บีเอ็มดับเบิลยู เผยรุ่นรถใช้ฝึกอบรม BMW Driving Experience 2024

บีเอ็มดับเบิลยู เผยรุ่นรถใช้ฝึกอบรม BMW Driving Experience 2024

โปรแกรม BMW Driving Experience เป็นโปรแกรมฝึกอบรมการขับขี่รถยนต์อย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้ผู้ขับสามารถประเมินสถานการณ์และรับมือได้อย่างเหมาะสม โดยโปรแกรมดังกล่าวเริ่มขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2520 ในประเทศเยอรมนี ซึ่งดำเนินการโดย BMW Motorsport GmbH ด้วยเป้าหมายที่ยังคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ใช้สำหรับการฝึกอบรมนักแข่ง มาให้แก่ผู้ใช้ยานพาหนะทั่วไป เพื่อยกระดับศักยภาพระหว่างคนกับรถยนต์ ให้ได้ทักษะการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

สำหรับในประเทศไทย ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จัดคอร์สฝึกอบรม BMW Driving Experience ครั้งแรกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2547 โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 20 ของกิจกรรม BMW Driving Experience ในประเทศไทย ซึ่งได้มีการยกระดับรูปแบบของโปรแกรมให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นและขยายศักยภาพในการรองรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ถึง 30 คน ภายใต้ความร่วมมือของผู้สนับสนุน 3 ราย ได้แก่ อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด, มิชลิน ประเทศไทย และบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เสริมความสามารถในการขับขี่ ผ่านการเรียนรู้ทักษะการขับขี่ที่ท้าทาย และสนุกสนาน เน้นย้ำการขับขี่อย่างปลอดภัย ช่วยปรับปรุงทักษะการขับขี่ทั่วไปและการตอบสนองในกรณีฉุกเฉิน ดำเนินการโดยทีมผู้ฝึกสอนที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู โดยคอร์สของ BMW Driving Experience แบ่งเป็น:

BMW Driving Experience

  1. ระดับ Basic เหมาะกับผู้ที่มีทักษะการขับขี่ทุกระดับ เน้นการเสริมทักษะที่จำเป็นในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและขับขี่ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยผู้ขับขี่จะได้ฝึกฝนทักษะด้วยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์สันดาปอย่างบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุดอย่างบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive โดยจะครอบคลุมการฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ดังนี้
  • การปรับท่านั่งและการหมุนพวงมาลัยที่ถูกต้อง
  • การเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.
  • การเปลี่ยนช่องทางกะทันหันที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.
  • การเบรกฉุกเฉินพร้อมเปลี่ยนช่องทางกะทันหันที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.
  • การแก้อาการรถเสียหลักหลุดโค้ง
  • การแก้อาการรถหมุน
  • การฝึกขับแบบสลาลมจับเวลา

ทั้งนี้ ผู้เข้าฝึกอบรมจะได้รับทั้งความรู้ ทักษะ และความสนุกในการขับขี่ไปพร้อมกัน เมื่อสิ้นสุดการอบรม จะได้รับประกาศนียบัตรจากบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อยอดในการเรียนทักษะการขับขี่ขั้นสูงของบีเอ็มดับเบิลยูในระดับสากลได้อีกด้วย

