ TrueMoney ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากฟินเทคและโซลูชันทางการเงินแบบฝังตัว (embedded finance solutions) ที่ช่วยทั้งขยายขีดความสามารถ และยกระดับบริการของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร

TrueMoney (ชื่อเดิม Wallet by TrueMoney) เปิดตัวในปี 2556 ในฐานะผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล ปัจจุบันได้พัฒนาต่อยอด ให้เป็นแอปพลิเคชันอเนกประสงค์ในชีวิตประจำวัน มีฟีเจอร์อื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากการชำระเงินแบบเดิม ทั้งบริการชำระเงินค่าสาธารณูปโภค การเติมเงินโทรศัพท์มือถือ การออมและการลงทุน รวมถึงการโอนเงินแบบ peer-to-peer นอกจากนี้แล้วแอป TrueMoney ยังมีแคมเปญที่ช่วยดึงดูดและรักษาความสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน ให้สามารถสะสมคะแนนเพื่อใช้แลกเป็นส่วนลดและของรางวัลต่าง ๆ ได้ด้วย

นอกจากนี้แล้วในกลุ่มแอปที่มีการดาวน์โหลดสูงสุด 5 อันดับแรก ยังประกอบไปด้วยแอปจากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของไทย ได้แก่ K PLUS จากธนาคารกสิกรไทย Krungthai NEXT จากธนาคารกรุงไทย และ SCB EASY จากธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ยังคงรั้งตำแหน่ง 5 อันดับแรกอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเช่นเดียวกับ TrueMoney แอปพลิเคชันเหล่านี้ได้แตกบริการใหม่ ๆ นอกเหนือไปจากบริการหลัก เช่น ประกัน สินเชื่อ และโปรแกรมสะสมแต้ม

การพัฒนาและปรับตัวของแอปพลิเคชันเหล่านี้ เป็นการยืนยันว่า การที่แอปพลิเคชันจะครองใจผู้ใช้งานและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องนั้นจะต้องมีการปรับจากแอปที่ให้บริการผลิตภัณฑ์หลักเพียงอย่างเดียว สู่การให้ความสำคัญกับผู้ใช้งาน เอาผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีและมีคุณค่าอย่างแท้จริง

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์เคลื่อนที่สูงที่สุดประเทศหนึ่ง สะท้อนถึงความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชน ด้วยสภาพแวดล้อมที่ประชาชนคุ้นเคยกับเทคโนโลยีเช่นนี้ แอปพลิเคชันที่มีบริการหรือฟังก์ชันเพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถที่จะแข่งขันได้อีกต่อไป ผู้ใช้งานปัจจุบันคาดหวังบริการที่หลากหลายแทนการสลับไปมาระหว่างแอป ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์แบบองค์รวมมากขึ้น มุ่งหวังให้แอปของตนเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในใจผู้ใช้ และเป็นจุดเริ่มต้นหลักสำหรับชีวิตดิจิทัลของลูกค้า

ในโอกาสนี้ นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการ ทรูมันนี่ กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ขอขอบคุณผู้ใช้งานที่มอบความไว้วางใจและเลือกใช้ทรูมันนี่ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ การที่แอปของเรามียอดดาวน์โหลดมากที่สุดนั้น สะท้อนถึงพันธกิจขององค์กรของเราที่ต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินได้ และช่วยยกระดับชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น ความสำเร็จนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ทีมงานของเราพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่หยุดยั้ง รวมถึงยกระดับประสบการณ์ในการใช้งานให้ง่ายยิ่งขึ้น และเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและมอบคุณค่าในทุกการใช้งานแก่ผู้ใช้ทุกคน”

นายนิธิรุจน์ จิระปรีชาสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส – ผู้บริหารฝ่ายบริหารช่องทางธุรกิจดิจิทัล ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “K PLUS มุ่งมั่นที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียเป็นศูนย์กลาง โดยส่งมอบบริการทางการเงินระดับโลก และคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับทุกฝ่าย”

