จากข้อมูลของสถาบันวิจัย International Wine Spirit Research ประเทศอังกฤษที่พบว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อัตราการจับจ่ายทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เติบโตจากผู้คนที่ใช้จ่ายเงินกับเครื่องดื่มคุณภาพดีมากขึ้น Johnie Walker Blue Label โดย บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงโอกาสครั้งสำคัญจากเทรนด์ดังกล่าว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ Premiumization อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และประสบการณ์พรีเมียมให้กับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงการพัฒนา Johnnie Walker Depth of Blue Room แฟล็กชิพสโตร์สก็อตช์วิสกี้แห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่สำคัญอย่างโรงแรม Park Hyatt Bangkok
คุณจรินี วงศ์กำทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญในระดับภูมิภาคของดิอาจิโอ อีกทั้งในปีนี้ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ก็กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปีของการดำเนินงานในประเทศไทย และจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเทรนด์พรีเมียมในปัจจุบัน เราจึงไม่หยุดนิ่งในการปรับกลยุทธ์ให้ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบอกเล่าเรื่องราวที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ การไม่หยุดยั้งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเดินหน้ามองหาพันธมิตรเพื่อสร้างความร่วมมือครั้งใหม่ และการสร้างสรรค์ประสบการณ์และปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการเปิดประสบการณ์พรีเมียมผ่าน Johnnie Walker Depth of Blue Room แห่งนี้”
Johnnie Walker Depth of Blue Room เปรียบเสมือน Icon of Luxury ที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค โดยแฟล็กชิพสโตร์แห่งนี้ช่วยบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้ครบถ้วน ในแบบฉบับที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ในหลากหลายมิติให้ผู้บริโภคได้เพลิดเพลิน ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และการมองเห็น พร้อมไฮไลต์เด่นอย่าง จอภาพแบบ 180 องศาที่มาพร้อมเอฟเฟกต์แสงสีเสียงสุดพิเศษ ให้ได้เพลินเพลินไปกับความอลังการ ผสานวิทยาการและการดื่มด่ำเบลนด์วิสกี้ที่หายาก และยังจะได้เปิดประสบการณ์ถึงสัมผัสต่าง ๆ ผ่าน Rarity Card และ Luxury Flipbook ที่สะท้อนความแรร์และความหรูหราของ Blue Label ได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Johnnie Walker Depth of Blue Room แห่งนี้คือ ผู้บริโภคจะได้เพลิดเพลินกับเมนูค็อกเทลสุดพิเศษที่สร้างสรรค์ผ่านแรงบันดาลใจจากวัตถุดิบของไทยโดยเฉพาะทั้ง 4 เมนู ได้แก่ High Soul, Daring Ocean, Too Blue และ Lowland Heath รวมถึงเมนูที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ “Johnnie Walker Blue Label” แบบ Neat และ On The Rock ตอกย้ำความพิเศษและความแรร์ของ Johnie Walker Blue Label เบลนด์วิสกี้หายากที่คัดสรรจากทั่วทั้งสี่มุมของสก็อตแลนด์ โดยมีเพียง 1 ใน 10,000 ถังเท่านั้นที่สามารถนำมารังสรรค์เป็น Johnie Walker Blue Label ได้
นอกจากนี้ Johnie Walker Blue Label ยังเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ Premiumization อย่างต่อเนื่องและหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ต้องการใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์พรีเมียมที่แตกต่างกันไป ในแบบฉบับของตนเอง โดยมีหลักการดำเนินงาน 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ (Quality) และการบอกเล่าเรื่องราวที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ (Brand Storytelling)
- ปัจจัยสำคัญสำหรับการสร้างแบรนด์ Luxury ในยุคปัจจุบันนอกจากการมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีแล้วการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ในแบบฉบับที่สามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่สามารถมัดใจผู้บริโภคได้นั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ
- Johnnie Walker Blue Label มีเรื่องราวพิเศษมากมายจากการที่แบรนด์Johnnie Walker มีประวัติศาสตร์ทั่วโลกมายาวนานกว่า 200 ปี และครบรอบ100 ปีในประเทศไทยปีนี้ด้วยเหตุนี้ Johnnie Walker Blue Label ได้พัฒนานวัตกรรมของวงการ Scotch Whisky ที่ไม่เคยมีมาก่อนในภูมิภาคนี้ คือ Johnnie Walker Depth of Blue Room ซึ่งเป็น Flagship Store แห่งแรกของJohnnie Walker Blue Label ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครบถ้วน ทั้งจากผลิตภัณฑ์ Luxury ที่มีความแรร์ มีคุณภาพ บริการระดับพรีเมียม รวมถึงเรื่องราวของแบรนด์ที่ผู้บริโภคไม่สามารถหาได้ที่ไหน มีความใหม่และแตกต่างจากสิ่งที่ผู้บริโภคในประเทศไทยเคยได้รับ เพื่อสร้างให้แบรนด์Johnie Walker Blue Label เป็น Icon of Luxury สำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริง
- การไม่หยุดยั้งในการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation) และเดินหน้ามองหาพันธมิตรเพื่อสร้างความร่วมมือครั้งใหม่ (Collaboration)
- นี่คือบทพิสูจน์ของการที่ Johnnie Walker เป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ทั่วโลกกว่า 200 ปี และจะครบ 100 ปีในประเทศไทยปีนี้ ซึ่งการมีประวัติศาสตร์มายาวนานของเรา หมายถึงการปรับตัวพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อมอบประสบการณ์จากผลิตภัณฑ์และบริการที่ผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัยต้องการ โดยยังคงสอดคล้องกับปรัชญา Keep Walking
- นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ Johnnie Walker Blue Label ที่รังสรรค์โดยดร.เอ็มมา วอล์กเกอร์ มาสเตอร์