BMW Driving Experience

  1. ระดับ Advanced คอร์สอบรมที่มีความเข้มข้นและท้าทายยิ่งขึ้นด้วยการฝึกฝนเทคนิคการขับขี่ขั้นสูง เพื่อใช้แก้สถานการณ์คับขันบนท้องถนนในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงเทคนิคการขับขี่แบบพิเศษ เพื่อให้ผู้ร่วมฝึกได้นำเอาศักยภาพของทั้งตนเองและรถยนต์ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งผู้ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมระดับ Advanced จะต้องผ่านการอบรมคอร์ส Basic และได้รับใบประกาศนียบัตรมาแล้ว โดยจะได้ฝึกอบรมทักษะต่าง ๆ ดังนี้
    • การเบรกฉุกเฉินในโค้งที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
    • การเปลี่ยนช่องทางกะทันหันสองจังหวะพร้อมเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
    • ดริฟต์แบบครึ่งวงกลม
    • กลับรถ 180 องศาแบบฉุกเฉิน
    • ดริฟต์แบบวงกลม
    • การฝึกขับยิมคาน่าจับเวลา
  1. คอร์ส BMW M Driving Experience โปรแกรมฝึกฝนทักษะการขับขี่เพื่อดึงความสามารถของทั้งผู้ขับขี่และรถยนต์ออกมาใช้ในสนามแข่งได้อย่างเต็มที่ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสรถยนต์สมรรถนะสูงกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล M ที่มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์สปอร์ตสุดเร้าใจ ณ สนามพีระเซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามแข่งระดับตำนานของประเทศไทย เพื่อท้าทายขีดจำกัดและสนุกสนานกับความเร็วภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมผู้ฝึกสอน โดยผู้ร่วมกิจกรรมต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมคอร์ส Basic Training Course และ Advanced มาเรียบร้อยแล้ว สำหรับทักษะที่จะได้อบรมในคอร์ส BMW M Driving Experience ได้แก่
    • การทำความเข้าใจไลน์แข่งรถ
    • การฝึกเข้าไลน์สนามแบบโค้งยูเทิร์น
    • การฝึกเข้าไลน์สนามแบบโค้ง 90 องศา
    • การขับในสนามรอบใหญ่ตามรถนำขบวน (ใช้เวลาครึ่งวัน)

ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในกิจกรรม BMW Driving Experience 2024

BMW Driving Experience

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport

ราคาจำหน่าย: 3,019,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม. )

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานยอดนิยมมาพร้อมกับการปรับปรุงดีไซน์และเทคโนโลยีใหม่ทั้งภายในและภายนอก ด้วยการออกแบบสไตล์สปอร์ตหรูหราและเน้นการควบคุมที่คล่องตัว บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ได้สร้างมาตรฐานใหม่ล่าสุดให้กับความเพลิดเพลินในการขับขี่ในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมียมขนาดกลาง

การปรับปรุงเฉพาะจุดบริเวณกันชนหน้าและกันชนหลังชูความโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตให้โดดเด่นกว่าที่เคย ไฟหน้าและกระจังหน้าทรงไตคู่แบบใหม่ส่งให้ตัวรถสะดุดตายิ่งขึ้น ไฟหน้า Adaptive LED ถูกออกแบบให้เรียวลง ส่วนไฟส่องสว่างตอนกลางวันถูกออกแบบใหม่ในรูปทรงตัว L กลับหัว มอบรูปลักษณ์ภายนอกที่กลมกลืนและล้ำสมัยกว่าเดิม ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ยังตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุสีเงาดำ พร้อมกับโคมไฟหน้าตกแต่งสีดำอีกด้วย

การออกแบบห้องโดยสารเน้นความทันสมัยและระบบดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญ โดยลดปุ่มสั่งงานต่าง ๆ เพื่อรองรับการควบคุมแบบสัมผัสและการสั่งงานด้วยเสียง หน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 12.3 นิ้วหลังพวงมาลัยและหน้าจอควบคุมขนาด 14.9 นิ้ว ถูกผสานรวมกันเป็นจอแสดงผลดิจิทัลแบบโค้ง BMW Curved Display เพื่อสร้างการนำเสนอแบบดิจิทัลที่ให้ความคมชัดสูง ซอฟต์แวร์ที่มากับจอยังได้รับการอัปเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ทั้งสามรุ่นย่อยมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic และแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย รวมไปถึงคันเกียร์แบบใหม่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