นายนิธิรุจน์กล่าวเสริมว่า “เราได้พัฒนา K PLUS โดยใช้แนวทางที่ยึดความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ได้แก่ ลูกค้า สังคม หน่วยงานกำกับดูแล พนักงาน และผู้ถือหุ้น) ตั้งเป็นหลักแล้วจึงกำหนดแผนดำเนินการทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าฟีเจอร์ต่างๆ ที่ได้พัฒนาออกมา ตอบโจทย์ความต้องการของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ทั้งนี้ K PLUS มุ่งหวังที่จะเป็นแพลตฟอร์มแบบ open Banking ที่ผสานบริการทางการเงิน เข้ากับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้ใช้ได้อย่างลงตัว ช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถทำธุรกรรมได้อย่างง่ายและสะดวกใน ecosystem ของตนเอง รวมถึงสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกัน ก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม และรักษามาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด สิ่งเหล่านี้คือ ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญของเรา และเราจะสร้างสรรค์และปรับปรุงแอปพลิเคชันของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”

บริการฟู้ดเดลิเวอรีและร้านสะดวกซื้อครองตำแหน่งสูงถึง 2 ตำแหน่ง

ในส่วนของบริการฟู้ดเดลิเวอรี ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ มีถึง 2 แอปดังที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของการจัดอันดับ ที่น่าจับตามองคือ 7-Eleven เติบโตแบบก้าวกระโดดโดยครองอันดับที่ 5 ของรายการ เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 15 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว

นางสุพัตรา จินเลิศ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ” วิสัยทัศน์ของซีพีออลล์ คือเราให้บริการความสะดวกแก่ทุกชุมชน และการเปิดตัวบริการ 7-Delivery ถือเป็นการยกระดับความสะดวกให้กับลูกค้าขึ้นไปอีกขั้น บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านลูกค้า ด้วยพนักงานร้านเที่มีความคุ้นเคยกับลูกค้าอยู่แล้ว ทำให้ 7-Delivery เติบโตอย่างรวดเร็วจนมีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคน ด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและหลากหลาย รวมถึงแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ทำให้แอป 7-Eleven เป็นอีกแอปพลิเคชันที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้ในชีวิตประจำวัน”

ภาพรวมของวงการฟู้ดเดลิเวอรีในไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้เล่นรายใหญ่ ๆ ในตลาดได้ปรับกลยุทธ์จากการเป็นเพียงสื่อกลางที่ช่วยเชื่อมผู้บริโภคกับร้านอาหารหากัน ไปสู่บริการที่เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการร้านอาหาร และในฝั่งของผู้บริโภคด้วย เร็ว ๆ นี้ ยังพบว่ามีการจับมือกันของผู้ให้บริการข้ามแพลตฟอร์มมากขึ้น เพื่อสร้างโซลูชันใหม่ ๆ ที่ผนวกเอาเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาปรับใช้ในวงการร้านอาหาร ผสานประสบการณ์ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์อย่างลงตัว

นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า “LINE MAN ในฐานะ Food Master เป็นแพลตฟอร์มออนดีมานด์ที่มีตัวเลือกร้านอาหารมากที่สุดในไทย โดยมีมากกว่า 1 ล้านร้านทั่วประเทศ และส่งมอบบริการแก่ผู้บริโภคในราคาที่คุ้มค่า ปัจจุบันมีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านรายต่อเดือน ให้บริการครอบคลุมทั้งบริการส่งอาหารและสินค้า เมสเซนเจอร์ และการเดินทาง”

แอปหมวดความบันเทิงและบริการสื่อผ่านอินเทอร์เน็ต (Over-the-top หรือ OTT) ครองใจผู้ใช้