เบลนเดอร์ของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ และทีมผู้เชี่ยวชาญผลิตวิสกี้ ที่ได้คัดสรรวิสกี้ที่ผ่านการบ่มอย่างยาวนานและตามแบบฉบับสก็อตอย่างแท้จริงในถังไม้โอ๊ค ซึ่งในจำนวน 10,000 ถัง มีเพียง 1 ถังเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินำมาคัดสรรสำหรับการผลิต Johnnie Walker Blue Label ได้ อีกทั้งยังได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ตามโอกาสต่างๆ อย่างต่อเนื่องทุกปี เช่น - Johnnie Walker Depth of Blue Room แฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ชั้น 35 เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ Icon of Luxury ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์หลากมิติอย่างมีระดับ นับเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค เพื่อให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเข้ามาใช้บริการได้
- รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น Johnnie Walker Blue Label Elusive Umami วิสกี้ที่เบลนด์จากฝีมือของ ดร. เอ็มมา วอล์กเกอร์ มาสเตอร์เบลนเดอร์ของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการผสมผสานเมนูอาหารจากเชฟชาวญี่ปุ่นชื่อดัง เค โคบายาชิ สู่การถอดรหัสลับรสชาติอูมามิอันลึกลับน่าค้นหา โดยอูมามิหรือรสชาติที่ห้าตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเปรียบเสมือนรสชาติแห่งความกลมกล่อมอันล้ำลึก อันเป็นการผสาน ธาตุดิน ธาตุน้ำ และธาตุลมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
- รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น Johnnie Walker Blue Label Lunar New Year เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ด้วยการออกคอลเคลชั่นปีนักกษัตรต่างๆ ผ่านการร่วมมือกับศิลปินระดับโลกที่มาออกแบบลวดลายปีนักษัตรจีนบนบรรจุภัณฑ์ทั้งขวดและกล่อง โดยสำหรับปี 2567 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แบรนด์ได้ร่วมกับเจมส์ จีน ศิลปินเชื้อสายเอเชียน-อเมริกันชื่อดัง ต้อนรับการก้าวเข้าสู่ปีนักษัตรมังกร พร้อมส่งมอบความสุข ความเจริญรุ่งเรืองและความมีชีวิตชีวาตลอดทั้งปี ผ่านผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ลวดลายมังกรดีไซน์โดดเด่นสุดพิเศษ ส่งต่อความทันสมัยและความปราดเปรียว อันเป็นลักษณะเด่นของสัตว์ประจำปีนักษัตรนี้
- รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น Johnnie Walker Blue Label Ghost and Rare ซึ่งบรรจงคัดสรรวิสกี้ที่ผ่านการบ่มและกลั่นมาอย่างยาวนานจากโรงกลั่นเก่าแก่ซึ่งปิดตัวไปแล้วในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศสก็อตแลนด์
- สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คอกเทล เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ชอบเครื่องดื่มรสชาติที่แตกต่างและชอบ
ไลฟ์สไตล์ Bar Hopping โดยเนื่องจาก Johnnie Walker Blue Label เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายมิติ (หรือมี Depth สูง) จึงมีความท้าทายในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มคอกเทล ซึ่งสูตรคอกเทลต่างๆ ที่ Johnnie Walker Depth of Blue Room แห่งนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานการคงไว้ซึ่งคุณภาพจากJohnnie Walker โดยความพิเศษเพิ่มเติมคือ ได้ปรับคอกเทลให้มีส่วนผสมแบบไทยๆ ที่หาดื่มที่ไหนไม่ได้ ผ่านการรังสรรค์โดย Brand Ambassador ของดิอาจิโอ ร่วมกับทีมบาร์เทนเดอร์ของโรงแรม Park Hyatt Bangkok
- การสร้างสรรค์ประสบการณ์ (Experience) และปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค(Consumer Connect) ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านนวัตกรรม Johnnie Walker Depth of Blue Room แห่งนี้
- Johnnie Walker Blue Label ยังมุ่งเน้นการรังสรรค์ประสบการณ์และเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น ผ่านนวัตกรรม Johnnie Walker Depth of Blue Room แห่งนี้ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ Icon of Luxury ที่นอกจากจะเป็นการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้ว ยังรวมไปถึงการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ที่สะท้อนตัวตน ตอกย้ำการเป็นแบรนด์สก็อตช์วิสกี้ชั้นนำอันดับ 1 ของโลก
- อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่สุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสบการณ์ Premiumization แก่ผู้บริโภค เราดำเนินการภายใต้กรอบการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างรับผิดชอบซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง
คุณจรินี กล่าวเสริมว่า “นอกจากการเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และประสบการณ์แบบพรีเมียมให้กับผู้บริโภคแล้ว ดิอาจิโอยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องภายใต้กฎระเบียบต่าง ๆ โดยที่ผ่านมา แบรนด์จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบที่สอดคล้องกับกฎระเบียบของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเน้นย้ำและส่งเสริมเรื่องการดื่มอย่างรับผิดชอบ เพื่อสังคมที่ปลอดภัย”
Johnnie Walker Depth of Blue Room เปิดให้บริการในวันพุธถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.30 น. – 24.00 น. โดยกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ในส่วนของ Immersive ขั้นต่ำ 4 คน และจำกัดจำนวนสูงสุดที่ 6 คนต่อรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริโภคได้รับความเพลิดเพลินอย่างเต็มอรรถรส ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถติดต่อขอรับบริการตามคอนเซ็ปต์ของไลฟ์สไตล์ที่หรูหราในแบบของตนเอง ผ่านการสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ +66 2 011 7480 หรือ [email protected]