RML (บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด มหาชน) เผยแผนรุกธุรกิจครั้งสำคัญปี 2567 ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING – สร้างปฐมบทใหม่แห่งการอยู่อาศัยอันเป็นที่สุด’ ภายใต้ 4 กุญแจสำคัญ 1. SUCCESSOR ครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของอสังหาฯ ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ 2. THOUGHT LEADER เปิดตัว 2 โครงการใหม่รูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน 3. CARETAKER เดินหน้าส่งมอบสุดยอดการดูแลลูกค้า และต่อยอดสู่การดูแลสังคมภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Sustainable Living’ เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. TASTEMAKER สร้างสรรค์การออกแบบโครงการและการบริการที่เหนือระดับจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก ลุยเปิดตัว ‘OCC’ อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย เต็มรูปแบบ ดึงแบรนด์ F&B และไลฟ์สไตล์ชั้นนำร่วมสร้างประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่มากกว่าเดิมในฐานะ Lifestyle Destination แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML กล่าวว่า “สำหรับปี’67 บริษัทฯ ได้วางทิศทางการดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ ผ่านการทำงาน 4 ด้าน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่สุดในทุกมิติให้กับลูกค้า ซึ่งเราจะยังคงยึดโยงปรัชญา ‘Luxury Reimagined’ ของแบรนด์เป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจเช่นเคย”
สำหรับแนวคิด ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ มุ่งเน้นใน 4 ด้าน ดังต่อไปนี้
1. SUCCESSOR
RML จะมุ่งสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ผ่านการปิดการขายทุกโครงการ และโควต้าลูกค้าชาวต่างชาติเต็มทั้งหมดดังที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต โดยสำหรับโครงการพร้อมอยู่ในปีนี้ 2 โครงการ ได้แก่ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ (The Estelle Phrom Phong)’ คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ บริษัทฯ ตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 1 ปี’67 และ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn 12)’ ตั้งเป้าปิดการขายในครึ่งปีแรกของปี’67 และตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 3 ปี’67
2. THOUGHT LEADER
บริษัทฯ เตรียมเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับโครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ ทำเลสุขุมวิท จำนวน 5 หลัง ราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 400 ล้านบาทต่อหลัง มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปี’67 และโครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ บนหาดกมลา ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นวิลล่าสุดหรู พัฒนาเฟสแรกจำนวน 7 หลัง ราคาเริ่มต้นเฉลี่ยประมาณ 600 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 7,000 ล้านบาท เปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ไตรมาส 4 ปี’67
3. CARETAKER
ส่งมอบสุดยอดการดูแลลูกค้า เพราะลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ จึงควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจและมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้เกิดความประทับใจมากที่สุด โดยในปีนี้ RML จะสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆ ให้กับลูกค้าคนสำคัญผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำด้านลักชัวรี่ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในเกือบทุกวงการ เพื่อยืนหยัดเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า
นอกเหนือจากนี้ยังต่อยอดสู่การดูแลสังคม บริษัทฯ ยังคงสานต่อการดำเนินงานมูลนิธิเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น (For Better Lives Foundation) ซึ่งก่อตั้งโดย RML เพื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และช่วยเหลือสังคม อีกทั้งยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ ‘Sustainable Living’ โดยโครงการใหม่ๆ ของ RML ยังมุ่งพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งผลักดันพื้นที่สีเขียวในทุกโครงการ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับทุกชีวิตควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
4.TASTEMAKER