ในหมวดความบันเทิงและสตรีมมิ่ง OTT มีแอปพลิเคชันติดอันดับท็อป 20 ถึง 6 แอป ทั้ง TRUE ID, AIS Play, Ch7HD, Major Cineplex, BUGABOO.TV และ CH3 Plus โดยมีแอปพลิเคชันที่ให้บริการโดยสถานีโทรทัศน์ถึง 3 แอป โดยแอป Ch7HD และ BUGABOO.TV นั้นเป็นของช่อง 7 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้ชมในปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่

แม้บริการสตรีมวิดีโอแบบออนดีมานด์ (on-demand video streaming) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่าแอปพลิเคชัน Major Cineplex ยังคงติดอันดับท็อป 20 แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีการสตรีมบนมือถือและหน้าจอทีวีเป็นจำนวนมาก แต่โรงภาพยนตร์ยังคงเป็นสถานที่ที่ผู้บริโภคชาวไทยไปสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่สามารถทดแทนได้ที่บ้าน

ค่ายมือถือชั้นนำติดอันดับทั้งหมด

ผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ราย คือ ทรู เอไอเอส และดีแทค ก็ติดอันดับเช่นกัน ในอดีตผู้ใช้บริการมักติดภาพแอปพลิเคชันเหล่านี้ว่าเป็นบริการสาธารณูปโภคทั่วไป แต่ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการได้พัฒนาแอปให้มีฟังก์ชันที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ใช้เพื่อชำระค่าบริการเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มีทั้งสื่อบันเทิงและโปรโมชันสะสมแต้มที่ช่วยดึงดูดผู้ใช้งาน และช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างลูกค้าและแบรนด์

App Store เปิดตัวในปี 2551 ด้วยแอปพลิเคชันบนสโตร์ 500 แอปพลิเคชัน ล่าสุดในปี 2566 มีแอปบนสโตร์มากกว่า 1.96 ล้านแอปพลิเคชัน ส่วนแอนดรอย์มีแอปพลิเคชัน 3.7 ล้านแอปบน Google Play ทั้งนี้ มีข้อมูลว่าผู้ใช้งานมากถึง 25% ตัดสินใจเลิกใช้งานแอปหลังจากการใช้งานครั้งแรก แบรนด์ต่าง ๆ ที่กำลังคิดจะสร้างแอป หรือวางแผนอนาคตสำหรับแอปขององค์กร จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงคุณสมบัติเด่น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ใช้งานเกิดการใช้งานอย่างต่อเนื่อง

นายโรเบิร์ต แกลลาเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊พซินท์ เอเชีย จำกัด ให้ความคิดเห็นว่า “เราภูมิใจที่ได้รับโอกาสร่วมงานกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหลาย ๆ รายที่ปรากฏในการจัดอันดับนี้ บทบาทของแอ๊พซินท์คือช่วยผลักดันให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดจากการลงทุนด้านดิจิทัลขององค์กรที่เราได้ร่วมงานด้วย จะเห็นได้ว่าแอปพลิเคชันที่อยู่ใน 10 ลำดับแรกกำลังผันตัวสู่การเป็น super app คือมีการเพิ่มบริการใหม่ ๆ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์หลักออกมา เพื่อที่จะส่งมอบคุณค่าสูงสุดสู่มือผู้ใช้งาน และการที่แพลตฟอร์มเหล่านี้เปิดให้ third-party ได้เข้ามาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ จะเป็นการเปิดโอกาสได้อีกมาก เรามองว่าเทรนด์ super app และ นวัตกรรมแบบเปิด (open innovation) จะมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตการพัฒนาแอป ทั้งในปี 2567 นี้ และปีถัด ๆ ไป”

หมายเหตุ

สถิติท็อปดาวน์โหลดเป็นข้อมูลรวบรวมจาก App Store ระหว่างเดือน กรกฎาคม 2551 – ธันวาคม 2566 และ Play Store ในช่วงเดือนมีนาคม 2555 – ธันวาคม 2566

Related Posts