BMW Driving Experience

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริดและเทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 265 นิวตันเมตร ด้วยกำลังรวมสูงสุด 215 กิโลวัตต์/292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดที่ 420 นิวตันเมตร รถยนต์รุ่นนี้มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5.8 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราการใช้ไฟฟ้าตามมาตรฐาน NEDC 16.42 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร และระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 59 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อช่วยควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ยังมีระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เซนเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ระบบตรวจวัดลมยางอีกด้วย และระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง นอกจากนี้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sportยังสามารถใช้ประโยชน์จากบริการด้านดิจิทัลผ่านหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional โดยสามารถตั้งค่าการแสดงผลต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ หรือเลือกช่องทางในการเชื่อมต่อสื่อสารและควบคุมได้ตามความถนัด ทั้งผ่านจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบการสั่งงานด้วยเสียง ระบบเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดผ่านบริการ BMW ConnectedDrive และระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เสริมความพึงพอใจและความสะดวกสบายในห้องโดยสารยิ่งขึ้น

BMW Driving Experience

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive

ราคาจำหน่าย: 5,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มาพร้อมกับงานออกแบบส่วนหน้ารถที่เติมความสดใหม่ให้กับกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปทรงที่ยื่นออกมาเด่นชัดมากขึ้นจากด้านหน้า ล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ ส่วนไฟหน้าทั้งสองดวง มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน ส่วนด้านข้างของตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่น เสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ตข้างสีดำ มือจับประตูที่เรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ และเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C พร้อมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา ขณะที่ส่วนท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กันด้วยไฟท้ายดีไซน์เรียบหรู

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M แบบรอบคัน ไม่ว่าจะเป็น
สปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss เบรกคาลิเปอร์ สีแดง red high-gloss และพิเศษกับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line และล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี

ในด้านสมรรถนะ ตัวท็อปอย่างบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงถึงขีดสุดด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังขับถึง 442 กิโลวัตต์ / 601 แรงม้า และแรงบิด 795 นิวตันเมตร หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ทั้งหมดนี้ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ทั้งเร็วและแรงเต็มพิกัดในสไตล์ M ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 466 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุด ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ จะช่วยให้เจ้าของสามารถชาร์จไฟ จาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที

BMW Driving Experience 2024

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ยังคงรักษาสมดุลระหว่างความสปอร์ตสุดเร้าใจและความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทางไว้ เช่นเดียวกับซีรีส์ 5 รุ่นก่อน ๆ ด้วยความกว้างของตัวรถที่มากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่แทบจะสมบูรณ์แบบที่อัตราส่วน 50:50 และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งในทุกส่วน ส่วนช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มาพร้อมกับระบบ Adaptive Suspension Professional ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering)

ความสปอร์ตในสไตล์ M ยังเห็นได้เด่นชัดในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarityที่ทำจากแก้วคริสตัล และเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า ขณะที่ระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort ก็เสริมความหรูหราและสะดวกสบายให้ทุกการเดินทาง โดยห้องโดยสารด้านในมาพร้อมสี Dark Silver M accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน high-gloss silver นอกจากนี้ ทั้งคนขับ ผู้โดยสารด้านหน้า และผู้โดยสารที่เบาะหลังทั้ง 2 ด้าน ยังจะได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบการปรับอุณหภูมิ ความแรงลม และการระบายอากาศแบบแยกโซน รวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 5 ระดับ เซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง และระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพาร์ทิเคิล (nano particulate filters) พร้อมจะส่งมอบทั้งประสบการณ์การใช้งานอันแสนจะง่ายไปพร้อมกับสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาการเดินทาง

สำหรับที่นั่งคนขับด้านหน้า ยังคงมุ่งเน้นไปที่ความสบายและมั่นใจของผู้ขับขี่ ด้วยระบบหน้าจอโค้ง BMW Curved Display ที่แบ่งออกเป็นจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงระบบควบคุม Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5ที่มาพร้อมฟีเจอร์ QuickSelect ทำให้ผู้ขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู i5 สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านไอคอนที่จัดเรียงมาในรูปแบบแถวแนวตั้งด้านข้างคนขับ ช่วยลดระยะเวลาในการใช้งานเมนูย่อยก่อนการเปิดใช้ฟีเจอร์นั้น ๆ นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง BMW Curved Display ยังทำงานควบคู่ไปกับระบบ BMW iDrive เพื่อส่งมอบการควบคุมที่ง่ายดายผ่านระบบหน้าจอสัมผัส ปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัย และอุปกรณ์ควบคุม BMW iDrive Controller ที่บริเวณกลางคอนโซล นอกจากนี้ แพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล BMW Head-Up Displayและมุมมองแบบ Augmented View ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้งานเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมการใช้งานด้านต่าง ๆ หรือจะใช้เป็นเป็นหน้าจอเสริมแบบ instrument cluster ก็ได้

อีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลท์ภายในห้องโดยสารก็คือแถบ BMW Interaction Bar ที่ประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตู ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านหน้าจอสัมผัส ทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 6 แบบตามรสนิยมเจ้าของ ได้แก่ Personal, Efficient, Sport และ Sport+, Expressive และ Relax

นอกเหนือไปจากระบบการควบคุมที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีและที่สุดของความสะดวกสบายด้านการใช้งาน บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ยังมุ่งส่งมอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยใช้ระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลก Bowers & Wilkinsซึ่งถือเป็นการปราฏตัวครั้งแรกบนบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 เพื่อมอบสุนทรียะทางเสียงให้แก่ผู้ใช้จากลำโพงทั้งหมด 17 ตัว มีกำลังขับรวมถึง 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ และลำโพงสำหรับมอบเสียงเบสโดยเฉพาะที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive สามารถมอบขุมพลังและความยืดหยุ่นทางเสียงให้คุณได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม

นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังร่วมส่งมอบความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม

ในขณะขับขี่บนท้องถนน บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มาพร้อมกับระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง เอาไว้ด้วยกัน ในระหว่างการจอดรถ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus จะใช้กล้อง ควบคู่กับระบบคลื่นอัลตราซาวน์เพื่อช่วยผู้ขับขี่ในหลายสถานการณ์ ผ่านระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant ระบบช่วยถอยรถ Reversing Assistant ระบบเตือนระยะห่าง Active Park Distance Control ระบบการช่วยจอดแบบ Lateral Parking Aid และระบบกล้องรอบทิศทาง Surround View โดยผู้ขับขี่สามารถดูสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยภาพแบบสามมิติผ่านแอปพลิเคชัน My BMW รวมทั้งยังสามารถซื้อฟังก์ชัน BMW Drive Recorder ที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบความละเอียดสูงจากกล้องรอบทิศทางได้จาก BMW ConnectedDrive Store

BMW Driving Experience

บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive

ราคาจำหน่าย: 4,219,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.)

บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive สืบทอดรูปลักษณ์การดีไซน์ที่ล้ำสมัย การควบคุมที่แม่นยำ สมรรถนะเหนือชั้น และเทคโนโลยีการขับขี่ล่าสุด ซึ่งล้วนเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แต่ได้รับการยกระดับในด้านศักยภาพความปราดเปรียวให้ทรงพลังขึ้นอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะสูง และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive อันชาญฉลาด นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ยังเป็นรถยนต์ M Performance รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศ ณ โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงงานในปี 2543

บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลซีรีส์ 3 ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบสมรรถนะโดดเด่นและความคล่องตัวสูงสุด ส่งพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียงขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo สร้างพละกำลังสูงสุด 285 กิโลวัตต์ / 387แรงม้า ที่ 5,800 – 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,900 – 5,000 รอบต่อนาที ส่งสปอร์ตซีดานตัวแรงให้โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.4 วินาที มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Steptronic แบบสปอร์ต 8 จังหวะ ตอบสนองรวดเร็วทันใจ พร้อมอัตราทดเกียร์ที่สั้นในจังหวะเกียร์ต่ำ จึงเสริมประสิทธิภาพขณะเร่งความเร็ว ทำงานควบคู่กับฟังก์ชั่น Launch Control เพิ่มพลังความแรงสูงสุดในช่วงออกตัว และผู้ขับขี่ยังสามารถเปลี่ยนไปใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัยได้ตลอดเวลาหากต้องการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเอง

บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive อันชาญฉลาดที่กระจายกำลังแบบแปรผันระหว่างเพลาหน้าและเพลาท้ายตลอดเวลา เพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อ ขณะเพิ่มความคล่องตัวและเสถียรภาพการทรงตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ระบบ xDrive ยังเน้นการส่งกำลังไปยังล้อหลัง เพื่อมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่เร้าใจในแบบของบีเอ็มดับเบิลยู ส่วนโหมดการขับขี่ SPORT และ SPORT+ ในระบบ Driving Experience Control ยังช่วยเสริมความปราดเปรียวและมั่นใจด้วยการถ่ายเทกำลังไปยังล้อหลังมากขึ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวขณะเข้าโค้ง บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ยังมาพร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้าแบบ M Sport ช่วยยกระดับการควบคุมล้อ การทรงตัว และความคล่องตัวให้เฉียบคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

BMW Driving Experience

การออกแบบช่วงล่างแบบเฉพาะตัวในสไตล์ M ยังเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่เสริมสมรรถนะความสปอร์ตของบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive โดยมาพร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive M และระบบกันสะเทือนควบคุมด้วยไฟฟ้า ทำงานประสานกับพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็ว (Variable Sport Steering) ตอบสนองได้อย่างแม่นยำและทันใจ อีกทั้งยังมาพร้อมระบบเบรก M Sport ที่มีระยะเบรกสั้น ตอบสนองฉับไว ให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงการชะลอความเร็วที่มีประสิทธิภาพได้ทันทีที่เท้าแตะเบรก ซึ่งเป็นผลจากการส่งกำลังเบรกโดยตรงและแรงดันไฮดรอลิกที่แตกต่างกัน จากคาลิเปอร์เบรกแบบแบบยึดติดอยู่กับที่ 4 ลูกสูบ และจานเบรกขนาด 348 มิลลิเมตรที่ล้อหน้า พร้อมคาลิเปอร์แบบเคลื่อนที่ 1 ลูกสูบ และจานเบรกขนาด 345 มิลลิเมตรบริเวณล้อหลัง ทั้งยังสะดุดทุกสายตาด้วยคาลิเปอร์เบรกสีฟ้าพร้อมโลโก้ M เข้าคู่กับล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้้ว ลาย Double-spokeแบบสลับสีและยางรันแฟลต

เพื่อเพิ่มความอุ่นใจแก่ผู้ขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ยังพกระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus มาอย่างครบครัน สำหรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ มาพร้อมระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning) และเซนเซอร์ควบคุุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) ขณะที่ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

สมรรถนะอันโฉบเฉี่ยวของบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ยังสื่อผ่านเอกลักษณ์การดีไซน์และชุดแต่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระโปรงหน้า ขอบประตูด้านล่าง และท้ายรถที่ได้รับการออกแบบให้เสริมการระบายอากาศและการไหลผ่านของอากาศได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่นอย่างกระจังหน้าทรงไตคู่ในลวดลายแบบตาข่าย สปอยเลอร์ท้ายสไตล์ M สีเดียวกับตัวถัง และท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมู กลิ่นอายความสปอร์ตของบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ยังสะท้อนจากระบบไฟหน้า BMW Laserlights และองค์ประกอบต่าง ๆ ในสี Cerium Grey metallicตั้งแต่ฝาครอบกระจกข้าง ช่องดักอากาศ กรอบกระจังหน้า ฝาครอบปลายท่อไอเสีย ตลอดไปจนถึงตัวอักษรบอกชื่อรุ่นที่ท้ายรถ

ส่วนห้องโดยสารมาพร้อมกับเบาะนั่งตอนหน้าแบบสปอร์ตบุลาย M คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec เพดานหลังคาภายในสี Anthracite และพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ ภายในตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Tetragon เติมเต็มบรรยากาศเหนือระดับอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์เฉพาะตัวที่บ่งบอกชื่อรุ่น M340i xDrive บริเวณขอบประตูหน้า พร้อมปรากฎโลโก้ M340i บนแผงหน้าปัดดิจิทัล

เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอื่น ๆ ในบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ยังรวมถึงระบบ BMW Live Cockpit Professional ที่แสดงผลบนแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง BMW Navigation System รุ่น Professional บนจอระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว และยังมาพร้อมระบบ BMW Head-up Display และหลังคากระจกเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า

BMW Driving Experience 2024

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport

ราคาจำหน่าย: 4,649,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.)

บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 4 สร้างนิยามใหม่ให้แก่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดกลาง ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งทรงพลัง ความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ และตำนานสุดยอดความสปอร์ตของ
บีเอ็มดับเบิลยู ในดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตาจากทุกมุมมอง หลอมรวมรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยของรถสปอร์ตสองประตูและปรัชญาการดีไซน์ใหม่ที่ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยครั้งนี้มาในรูปแบบการขับขี่แบบเปิดประทุนในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport

รูปโฉมด้านหน้ารถประกาศถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใครด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ที่ยาวลงมาใกล้ขอบกันชนหน้า ไฟหน้าทรงเรียวของบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ออกแบบให้ลากยาวไปถึงซุ้มล้อหน้า ระยะระหว่างล้อหน้าและส่วนหน้าสุดของรถสั้นปราดเปรียวยิ่งขึ้น โครงสร้างเสาได้รับการออกแบบให้เพรียวยิ่งขึ้นสอดรับกับความยาวของประตูและหน้าต่างไร้ขอบ รวมถึงแนวหลังคาที่ล้วนสะท้อนถึงความสง่างามของรถยนต์ซีรีส์ 4 คันนี้ ท้ายรถมอบความรู้สึกโฉบเฉี่ยวทรงพลังด้วยไฟท้าย LED ทรงเรียวยาวรูปตัว L พร้อมแต่งสีหม่นให้มาดขรึมอย่างทรงพลัง คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport สีแดงเงา และชุดแต่ง M Aerodynamics ส่งให้รถเปิดประทุนคันนี้ดูโฉบเฉี่ยวมีสไตล์ยิ่งขึ้น ในขณะที่ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายกว่าเคย หลังคาผ้าแบบอ่อนทำงานด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพลิดเพลินไปกับสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ได้ในทุกสภาพอากาศ

เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport และพวงมาลัยหุ้มหนัง M Sport มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec และจอ Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว มอบพื้นที่หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ส่วนระบบช่วยโหลดสัมภาระ (Loading Assistant) ช่วยให้การจัดเก็บและขนย้ายสัมภาระในรถยนต์เปิดประทุนรุ่นนี้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo มอบสมรรถนะการขับขี่ได้เต็มพิกัด ส่งพละกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,550 และ 4,400 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Sport Steptronic พร้อมช่วงล่าง M Sport ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มอบการควบคุมที่ปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ระบบช่วยการขับขี่ ระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด และเซนเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน นอกจากนี้ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ยังสามารถใช้ประโยชน์จากบริการด้านดิจิทัลผ่านหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional โดยสามารถตั้งค่าการแสดงผลต่าง ๆ ตามความชอบส่วนบุคคล หรือเลือกช่องทางในการเชื่อมต่อสื่อสารและควบคุมได้ตามความถนัด ทั้งผ่านจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDrive ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ระบบการสั่งงานด้วยเสียงที่มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และเสริมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดผ่านบริการ BMW ConnectedDrive

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport มาใน 4 สีตัวถัง ซึ่งรวมไปถึงสีดำ Black Sapphire สีขาว Mineral White สีเทา M Brooklyn Grey และสีน้ำเงิน Tanzanite Blue

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและจองคอร์สการฝึกอบรมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/driving-experience/overview.html  หรือโทรติดต่อ 095-169-1919 เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

Related Posts