RML ยังคงจุดยืนเดิมอย่างแข็งแกร่งในด้านการดีไซน์ในระดับเวิลด์คลาส โครงการปัจจุบันและโครงการในอนาคตยังคงความมีดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ เพื่อเป็นแลนด์มาร์กของเอเชีย โดยไม่ทิ้งการผสมผสานบริบทของภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมของทำเลที่โครงการเข้าไปตั้งอยู่อย่างลงตัว อีกทั้งยังมอบการบริการที่เหนือระดับจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก และ ทีม RML Service เพื่อมอบประสบการณ์ทางด้านการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
“RML ยังคงเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการยืนหยัดในการเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดอสังหาฯ ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ของไทย ที่พัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในเอเชีย โดยหนึ่งในโครงการไฮไลต์ของปีนี้คือ ‘OCC (One City Centre)’ อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย ที่มีสกายวอล์กเชื่อมกับ BTS เพลินจิต โปรเจกต์ยักษ์ที่ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น มูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท ซึ่งเราจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้
ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและบริษัทชื่อดังในไทย แล้วประมาณ 55% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานเกินกว่า 70% ในขณะที่มีอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจากร้านค้าพรีเมียมแล้วเกือบเต็ม อยู่ที่ประมาณ 90% เหลือเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจะเต็ม 100% ในปี 2567 นี้แน่นอน” นายกรณ์ กล่าวเสริม
สำหรับบริษัทที่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงาน ‘OCC’ ล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่รู้จักในไทยจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ, โค-เวิร์คกิ้งสเปซ ตลอดจนธุรกิจการเงิน และธุรกิจบริการ
‘OCC’ เป็นมากกว่าที่ทำงาน แต่มีพื้นที่สำหรับแฮงเอ้าท์ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ชื่อดัง ให้ชาวเพลินจิตได้พักผ่อนหย่อนใจ โดยปัจจุบันมีร้านค้าเปิดให้บริการเกือบเต็มพื้นที่แล้ว และพร้อมเปิดให้บริการในปี 2567 ร้านใหม่ล่าสุดที่เปิดให้บริการ ได้แก่ ร้านกรีน แอนด์ บีน (Green & Been) ซึ่งเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย โดยเป็นร้านคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟสุดพิเศษและวัตถุดิบชาเขียวพรีเมียม นำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการร่วมสร้างสรรค์โดยผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังก้องโลกคือ ‘เชฟกากั้น อนันต์ (Gaggan Anand)’ เจ้าของห้องอาหารระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว ที่ครองตำแหน่งอันดับ 1 ของ Asia’s 50 Best Restaurants ถึงสี่ปีซ้อน ร่วมกับ ‘เชฟแฝดชาวเยอรมันโธมัสและ แมทธิอัส ซูห์ริง (Thomas & Mathias Sühring)’ ที่โด่งดังจากร้านอาหารเยอรมันที่เคยได้รับดาวมิชลิน และ ‘อนุพงศ์ คุตติกุล (Anupong Kuttikul)’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Carnival มัลติแบรนด์ช็อปและแบรนด์เสื้อผ้าสตรีทแวร์สัญชาติไทย, ร้านเอนิชิ (ENISHI) ราเมนที่คนญี่ปุ่นแนะนำ การันตีด้วย มิชลิน บิบ กูร์มองด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ที่ OCC ในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้, ร้านซูชิ ชิมะโมโตะ (Sushi Shimamoto) ร้านโอมากาเสะชื่อดัง ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ให้บริการในไตรมาส 2 นี้ อีกทั้งยังมีร้านต่างๆ มากมายที่เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คือ ดีน แอนด์ เดลูก้า (DEAN & DELUCA) ร้านกาแฟดังที่ถือกำเนิดมากจากอเมริกา, โอ บอง แปง (Au Bon Pain) ร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่ ชื่อดังจากอเมริกา, %อาราบิก้า (%Arabica) คาเฟ่ที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น, กาซาน่า (Ksana) คาเฟ่ชาเขียวมัทฉะเข้มข้นชื่อดังจากญี่ปุ่น, แบลคโบบา สเปเชียลตี้ (BLK.BOBA Specialty) ร้านชานมไข่มุกออร์แกนิคชื่อดัง, และลอว์สัน (Lawson) ร้านสะดวกซื้อชื่อดังจากญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังมี กินนี่ฟู้ด (Kinnie Food) ฟู้ดคอร์ทในราคาที่จับต้องได้ รองรับพนักงานออฟฟิศย่านเพลินจิต รวมถึงผู้คนทั่วไป ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญบนชั้น 61 และ 58 บาร์และห้องอาหารหรู ซึ่งจะเปิดให้บริการไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ โดยพัฒนาจากบริษัท อัคร ฮอสพิแทลลิตี้ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอาหารและความบันเทิงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ผู้สร้างชื่อเสียงวงการอาหารและเครื่องดื่มไทยมากมายอีกด้วย โดยมั่นใจว่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางใหม่ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแน่นอน