ปตท.สผ. ไตรมาส 2 กำไรสุทธิโต 25% ปันผลระหว่างกาล 4.50 บาทต่อหุ้น

ปตท.สผ. ไตรมาส 2 กำไรสุทธิโต 25% ปันผลระหว่างกาล 4.50 บาทต่อหุ้น

กรุงเทพฯบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 653 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 506,709 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโครงการ G1/61 (เอราวัณ) และโครงการยาดานาในเมียนมา อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 47.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

โดยผลประกอบการไตรมาส 2 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ท่ามกลางความท้าทายของตลาดพลังงานโลก บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตปิโตรเลียม

ในไตรมาส 2 บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มีความคืบหน้าสำคัญหลายโครงการ เช่น โครงการ G1/61 (เอราวัณ) ที่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ตามเป้าหมายที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และโครงการยาดานาในเมียนมาที่ ปตท.สผ. เข้าซื้อหุ้นเพิ่มจนถือหุ้นใหญ่

นอกจากนี้ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ยังเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยเข้าซื้อหุ้น 25.5% ในโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง Seagreen Offshore Wind Farm ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในสกอตแลนด์ และร่วมลงทุนในโครงการกรีนไฮโดรเจนในโอมาน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2573

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล

คณะกรรมการบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 ในอัตรา 4.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2567

สรุปสาระสำคัญ

  • บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ 653 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อนหน้า
  • ปริมาณขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 506,709 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
  • ราคาขายเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 47.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
  • บริษัทเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Seagreen Offshore Wind Farm) และโครงการกรีนไฮโดรเจนในโอมาน
  • คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 ในอัตรา 4.50 บาทต่อหุ้น

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบดูไบในไตรมาส 2 ปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 85.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 81.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยหลักมาจากความกังวลด้านอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลก สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรง และเหตุการณ์โจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน นอกจากนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน

ปตท.สผ. คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2567 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 70-90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาก๊าซธรรมชาติเหลวเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 9-13 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู บริษัทคาดว่าปริมาณขายเฉลี่ยในไตรมาส 3 ปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 484,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และในปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 501,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

#ปตทสผ #ผลประกอบการ #พลังงานสะอาด #Seagreen #กรีนไฮโดรเจน #ปันผล

Related Posts